6 ก.พ. เวลา 05:38 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ทองคำสำรองของสหรัฐอเมริกา มาจากไหน?

สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีทองคำสำรองมากที่สุดในโลก โดยมีปริมาณทองคำอย่างเป็นทางการอยู่ที่ประมาณ 8,133.5 ตัน (ข้อมูล ณ เดือนพฤษภาคม 2024) ทองคำสำรองเหล่านี้ไม่ได้เก็บไว้ในที่เดียว แต่กระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ภายใต้การดูแลของ U.S. Mint (โรงกษาปณ์สหรัฐ) และ Federal Reserve (ธนาคารกลางสหรัฐ) Fort Knox, Kentucky เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดและเป็นที่เก็บทองคำแท่งส่วนใหญ่
West Point, New York: เก็บทองคำแท่งและเหรียญกษาปณ์
Denver, Colorado: เก็บทองคำแท่ง Federal Reserve Bank of New York เก็บทองคำสำรองของรัฐบาลต่างประเทศและองค์กรระหว่างประเทศ (ไม่ใช่ของสหรัฐฯ เอง)
ต้นกำเนิดของทองคำสำรอง 8,000 ตัน
ทองคำสำรองของสหรัฐฯ สะสมมาเป็นเวลานานหลายทศวรรษ ผ่านกระบวนการต่างๆ ดังนี้:
การซื้อจากประชาชนและเหมืองแร่ ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ซื้อทองคำจากประชาชนและเหมืองแร่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มปริมาณทองคำสำรอง คำสั่งผู้บริหาร 6102 (Executive Order 6102) ในปี 1933 ประธานาธิบดีแฟรงคลิน ดี. รูสเวลต์ ออกคำสั่งนี้ ซึ่งบังคับให้ประชาชนชาวอเมริกันส่งมอบทองคำ (ยกเว้นเหรียญหายากและเครื่องประดับ) ให้แก่รัฐบาล เพื่อแลกกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในอัตราที่กำหนด การทำเช่นนี้มีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินดอลลาร์ในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression)
ข้อตกลงเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods Agreement): ในปี 1944 ข้อตกลงนี้กำหนดให้ประเทศต่างๆ ผูกค่าเงินของตนกับดอลลาร์สหรัฐฯ และดอลลาร์สหรัฐฯ ก็ผูกกับทองคำในอัตราคงที่ (35 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ทำให้ดอลลาร์สหรัฐฯ กลายเป็นสกุลเงินสำรองของโลก และประเทศต่างๆ ก็ส่งทองคำมาแลกเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อใช้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ
การยกเลิกระบบมาตรฐานทองคำ ในปี 1971 ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ได้ยกเลิกระบบมาตรฐานทองคำ (Gold Standard) ทำให้ดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่ได้ผูกกับทองคำอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ยังคงเก็บรักษาทองคำสำรองจำนวนมากไว้
ภาพถ่ายโดย Element5 Digital: https://www.pexels.com/th-th/photo/1550342/
ทองคำสำรองของสหรัฐฯ มีจำนวนมหาศาลและมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของสหรัฐฯต่อระบบการเงิน และเศรษฐกิจโลก
ผู้เขียน Tu Diamond
ภาพถ่ายโดย Pixabay
โฆษณา