17 ก.พ. เวลา 13:11 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

Yumi’s Cells S1 & S2

ละครเกาหลีที่ออกฉายในปี 2019 ที่มีแนวทางการนำเสนอลักษณะคล้ายๆ กับภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง Inside Out ของดีสนี่ย์ ซึ่งแกทำเป็นการ์ตูนทั้งหมด เนื้อเรื่องนี่เล่าถึงการพัฒนาของคนตั้งแต่เด็กจนเป็นผู้ใหญ่กับครอบครัวแก ส่วนของ Yumi’s Cells นี่เอานักแสดงผสมกับการ์ตูนแทรกไปมา แล้วเนื้อเรื่องนี่ก็บ้านๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหญิงชายแบบธรรมดาสามัญที่สามารถหาได้ในละครเกาหลีทั่วไป ดูๆไปถ้าใครอยากได้อะไรตื่นเต้น ไม่น่าจะหาเจอ ติ่งเกานี่รับรองเดาได้ตลอด ไม่มีอะไรที่ทำให้ประหลาดใจมาก
แต่สิ่งที่คิดว่าน่าสนใจของเรื่องนี้เลยคือการกำกับ การแสดง บท นักแสดงสามารถมาก ถ้าคนไม่เครียดจัดหละก็น่าจะดูแล้วหัวเราะได้เป็นระยะๆ ผู้กำกับกับคนเขียนบทใช้การนำเอาการ์ตูนมาผสมผสานเพื่อแสดงออกถึงสิ่งที่ควบคุมการกระทำการตัดสินใจของมนุษย์ว่าเกิดจากอะไรจากภายในตัวของเราเองได้เนียนๆ ดูเพลินๆได้ทีเดียว
ในเรื่องก็มีการสมมติว่าในร่างกายของเรานั้นแต่ละคนมีเซลล์ต่างๆที่ทำหน้าที่ต่างๆกัน เซลล์พวกนี้อยู่กันในเมือง ซึ่งถ้าเปรียบเทียบ เมืองก็คือร่างกายทั้งหมดของเรา แล้วเซลล์ก็คืออวัยวะต่างๆ สมองความคิดอะไรทั้งหมดซึ่งเป็นตัวกำหนดการกระทำการตัดสินใจโน่นนี่ของเราๆ ในแต่ละวัน โดยในเรื่องนี้ เป็นเรื่องเล่ายูมีและเซลล์ต่างๆของยูมี ในแต่ละประสบการณ์ ซีซัน 1 มี 12EP ดูฟรีได้ใน VIU ซีซัน 2 มี 14EP มีฉายใน Prime Video
เนื้อเรื่องเค้าก็สมมติว่าในแต่ละคนจะมีเซลล์หลายๆอย่างประกอบกัน แล้วในทุกคนจะต้องมีเซลล์หลักที่กำหนดคุณลักษณะของคนๆนั้นเรียกว่าไพร์มเซลล์(Prime cell) เป็นเซลล์ที่มีพละกำลังมีความสามารถมากกว่าเซลล์อื่นๆ เช่นของนางเอก ไพร์มเซลล์คือเซลล์ความรัก เป็นเซลล์เดียวที่สามารถความคุมเซลล์ความหิวได้ (เซลล์หิวนี่แกตัวใหญ่ที่สุดและจะตัวใหญ่มากเวลาหิวจัด เซลล์ความหิวนี่ไม่ฟังใครๆเลย)
ในร่างกายก็จะมีเซลล์หลักๆเช่น เซลล์เหตุผล เซลล์อารมณ์ สองตัวนี้จะกำหนดอะไรหลายๆอย่างเรียกได้ว่าเป็นหัวโจกของแต่ละเซลล์ย่อยทีเดียว โดยที่แต่ละเซลล์ย่อยเวลาจะทำอะไรก็ต้องฟังว่า ในเรื่องนั้นเหตุผลหรืออารมณ์ใครชนะ คำสั่งคืออะไรกันแน่ เช่นเวลาต้องใช้จ่ายเงินเซลล์ขี้เหนียวก็จะต้องทำงานแต่ต้องฟังเหตุผล ฟังอารมณ์ ฟังเซลล์อื่นๆออกความเห็นว่าจำเป็นต้องใช้จ่ายหรือไม่
เวลาเกิดเรื่องสำคัญๆมากๆ สำหรับยูมี (นางเอก) นี่ เซลล์ทุกเซลล์จะต้องนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปปรึกษากันในศาลประจำเมืองต้องมีการตัดสินกันในชั้นศาลทีเดียว นอกจากนี้เราจะเห็นชื่อเซลล์ขำๆ เช่น เซลล์จริงใจ เซลล์ตกปลา เซลล์ฮิสทีเรีย เซลล์นักสืบ เซลล์ขี้ขลาด เซลล์ลามก เซลล์กังวล เซลล์แฟชั่น เซลล์ทำงานบ้าน เซลล์งานอดิเรก (สารพัดเช่น เขียนหนังสือ เย็บผ้า วาดรูป) แต่ละเซลล์ทำหน้าที่แตกต่างกันออกไปแล้วลักษณะของเซลล์นี่ก็จะเป็นตัวกำหนดบุคลิกของเจ้าของร่างกายนั้นๆ เช่นถ้าเซลล์หิวทำงานเยอะก็อ้วนไง
เซลล์นี่ก็จะมีวันเวลาการทำงานเหมือนคนปรกติ เช่นถึงเวลาเข้านอนพวกเซลล์พวกนี้ก็จะกลับเข้าห้องนอนพักผ่อน ตลกมาก คือการ์ตูนที่วาดแทนเซลล์ของยูมีนี่ ใส่เสื้อกางเกงติดกันสีฟ้าขอบขาวสดใสน่ารักมาก (เซลล์ลามกนี่พิเศษ แกไม่ใส่กางเกงชั้นนอกใส่แต่กางเกงชั้นใน) นอกจากนี้ยังมีการสมมติด้วยว่าถ้ามีเซลล์อะไรทำอะไรผิดทำให้ยูมีลำบาก ก็จะโดนเก็บไปขังคุก ห้ามออกมาสำแดงฤทธิ์เดชทีเดียว
ยูมีนี่แกเป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายบัญชี อายุ 32 ปีโสดมาสามปีแล้วหลังจากโดนแฟนบอกเลิกแบบงงๆ ชีวิตยูมีก็เรื่อยๆมาเรียงๆ จนวันนึงมีรุ่นน้องชื่อยูกีที่หล่อวัวตายควายล้ม นางเอกถึงขั้นฝันถึงทีเดียว นายยูกีนี่ก็มาแสดงความใส่ใจ ซึ่งตัวนางเอกนั้นในวันที่นางเอกอกหัก ร้องให้เยอะจัด ปรากฎว่าน้ำท่วมเมืองทำให้เซลล์ความรักโคม่าไปเลย (ไม่ตายแต่โคม่า) แล้วการที่นายยูกีมาทำท่าสนใจนี่เอง ได้มากระตุกเซลล์ความรักให้ฟื้นขึ้นมาจากอาการโคม่าหลังจากสลบไป ​3 ปี
ตลอดทั้งเรื่องนี่จะเห็นเซลล์ต่างๆในร่างกายของยูมีนี่ แกจะปรึกษากันทำงานร่วมกันทะเลาะกัน งอนกัน เชียร์กัน ร่วมมือกันฝ่าฟันเหตุการณ์ต่างๆ สนุกและน่ารักดี วิธีการเล่าเรื่องโดยการเอาการ์ตูนมาเสริมเพิ่มอารมณ์ของนักแสดงนี่ทำได้เนียนๆ ตัดต่อดี แล้วตัวนางเอกคือ คิมโกอึน (นางเอกเรื่อง ​Guardian, Cheer Up, The King Eternal Monarch, Little Woman, อีกหลายเรื่อง) เล่นได้ดีมาก เรื่องนี้แกได้รับรางวัลเลยทีเดียว
เนื่องจากยูมีนี่คาแรคเตอร์ของแกคือพนักงานระดับกลางของบริษัทขายบะหมี่สำเร็จรูป เป็นคนต่างจังหวัด ลูกสาวคนเดียวของครอบครัวที่ไม่ได้มีปัญหาอะไรในชีวิต เราก็จะได้เห็นวิถึชีวิตแบบสมมติของคนโปรไฟล์แบบแบบนี้ในเกาหลีในปี 2018-2019 รับรู้วิธีการแก้ปัญหา การสรุปความ ชีวิตในออฟฟิส มารยาทสังคม ความคาดหวังโน่นนี่ ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษมาก แต่ไอ้ความที่ธรรมดานี่หละ ผู้กำกับเก่ง ทำยังไงให้ดูได้ไม่เบื่อเสียก่อน คิดว่าเพราะการ์ตูนตัวเซลล์ที่นำมาแทรกเป็นระยะๆนี่เอง น่ารักจัด
บทในเรื่องนี้ก็ไม่ใช่จะโรแมนติคหาสาระไม่ได้ซะทีเดียว แกจะมีการแทรกเรื่องค่านิยมการเหมารวมอะไรบ่อยมาก เช่นเปิดฉากมาก็มีประเด็นที่สะกิดใจประเด็นความไม่เท่าเทียมหญิงชายเลยทีเดียว เช่นข้อดีของการที่ผู้หญิงไม่มีแฟนคือ ไม่ต้องเสียเงินแต่งตัว ไม่ต้องเสียเวลาเก็บบ้าน มีเวลาโฟกัสเรื่องงาน เลยทำให้หน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า
คิดแล้วเลยแอบคิดว่าผู้กำกับแอบเหน็บอะไรไม๊นะ เพราะจะเห็นเยอะเลยในละครเกาหลีเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมของหญิงชายในการทำงาน การจัดการของครอบครัว ส่วนใหญ่แล้วดูเหมือนว่าสังคมจะไม่ได้ใจร้ายแบบนี้กับผู้ชายเวลามีแฟนหรือมีความสัมพันธ์ครอบครัวเท่าใดนักเหมือนจะเป็นค่านิยมว่ารับได้ แต่ถ้าเป็นหญิง มีครอบครัวมีแฟน จะถูกมองว่าประสิทธิภาพในการทำงานจะลดลง ปัญหาดึกดำบรรพ์ที่กระทั้่งยุคโควิดผ่านไปก็ยังคงมีเหมือนเดิมยากจะแก้ไข
นอกจากนี้ยังแล้วก็มีเรื่องประมาณว่า ผู้หญิงอายุสามสิบ ถ้ามานัดบอดจะสนใจเลยว่าจะแต่งงานไม๊ โดยเพื่อนพระเอกซีซันแรกนี่ แกบรรยายภาพพจน์ของนางเอกเป็นฉากๆเลยทีเดียวทันทีที่แกรู้ว่าพระเอกจะไปนัดบอด คือเพื่อนหญิงคนสนิทของพระเอกชื่อแชอีนี่ก็คือ เพื่อนหญิงคิดไม่ซื่อ(ได้ถ้าจำเป็น) คือต้องการหวงพระเอกเอาไว้ให้ขึ้นคานไปกับตนเอง (โห แรงมาก)
ไหนๆ ก็พูดถึงพระเอกชื่อกูอุง (นำแสดงโดยอันโบฮยอน Flex X Cop, Itaewon Class, Military Prosecutor Doberman) แล้วก็ต้องเล่าต่อว่าพระเอกนี่เพราะแกเป็นตัวหลัก ดังนั้นก็จะมีแก๊งค์เซลล์เป็นเมืองเหมือนกัน ตัวการ์ตูนน่ารักแต่งชุดสีม่วงลักษณะจะแมนๆไปหมด แล้วก็จะมีเซลล์หลักคือเซลล์เหตุผล เนื่องจากพระเอกนี่ อาชีพของแกคือโปรแกรมเมอร์ผลิตเกมส์ เป็นเจ้าของบริษัทสตาร์ทอัพเอง เรียนจบวิศวะคอมพิวเตอร์ดังนั้นวิธีการทำงานของเซลล์ในร่างกายของแกนี่ก็จะไม่เหมือนนางเอก
สมองของกูอุงนี่จะเป็นระบบประมวลผลแบบองค์รวม ประมาณว่ามีมันสมองรวมกันเป็นศูนย์กลางคอยสั่งการหลังจากรวบรวมข้อมูลและประมวลผลเรียบร้อยแล้ว จะไม่สั่งการหรือมีการทะเลาะกันปรึกษากันระหว่างเซลล์เหมือนของยูมี นี่ก็เป็นการบอกให้รู้ว่าชายหญิงการคิด การกระทำไม่เหมือนกัน ทำให้นึกถึงว่าเออ “ชายมาจากดาวอังคาร หญิงมาจากดาวศุกร์” นั่นแหละ กูอุงนี่ก็จะมีบุคลิกแบบคนจัดว่าดี หนักแน่น ซื่อสัตย์ ใจกว้าง แต่ออกจะบื้อๆเรื่องของผู้หญิงในบางเรื่อง แต่ก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียวเวลาที่ต้องการความฉลาดทางอารมณ์ขึ้นมา แกก็พอมีบ้าง
ชื่นชมผู้กำกับที่พยายางสื่อเอาอาการทางร่างกายต่างๆนำเสนอผ่านการ์ตูนให้คนดูรู้สึกสนุกและขำๆเช่น ตอนที่ยูมีหิว เซลล์หิวก็เดินไปมาพร้อมกับเปล่าขลุ่ยซึ่งเปรียบเสมือนในชีวิตจริงของคนที่เวลาหิวท้องจะร้อง หรือตอนที่ยูมีกับกูอุงแย่งกันจ่ายเงินค่าอาหารในวันนัดบอด แล้วมือบังเอิญชนกัน ทำให้นางเอกรู้สีกแปลกๆ ในภาพการ์ตูนก็ทำให้เซลล์ทุกตัวในเมืองของยูมีลอย ไม่ติดดิน ท้องฟ้าเป็นสีชมพู ทุกเซลล์ทำอาการเริ่งร่าลอยไปมา พอถึงตอนนี้เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายของนางเอกก็แก้มแดงมีความสุขชอบใจกูอุงไปหมด
ในซีซัน 1 นี่ตั้งแต่ EP3 เป็นต้นไปก็จะเป็นการเล่าเรื่องของยูมีกับกูอุงว่าพัฒนาความสัมพันธ์หญิงชายจากแฟนไปจนเกือบแต่งงานได้อย่างไร ผ่านการ์ตูนขำๆ แล้วก็เหตุการณ์ต่างๆที่คู่ชายหญิงจะต้องเผชิญระหว่างคบกันเป็นแฟน เช่นแซอีเพื่อนสนิทคิดไม่ชื่อของกูอุง การไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน ครั้งแรก การไปงานแต่งงานเพื่อนนักเรียน เมื่อกูอุงพบแฟนเก่าของยูมี ละครก็จะค่อยๆนำเสนอวิธีการแก้ปัญหาของตัวละครในเหตุการณ์ต่างๆผ่านทางเซลล์เฉพาะตัวของตัวเอง
มีกลไกนึงที่น่าสนใจคือการให้ความสำคัญของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เค้าจะสมมติว่าในตัวเราแต่ละคนจะมีการกำหนดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆอยู่ประมาณ 20 รายการ อันดับ 1-10 นี่สำคัญมาก เป็นตัวกำหนดการกระทำหรือการตัดสินใจต่างๆเลย เช่นของนางเอกนี่อันดับแรกคือพระเอก ส่วนพระเอกอันดับ 1-3 คือ ตัวเอง นางเอก แล้วก็แม่ ดังนั้นเวลาพระเอกเจอปัญหาอะไรที่ยาก เซลล์เหตุผลจะวิ่งกลับไปเช็คลำดับความสำคัญก่อนตัดสินใจว่าจะทำอะไรดี
ส่วนนางเอกตอนเจอวิกฤติ แกก็ใช้แน่นอนเซลล์ความรักเป็นใหญ่ ความสำคัญคือพระเอก ในบางครั้งก็มีแหวกแนวเซลล์นักเขียนที่จะจินตนาการเหตุการณ์แบบสุดโต่งแล้วก็บอกตัวเองได้ว่า ตัวเองต้องการอะไรจะแก้ปัญหาแบบไหน แต่ก็ยังยึดหลักลำดับความสำคัญอยู่ดี วิธีการนำเสนอของผู้กำกับทำได้น่าสนใจดี แล้วทำให้คิดว่า เออในชีวิตจริง เราเคยไล่เลียงลำดับความสำคัญในชีวิตเราไม๊ อะไรที่ผ่านได้ อะไรผ่านไม่ได้ อะไรห้ามแตะเส้นตายจริงๆ
นอกจากนี้ช่วงปลายๆของซีซัน 1 ก็จะมีการแนะนำตัวละครอีกตัวนึง เป็นพนักงานใหม่ของบริษัทที่ยูมีทำงาน ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาดชายหนุ่มหน้าตาดีชื่อยูบาบี ซึ่งแกก็มีแฟนสาวแสนเก่ง แต่ตอนท้ายๆก่อนจบก็คงพอจะเดาทางได้ว่าสุดท้ายแกคงโสดนั่นหละการนำเสนอยูบาบี (นำแสดงโดย จินยอง นักร้องวง Got7 นำแสดงเรื่อง When My Love Blooms, The Devil Judge, The Witch) ก็ประมาณว่าปูพื้นเรื่องก่อนเข้าซีซัน 2 ติ่งเกาหลีน่าจะรู้ว่าเรื่องควรจะเป็นอย่างไร
พอเริ่มซีซัน 2 นี่ จะเห็นเลยว่านางเอกของเรา ยูมี ก็เติบโตขึ้น แถมซ้ำแกได้มีโอกาสเปลี่ยนเส้นทางในชีวิต ปีนี้แกอายุ 33 แล้ว ย้ายไปทำงานฝ่ายการตลาด ได้เริ่มทำสิ่งที่แกใฝ่ฝันมาตลอด พัฒนาทักษะการเขียน ไปมาแน่นอน แกก็มีแฟนใหม่คือยูบาบีนั่นเอง ซึ่งยูบาบีนี่ จะมีคาแรคเตอร์ที่ตรงข้ามกับกูอุงทีเดียว คือแกมาทางสายศิลป์ ก็เป็นผู้จัดการการตลาดนี่นะ จะมาแนวชายอบอุ่น หวานและโรแมนติค ดีกับทุกคน(จนใครเป็นแฟนน่าจะต้องกังวลมากกก)
เราก็จะเห็นละครอารมณ์ประมาณยูมีและยูบาบี คู่รักที่ใครๆ ก็อิจฉา ชายหนุ่มผู้แสนดีจนน่าห่วงว่าหลุดออกมาจากเทพนิยายเทือกนั้น ซึ่งแน่นอนอะไรที่มีคำว่า “ดีเกินไป” ก็คือไม่พอดีนั่นเอง ในซีซัน 2 นี่นำเสนอปัญหาที่น่าสนใจในประเด็นที่ว่า แก้วที่ร้าวนี่จะสามารถซ่อมให้ดีเหมือนเดิมได้หรือไม่ ในความเชื่อส่วนใหญ่นี่บอกว่า เป็นความสัมพันธ์ที่ยากที่สุด ทำไมถึงยาก แล้วทำไมคู่ที่รักกัน ทั้งชายหญิงก็แสนดี แสนมีเหตุผล เชื่อใจสารพัด ทำไมถึงได้เกิดปัญหาได้ มันเป็นเพราะ “ดีเกินไป” จริงหรือไม่ ลองตามดูได้ในซีซัน 2
โฆษณา