Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เล่าไปเรื่อย
•
ติดตาม
24 ก.พ. เวลา 22:13 • ประวัติศาสตร์
ชีวิตการสมรสอันไม่ราบรื่นของพระเจ้าจอร์จที่ 4 และราชินีคาโรไลน์
"พระมหากษัตริย์ไม่ทรงเห็นชอบที่จะทำตามคำขอนั้น"
รองสมุหราชองครักษ์ได้ตอบกลับมหาดเล็กของราชินีคาโรไรน์ เมื่อครั้งพระราชินีคาโรไรน์แจ้งความประสงค์ที่จะเข้าร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระเจ้าจอร์จที่ 4 ผู้เป็นสวามี เพื่อสวมมงกุฎแล้วขึ้นพระราชินีเคียงคู่บัลลังก์กษัตริย์อังกฤษ สถานการณ์ความตึงเครียดดังกล่าวมีผลพวงมาตั้งแต่ก่อนที่ทั้ง 2 จะแต่งงานกันเสียอีก
พระเจ้าจอร์จที่ 4 เป็นกษัตริย์ที่ใช้ชีวิตอย่างสุดเหวี่ยง เมื่อครั้งทรงดำรงตำแหน่งเจ้าชายแห่งเวลส์ ทรงมีพระสนมเป็นสิบและมีลูกนอกสมรสนับไม่ถ้วน สร้างความลำบากใจให้แก่พระราชบิดาและพระมารดา - พระเจ้าจอร์จที่ 3 และราชินีชาร์ล็อตเป็นอย่างมาก แต่แล้วก็ถึงจุดพลิกผัน ในการที่เจ้าชายจอร์จเป็นเจ้าชายเจ้าสำราญ จัดงานเลี้ยงถี่ยิบ และปรนเปรอพระสนมอย่างเต็มที่ จึงทำให้เงินของพระองค์ลดลงแบบรวดเร็ว
จนที่สุดแล้วในปี 1795 มีรายงานว่าทรงติดหนี้เป็นจำนวนถึง 630,000 ปอนด์ ถ้าทุกท่านนึกไม่ออก ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันพระเจ้าจอร์จที่ 3 เคยซื้อพระราชวังบักกิงแฮมให้กับราชินีชาร์ล็อตในราคา 21,000 ปอนด์ นั้นหมายความว่าหนี้สินทั้งหมดของเจ้าชายจอร์จ สามารถซื้อวังบักกิงแฮมได้ถึง 30 หลัง
ด้วยหนี้มหาศาลถึงเพียงนี้ แม้เจ้าชายจอร์จจะขอร้องเงินจากราชสำนักและรัฐสภามากแค่ไหนก็ไม่มีการตอบรับใดๆ จนเมื่อรัฐสภาเห็นประโยชน์จากเรื่องนี้ จึงเสนอให้พระองค์ต้องแต่งงานและมีรัชทายาทตามกฎหมาย รัฐสภาจึงจะออกเงินใช้หนี้ให้ทั้งหมด
ด้วยเหตุดังกล่าวพระเจ้าจอร์จที่ 3 จึงได้จัดให้เจ้าชายจอร์จได้แต่งงานกับเจ้าหญิงคาโรไลน์แห่งบรันสวิค ผู้มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเจ้าชายเพราะแม่ของคาโรไลน์คือ เจ้าหญิงออกัสตา - พี่สาวของจอร์จที่ 3
เมื่อครั้งแรกที่ทั้ง 2 ได้พบหน้ากัน ด้วยพื้นเพของคาโรไลน์ที่ทรงไม่ชอบอาบน้ำ ไม่ชอบฉีดน้ำหอม และไม่ค่อยดูแลตัวเอง จนทำให้พระองค์ตัวเหม็นและไม่น่าดูจนเกินจะบรรยาย ดังนั้นเมื่อเจ้าชายจอร์จได้เจอหน้าเธอ ทรงผิดหวังและรับไม่ได้เป็นอย่างมาก โดยตามประเพณีของราชวงศ์ยุโรปพอเจอหน้ากันก็ต้องกอดหรือหอมแก้มกันเพื่อเป็นการทักทาย แต่พอจอร์จได้กอดคาโรไลน์ปุ๊บ พระองค์ก็ผลักนางออกปั๊บ อันเป็นเหตุมาจากกลิ่นตัวของคาโรไลน์เหม็นเปรี้ยวมาก
การที่ First Moment ไม่ดีขนาดนี้จึงทำให้เจ้าชายจอร์จอยากจะยกเลิกการแต่งงานนี้ไปเลย แต่ก็ทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะถ้าทรงยกเลิก รัฐสภาก็จะไม่จ่ายหนี้ให้ ประกอบกับสมาชิกราชวงศ์บังคับว่าต้องได้จัดงานแต่งนี้
พิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าชายจอร์จแห่งเวลส์และเจ้าหญิงคาโรไลน์ พระชายา
8 เมษายน 1795 ระฆังวิวาห์ในโบสถ์หลวงของพระราชวังเซนต์เจมส์ได้ดังขึ้น ทั้ง 2 ได้สมรสและทำกิจหลังแต่งงานในคืนนั้น แล้วทั้ง 2 ก็ได้แยกกันอยู่นับแต่นั้นเป็นต้นมา แต่นี่ก็ถือว่าเพียงพอแล้วเพราะในอีก 9 เดือนต่อมาคาโรไลน์ได้มอบพระรัชทายาท อันเป็นหลาน(ที่มาจากสมรสที่ถูกต้องตามกฎหมาย)คนแรกให้กับพระเจ้าจอร์จที่ 3 และพระราชินีชาร์ล็อต ธิดาองค์นั้นมีนามว่า “เจ้าหญิงชาร์ล็อต ออกัสตาแห่งเวลส์”
จอร์จที่ 3 ทรงเอ็นดูหลานคนนี้มากและทรงหวังว่าธิดาองค์นี้จะช่วยประสานรอยร้าวให้กับทั้งจอร์จและคาโรไลน์ได้กลับมาคืนดีกัน (เรื่องของเจ้าหญิงชาร์ล็อตเราจะเล่าในบทความถัดๆไป) แต่ในทางกลับกัน เจ้าชายจอร์จทรงพระกริ้วมากที่ไม่ได้พระโอรส จนใน 3 วันต่อมา จอร์จได้ร่างพินัยกรรมโดยมีใจความว่า ทรงจะมอบทรัพย์สินทั้งหมดที่มีให้กับมาเรีย ฟิตเฮอเบิร์ต (Maria Fitzherbert) พระสนมคนโปรด และจะให้เงินเพียง 1 ชิลลิงกับคาโรไลน์ผู้เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย
หนังสือพิมพ์หลายฉบับได้ลงข่าวและวิจารณ์เจ้าชายจอร์จว่าใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยในช่วงที่ประเทศเกิดสงครามในภาคพื้นยุโรป(สงครามนโปเลียน) ขณะเดียวกันคาโรไลน์ก็ถูกมองว่าได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมจากสวามี ทรงเป็นที่นิยมจากประชาชนเพราะทรงเป็นคนที่ไม่ถือพิธีรีตอง ซึ่งทำให้เจ้าชายจอร์จไม่ชอบในคะแนนความนิยมของพระชายา พระองค์จึงรู้สึกติดกับในชีวิตสมรสที่ไม่มีความรัก และต้องการแยกกันอยู่กับพระชายา
หนังสือพิมพ์ได้วาดภาพล้อเลียยนการทะเลาะและไม่ลงรอยกันของทั้ง 2 พระองค์
เมื่อคาโรไลน์ทนไม่ไหวต่อการโดนกระทำและการสู้ดิ้นรนต่างๆนานา พระองค์จึงเจรจาต่อรองกับรมต.กระทรวงการต่างประเทศ โดยจะทรงยอมออกจากอังกฤษและกลับไปบ้านเกิดเป็นการแลกเปลี่ยนกับเงินถวายรายปีเป็นจำนวน 35,000 ปอนด์ แล้วทิ้งพระธิดาไว้เบื้องหลัง เจ้าชายจอร์จดีใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง เจ้าหญิงคาโรไลน์ไม่เคยกลับมาเหยียบแผ่นดินอังกฤษอีกเลย แม้กระทั้งงานพระศพของพระธิดาเมื่อปี 1817 ก็ไม่ทรงมาร่วมงานด้วย ได้แต่ทรงไว้ทุกข์ส่วนพระองค์ วันเวลาล่วงเลยไปจนกระทั้ง...
ปี 1820 หลังจากครองราชย์มานานกว่า 50 ปี พระเจ้าจอร์จที่ 3 ก็ได้สวรรคตลง เป็นอันแน่นอนแล้วว่ารัชทายาทอันดับหนึ่ง ซึ่งก็คือ “เจ้าชายจอร์จ เจ้าชายแห่งเวลส์และเจ้าชายผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์” จะได้ทรงขึ้นครองราชย์เฉลิมพระนามว่า “พระเจ้าจอร์จที่ 4” และการที่จะเป็นกษัตริย์ได้อย่างสมบูรณ์ก็ต้องมีการจัดงานบรมราชาภิเษก แต่ทว่ามีปัญหาอยู่แค่ข้อเดียวในการจัดงานนี้คือ จอร์จยังไม่ทำการหย่ากับคาโรไลน์
พิธีราชาภิเษกเดิมถูกวางแผนไว้ว่าจะจัดในวันที่ 1 สิงหาคม 1820 แต่เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน คาโรไลน์กลับมาที่อังกฤษอย่างไม่คาดคิดเพื่อลงสิทธิ์ในการขึ้นเป็นราชินี แม้จะมีข่าวลือมานานมากมายเกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสมของคาโรไลน์ แต่เธอก็ได้รับความเห็นใจจากประชาชนจำนวนมาก ประชาชนส่วนมากก็มีความเห็นว่าการที่คาโรไลน์ใช้ชีวิตเสเพลไปวันๆเป็นผลมาจากการไม่ใส่ใจในตัวพระชายาของจอร์จที่ 4 แต่จอร์จก็ไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะหย่าร้างและขัดขว้างการขึ้นสู่ตำแหน่งพระราชินีของคาโรไลน์ทุกวิถีทาง
เจ้าหญิงคาโรไลน์ที่ออกไปปาร์ตี้จนเมาเละเทะ มีการกล่าวถึงพระองค์ว่าทรงเมาขนาดที่ถอดเสื้อผ้าทุกชิ้นจนเหลือแต่ชุดชั้นใน
แต่ตามกฎหมายของอังกฤษในขณะนั้น การหย่าร้างเป็นไปไม่ได้เว้นแต่จะมีการยอมรับว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกระทำการนอกใจ(ตอนนั้นเป็นค่อนข้างจะเป็นสังคมปิตาธิปไตยและทรงเป็นกษัตริย์ จอร์จจึงไม่มีความผิดในข้อนี้) เนื่องจากทั้งจอร์จและคาโรไลน์ต่างไม่ยอมรับการนอกใจ จอร์จจึงได้เสนอกฎหมายร่างฉบับหนึ่งเข้าสู่รัฐสภา “ร่างกฎหมายเกี่ยวกับบทลงโทษและการลงโทษ (Pains and Penalties Bill 1820)” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิกถอนตำแหน่งและสิทธิของพระราชินีคาโรไลน์ และดำเนินการเพื่อทำการหย่าร้างกับจอร์จที่ 4
ซึ่งหากได้รับการอนุมัติจะเป็นผลว่าคาโรไลน์กระทำการนอกใจและจะอนุญาตให้พระเจ้าจอร์จหย่าร้าง แต่เนื่องจากคะแนนเสียงที่โหวตให้ผ่านมีความห่างกันเพียงเสี้ยวนิด รวมถึงความไม่พอใจของประชาชนเกี่ยวกับร่างกฎหมายนี้มีมาก รัฐบาลจึงได้ถอนร่างกฎหมายออกก่อนที่จะมีการอภิปรายในสภาสามัญชน เพราะโอกาสที่ร่างกฎหมายจะผ่านที่นั่นแทบจะเป็นไปไม่ได้
หลังจากที่ยกเลิกร่างกฎหมายไป ราชินีคาโรไลน์ก็พยายามทำทุกทาง เพื่อที่จะให้ตนได้ไปสวมมงในพิธีราชาภิเษก โดย 3 วันก่อนถึงวันงาน เฮนรี ฮูด - ข้าราชบริพารในองค์ราชินี ได้เขียนจดหมายไปยังดยุคแห่งนอร์ฟอล์กเพื่อแจ้งว่า องค์ราชินีจะเข้าร่วมพิธีบรมราชาภิเษกที่กำลังจะมาถึงและขอให้เธอได้รับการพาไปยังเก้าอี้ของเธอ เขาได้รับการตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า "มันไม่เป็นความประสงค์ขององค์กษัตริย์ที่จะยอมรับคำขอนี้" แม้จะได้รับการปฏิเสธ พระราชินีคาโรไลน์ก็ยังมีความมุ่งมั่นที่จะเข้าร่วมพิธี
6 โมงเช้าของวันที่ 19 กรกฎาคม รถม้าของพระราชินีมาถึงพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ และได้รับการต้อนรับด้วยเสียงปรบมือจากฝูงชนที่เห็นใจพระองค์ แต่ไม่ว่าพระราชินีจะไปที่ประตูทางเข้าใด เหล่าองครักษ์ ทหาร และเจ้าหน้าที่รักษาประตูก็จะคอยห้ามปรามพระองค์ไม่ให้เข้าไปในพิธี ในขณะเดียวกันนั้นพระเจ้าจอร์จที่ 4 ก็กำลังดำเนินการสวมมงกุฎจนแล้วเสร็จ พระราชินีคาโรไลน์ก็ยอมแพ้แล้วออกจากวังเวส์มินสเตอร์ในที่สุด
ในอีก 2 สัปดาห์ต่อมา พระราชินีคาโรไลน์ก็สิ้นพระชนม์ลงด้วยโรคมะเร็ง(น่าจะเป็นเพราะทรงป่วยใจจึงตรอมใจตาย - ความคิดเห็นของผู้เขียน) หลังจากสู้กับพระสวามีมาตลอดทั้งชีวิต พระศพของพระองค์ถูกนำกลับมาฝังที่บรันสวิค และองค์ราชินีได้มีประสงค์ให้จารึกป้ายหลุมศพของตนว่า “Caroline of Brunswick The Injured Queen of England” คาโรไลน์แห่งบรันสวิค ราชินีแห่งอังกฤษผู้ถูกทำร้าย
อ้างอิง
คลิป Princess Charlotte of Wales - The Queen Who Never Was จากช่อง youtube : History Tea Time with Lindsay Holiday
หนังสือ Robins, Jane (2006). Rebel Queen: How the Trial of Caroline Brought England to the Brink of Revolution. Simon & Schuster
เว็บไซต์
Coronation of King George IV
https://en.wikipedia.org/wiki/Coronation_of_George_IV
Pains and Penalties Bill 1820
https://en.wikipedia.org/wiki/Pains_and_Penalties_Bill_1820
Caroline of Brunswick The Injured Queen of England
https://brightonmuseums.org.uk/discovery/history-stories/caroline-of-brunswick-the-injured-queen-of-england/
The Queen Who Stormed the Coronation
https://www.vanityfair.com/style/2023/04/the-queen-who-stormed-the-coronation?srsltid=AfmBOopTB_dnM9E56ulgNWqY26P9wswexJL620aX4UaiS-fReuFZYA-p
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย