🇨🇳 NPC เดือด! จีนรวมพลกู้วิกฤตเศรษฐกิจ สู้ศึกทรัมป์ขึ้นภาษี ⚠️
ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง เตรียมเผยแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของจีน ท่ามกลางสงครามการค้าที่กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรอบใหม่ 10% ซึ่งมีผลบังคับใช้ก่อนวันเปิดประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) เพียงหนึ่งวันเท่านั้น
ในการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีนที่จะจัดขึ้นในกรุงปักกิ่ง จะมีตัวแทนจากทั่วประเทศกว่า 1,000 คนเข้าร่วม ซึ่งรวมถึงผู้นำมณฑลและหัวหน้ากระทรวงต่างๆ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าจีนจะยังคงเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ที่ประมาณ 5% เท่ากับปีก่อน และเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ รัฐบาลจีนมีแนวโน้มที่จะเพิ่มงบประมาณขาดดุลไปถึงระดับสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี
คาดการณ์กันว่าขาดดุลงบประมาณของจีนปีนี้จะเพิ่มเป็นประมาณ 4% ของ GDP เทียบกับปีที่แล้วที่ 3% หรือคิดเป็นเม็ดเงินรวมราว 12 ล้านล้านหยวน โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เตรียมไว้ ได้แก่ การออกพันธบัตรรัฐบาลพิเศษจำนวน 2 ล้านล้านหยวน ซึ่งเพิ่มขึ้นสองเท่าจากปีก่อน และพันธบัตรรัฐบาลท้องถิ่นพิเศษอีกสูงถึง 4 ล้านล้านหยวน โดยเงินเหล่านี้จะถูกใช้เพื่อแก้ปัญหาเงินฝืด กระตุ้นการบริโภคในประเทศ และฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังซบเซา
นอกจากสงครามการค้ากับสหรัฐแล้ว จีนยังเผชิญกับปัญหาท้าทายทางเศรษฐกิจภายในประเทศหลายด้าน โดยเฉพาะการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดต่ำลง และส่งผลกระทบต่อรายได้และการจ้างงาน ประกอบกับการส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างชัดเจน หลังจากปีที่แล้วจีนมีอัตราการเติบโตของภาคส่งออกเกือบ 6% แต่นักวิเคราะห์จาก Nomura คาดการณ์ว่าการส่งออกในปีนี้จะหยุดโต
รัฐบาลจีนจึงต้องเน้นไปที่การกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ โดยการออกมาตรการกระตุ้นครั้งนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อผลักดันให้ประชาชนและภาคธุรกิจมีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น แต่หลายฝ่ายยังมีความกังวลว่ามาตรการที่ออกมาอาจยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะหากสหรัฐเดินหน้ายกระดับการเก็บภาษีสินค้าจากจีนเพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน เป้าหมายด้านเงินเฟ้อของจีนในปีนี้ก็ถูกจับตามองเป็นพิเศษ โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจีนจะปรับลดเป้าหมายเงินเฟ้อจากเดิม 3% มาเป็น 2% ซึ่งจะถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปีที่จีนลดเป้าหมายเงินเฟ้อให้ต่ำขนาดนี้ ซึ่งสะท้อนถึงการยอมรับปัญหาเงินฝืด และอาจทำให้รัฐบาลจีนต้องเร่งดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอีก เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นและกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน
ในระยะยาว แม้สงครามการค้ากับสหรัฐจะสร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจให้จีนไม่น้อย แต่จีนยังมีโอกาสจากการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่าง Chatbot DeepSeek ที่เริ่มมีบทบาทมากขึ้น นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ประเมินว่า AI จะช่วยเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของจีนสูงถึง 0.3% ต่อปี ภายในปี 2030 และมีแนวโน้มที่จะช่วยให้จีนสามารถพึ่งพาตนเองได้มากขึ้นทางด้านเทคโนโลยี
สรุปได้ว่า ในปีนี้จีนเผชิญทั้งโอกาสและความท้าทายที่ซับซ้อน สิ่งสำคัญไม่ใช่ว่าปัจจัยใดจะมีน้ำหนักมากกว่ากัน แต่ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลจีนจะสามารถบริหารจัดการและปรับเปลี่ยนนโยบายได้อย่างทันท่วงที เพื่อรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศให้ยั่งยืนและมีเสถียรภาพได้หรือไม่ค่ะ
ปล. การประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ครั้งที่ 3 ของชุดที่ 14 มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 5 มีนาคม 2025 ที่กรุงปักกิ่ง โดยปกติแล้ว การประชุม NPC จะมีระยะเวลาประมาณ 10-14 วัน อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาในการประชุมแต่ละครั้งอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวาระและประเด็นที่ต้องพิจารณาในปีนั้นๆ
- 11
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
