Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
OneDay Blog
•
ติดตาม
3 มี.ค. เวลา 03:00 • ธุรกิจ
ลดต้นทุน เพิ่มกำไร! เข้าใจสินค้าคงเหลือตามมาตรฐานบัญชีใหม่
ต้นทุนของสินค้าคงเหลือเป็นองค์ประกอบสำคัญในงบการเงินของธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการค้าสินค้าและการผลิตสินค้า มาตรฐานการรายงานทางการเงินสำหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ (TFRS for NPAEs) ฉบับปรับปรุง 2565 ได้กำหนดแนวทางเกี่ยวกับการรับรู้ต้นทุนของสินค้าคงเหลือไว้อย่างชัดเจนเพื่อให้การจัดทำบัญชีเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือ
บทความนี้จะอธิบายแนวทางเกี่ยวกับต้นทุนของสินค้าคงเหลือตามมาตรฐานดังกล่าว พร้อมยกตัวอย่างประกอบเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. องค์ประกอบของต้นทุนสินค้าคงเหลือ
ตามมาตรฐาน TFRS for NPAEs หมวดที่ 11 ต้นทุนของสินค้าคงเหลือประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่:
1.1 ต้นทุนการซื้อ (Cost of Purchase)
ต้นทุนการซื้อประกอบด้วย:
• ราคาสินค้าตามใบแจ้งหนี้
• ภาษีนำเข้าและภาษีอื่นที่ไม่สามารถขอคืนได้
• ค่าขนส่ง ค่าขนถ่าย และค่าประกันภัยที่เกี่ยวข้อง
• หักด้วยส่วนลดทางการค้า เงินคืน หรือเงินชดเชยอื่น ๆ
ตัวอย่าง: หากธุรกิจซื้อมือถือ 100 เครื่องในราคาเครื่องละ 5,000 บาท และได้รับส่วนลด 10% ต้นทุนการซื้อคือ:
1.2 ต้นทุนการแปรรูป (Cost of Conversion)
ต้นทุนการแปรรูปเป็นต้นทุนที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิต เช่น:
• ค่าแรงงานทางตรง เช่น ค่าแรงพนักงานผลิต
• ค่าใช้จ่ายโรงงาน เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าเสื่อมราคาเครื่องจักร
ตัวอย่าง: โรงงานผลิตโต๊ะไม้ ใช้ไม้แปรรูปเป็นวัตถุดิบ ค่าแรงงานประกอบโต๊ะอยู่ที่ 200 บาทต่อโต๊ะ ค่าดำเนินงานโรงงานคิดเฉลี่ย 50 บาทต่อโต๊ะ หากผลิตโต๊ะ 100 ตัว ต้นทุนการแปรรูปคือ:
1.3 ต้นทุนอื่นที่เกี่ยวข้อง
เป็นต้นทุนที่จำเป็นในการนำสินค้ามาอยู่ในสภาพพร้อมขาย เช่น ค่าบรรจุภัณฑ์ ค่าขนส่งภายใน และค่าปรับปรุงคุณภาพสินค้า
2. การวัดมูลค่าของสินค้าคงเหลือ
สินค้าคงเหลือต้องบันทึกตาม "มูลค่าที่ต่ำกว่า" ระหว่าง:
• ต้นทุน (Cost) ตามที่คำนวณข้างต้น
• มูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Net Realizable Value - NRV) ซึ่งคือราคาขายที่คาดว่าจะได้รับ หักด้วยค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการขาย
ตัวอย่าง: ร้านขายเสื้อมีต้นทุนต่อหน่วย 500 บาท แต่ราคาขายในตลาดลดลงเหลือ 450 บาท และต้องเสียค่าขนส่ง 20 บาทต่อหน่วย NRV เท่ากับ: ดังนั้นต้องบันทึกสินค้าคงเหลือที่ 430 บาทต่อหน่วย
3. วิธีการคำนวณต้นทุนสินค้าคงเหลือ
มาตรฐาน TFRS for NPAEs อนุญาตให้ใช้ 2 วิธีในการคำนวณต้นทุน ได้แก่:
3.1 วิธีเข้าก่อน-ออกก่อน (FIFO - First In, First Out)
FIFO สมมติว่าสินค้าที่ซื้อเข้ามาก่อนจะถูกขายออกไปก่อน เหลือสินค้าคงเหลือที่ซื้อเข้ามาล่าสุด
ตัวอย่าง:
วันที่ รายการ จำนวน (หน่วย) ราคาต่อหน่วย (บาท) รวม (บาท)
1 ก.พ. ซื้อสินค้า 100 50 5,000
5 ก.พ. ซื้อสินค้า 100 55 5,500
10 ก.พ. ขายสินค้า (150) ? ?
ต้นทุนสินค้าที่ขายไป คือ 100 หน่วยแรกที่ 50 บาท (5,000) + 50 หน่วยที่ 55 บาท (2,750) = 7,750 บาท
สินค้าคงเหลือ: 50 หน่วยที่ 55 บาท = 2,750 บาท
3.2 วิธีต้นทุนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (Weighted Average Cost - WAC)
ทุกครั้งที่มีการซื้อใหม่ จะคำนวณต้นทุนเฉลี่ยใหม่
ตัวอย่าง: ซื้อ 100 หน่วย @ 50 บาท → รวม 5,000 บาท ซื้อเพิ่ม 100 หน่วย @ 55 บาท → รวม 5,500 บาท ต้นทุนเฉลี่ย = (5,000 + 5,500) / 200 = 52.50 บาท
ขาย 150 หน่วย → COGS = 150 × 52.50 = 7,875 บาท
สินค้าคงเหลือ: 50 หน่วย × 52.50 = 2,625 บาท
4. การด้อยค่าของสินค้าคงเหลือ (Inventory Write-down)
หากสินค้าคงเหลือมีมูลค่าลดลง เช่น สินค้าล้าสมัยหรือเสียหาย ต้องบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าผ่านงบกำไรขาดทุน และ ห้ามกลับรายการ แม้ว่ามูลค่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต
ตัวอย่าง: สินค้ามีต้นทุน 1,000 บาท แต่ราคาตลาดเหลือ 700 บาท ต้องบันทึกสินค้าคงเหลือที่ 700 บาทและรับรู้ขาดทุน 300 บาท
สรุป
✅ ต้นทุนสินค้าคงเหลือรวมต้นทุนซื้อ ต้นทุนแปรรูป และต้นทุนอื่นที่เกี่ยวข้อง ✅ ต้องบันทึกตาม "ต้นทุน" หรือ "มูลค่าสุทธิที่จะได้รับ" แล้วแต่ค่าที่ต่ำกว่า ✅ อนุญาตให้ใช้วิธี FIFO และ WAC แต่ห้ามใช้ LIFO ✅ หากราคาสินค้าลดลง ต้องบันทึกด้อยค่า และห้ามกลับรายการ
บทความนี้หวังว่าจะช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าใจหลักการเกี่ยวกับต้นทุนสินค้าคงเหลือตาม TFRS for NPAEs และสามารถนำไปใช้ในการบริหารธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเงิน
ธุรกิจ
ความรู้รอบตัว
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย