3 มี.ค. เวลา 06:35 • ข่าวรอบโลก

เวลาผ่านไป 250 ปี จึงเห็นควรกำหนดภาษาราชการ

ไม่แปลกใจว่า ไม่ถึงสามเดือน ประธานาธิบดีทรัมป์ ออกคำสั่ง Executive Orders จำนวนมากมาย ที่สร้างความประหลาดใจ หรือเค้าใช้คำว่า boggling กับหลายๆ คน และทั้งโลก ตามเคมเปญ ‘MAGA’ Make America Great Again ของทรัมป์ ที่จะทำให้ชาติกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ในทุกมิติ
ล่าสุดประกาศให้ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาราชการ (Official Language) ในคำสั่งฝ่ายบริหาร โดยอ้างถึงรัฐธรรมนูญและเอกสารประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ล้วนใช้ภาษาอังกฤษมานานแล้ว แต่เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาอยู่ในประเทศมีส่วนร่วมในเอกภาพ การมีส่วนร่วมในประเพณี (ไม่ค่อยได้ยินคำนี้ในสหรัฐฯ เท่าไร) และการมอบสิ่งดีๆ สู่สังคม จึงกำหนดให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการเพียงภาษาเดียว และแล้วหน้าเพจของทำเนียบขาวที่เป็นภาษาสเปนิชก็หายไป
จริง ๆ หงุดหงิดหลังเคยมีอดีตผู้ว่าการรัฐฟลอริดาคนหนึ่ง ใช้ภาษาสเปนนิช ในการหาเสียง หรือเปล่าไม่ทราบ
คำสั่งนี้ทำให้ต้องตระหนักว่า new comers ถ้าเข้ามาแล้วต้องใช้ภาษาอังกฤษเท่านั้น เอกสารราชการไม่มีภาษาอื่น และหน่วยงานต้องหาผู้ช่วยด้านภาษาในการอำนวยความสะดวกให้กับคนที่พูดภาษานั้นไม่ได้
เมื่อดินแดนแห่งเสรีภาพ เต็มไปด้วยภาษาและเชื้อชาติที่หลากหลาย
จริงๆ แล้วถ้าไม่มีเรื่องนี้ เราจะไม่รู้เลยว่า ดินแดนเสรีภาพแห่งนี้มีภาษา นอกเหนือจากภาษาอังกฤษ มากกว่า 350 ภาษาเลยทีเดียว และมีประชาชนถึง 68 ล้านคนใช้ภาษาต่างๆ กัน (จาก 340 ล้านคน)
ในจำนวนนี้มี 160 ภาษาที่เป็นภาษา Native American หรือภาษาพื้นเมือง รองลงไปคือ สเปนนิช จีน อาราบิค และสแกนดิเนเวียน ข้อมูลจาก US Census Bureau หรือ สำนักงานสำมะโนประชากรของสหรัฐฯ เปิดเผย
ในบรรดารัฐที่มีการใช้ภาษาพื้นเมืองมากสุด ก็คือ รัฐอลาสกา และฮาวาย
ส่วนภาษาพื้นเม่องที่มีผู้ใช้มากสุด เช่น Navajo, Dakota, และ Yupik สำหรับภาษา Navajo และ Dakota ใช้ในกลุ่มคนที่มีเชื้อสาย Indian ที่อยู่บริเวณ Southwest เช่น รัฐยูทาห์ โคโรลาโด นิวเม็กซิโก และอริโซนา ส่วน Yupik เป็นภาษาของเอสกิโม เช่น ผู้ที่อยู่ในรัฐอลาสกา
ภาษาอังกฤษเองก็หลากหลาย
จริงๆ แล้วเมื่อจำแนกรูปแบบของภาษาพูด แบ่งได้เป็น British English, American English, Australian English และ Canadian English ซึ่งเรื่องของไวยากรณ์นั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะใช้กฎหลักภาษาเหมือนกัน แต่ภาษาพูด และการเรียกสิ่งของอาจมีความแตกต่างกันค่อนข้างเป็นนัยสำคัญ และโดยเฉพาะสำเนียงก็ต่างกัน เหมือนเวลาคนไทยพูด แม้หันหลังให้ยังรู้ว่า สำเนียงแบบนี้คือ คนไทยพูด เช่นเดียวกับภาษาอังกฤษของคนยุโรป หรือสแกนดิเนเวียน เป็นต้น
ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงในสหรัฐฯ แต่ละรัฐนั้น ภาษายังต่างกันเลย ชาวอเมริกันหลายคนก็บอกว่า ไม่เห็นต้องประกาศเลย ไปคิดเรื่อง ปากท้องดีกว่า ไข่แพง ทำไงให้ราคาของลดลง ค่าครองชีพลดลง บางคนก็บอกว่า ประเทศเราก็ Diversity อยู่แล้ว ทำไมต้องมาประกาศ แต่ทรัมป์ดูเหมือนจะไม่ชอบคำนี้เท่าไร Diversity ชอบ Unity มากกว่าหรือไม่ สั่งยังไงต้องทำตาม
เชื่อหรือไม่ว่า หลายพื้นที่ในสหรัฐฯ คนงาน (worker) หลายคนยังพูดภาษาอังกฤษ ไม่เข้าใจเลย โดยเฉพาะชนชั้นแรงงาน เช่น แม่บ้าน คนงานภาคเกษตรกรรม ดังนั้นการประกาศเช่นนี้ อาจเกี่ยวข้องกับ Illegal immigrants หรือเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายหรือไม่ ติดตามกันต่อไป
โฆษณา