เปิดประวัตินางเอกหน้าตุ๊กตาบาร์บี้“ขวัญ-อุษามณี”
อุษามณี ไวทยานนท์ หรือ ลูกขวัญ, ขวัญ มีชื่อจริงว่า อุษามณี พูลเกิด เกิดเมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2531 เป็นธิดาคนเล็กของดาบตำรวจ เกษม พูลเกิด(เสียชีวิตแล้ว) เป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ กับนางปราณี ไวทยานนท์ มีเชื้อสายไทย-มอญ-แขกขาว มีพี่สาวหนึ่งคนชื่อ เขมรัสนี พูลเกิด หรือ ลูกแก้ว อดีตนักแสดง สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะนิเทศศาสตร์ เอกประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ระดับปริญญาโท จากคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และระดับปริญญาเอก Doctor of Public Administration จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
ขวัญแสดงละครเรื่องแรกที่เล่นคือ "พ่อจ๋า แม่ขา ลูกรัก" จนได้รับงานแสดงทั้งของช่อง 3 และช่อง 7
ในปี 2547 อุษามณีได้ทำสัญญาเป็นนักแสดงของสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 HD โดยประเดิมแสดงละคร 2 เรื่อง เก็บใจให้กัน เพื่อวันของเรา และ สาวน้อยในตะเกียงแก้ว ภาค 2 ตอนแม่มดน้อยตัวป่วน ซึ่งเรื่องหลังรับบทนางร้าย
ต่อมาได้เล่นเป็นนางเอกเต็มตัวเรื่องแรก อกธรณี ซึ่งเป็นละครเย็น ส่งผลให้ชื่อเสียงของเธอเป็นที่รู้จักมากขึ้น ที่สำคัญยังแจ้งเกิดเบนซ์-ปุณยาพร พูลพิพัฒน์ จากผลงานเรื่องที่ 2(เรื่องแรก คือ รักสุดขั้ว)
ขวัญได้แสดงในเรื่อง"ขิงก็ราข่าก็แรง" ที่ทำให้เกิดวลีติดปากอย่าง'แม่ไม่ปลื้ม... จบ' ส่งผลให้ละครเรื่องนี้เป็นละครที่มีเรตติ้งสูงสุดของปี 2549 โดยตอนจบเรตติ้งสูงสุดถึง 24 และเรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 17 และถือเป็นนางเอกที่อายุน้อยที่สุดคนหนึ่งที่ได้เข้าชิงรางวัล “ดารานำหญิงยอดเยี่ยม” จากเวทีประกาศรางวัลที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับสูงสุดในสมัยนั้นอย่าง Top Awards
ต่อมาปี 2554 อุษามณีได้กลับมาพลิกบทบาทฝีมือในบทร้ายอีกครั้งกับบท อินตรา (ในร่างมนชญา สลับกับปุณยาพร พูลพิพัฒน์) จากละครเรื่อง "เพลิงพรหม" ที่สามารถทำเรตติ้งตอนจบสูงถึง 20 จนคว้ารางวัลร้ายได้ใจ จากสยามดารา อวอร์ด 2011 และในปีเดียวกันนี้ ได้รับโอกาสจากคุณแดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์ หัวเรือใหญ่ของช่อง 7 สมัยนั้น ให้สวมบทบาทนางเอกในละครฟอร์มยักษ์ทุนสร้างกว่า 100 ล้านบาท “ฟ้าจรดทราย”
และใช้เวลาในการถ่ายทำนานกว่า 3 ปี ก่อนจะออกอากาศในปี 2556 แม้ละครฟ้าจรดทรายจะไม่ประสบความสำเร็จทางด้านเรตติ้ง แต่ละครได้สร้างกระแสอย่างมาก ส่งผลให้ ขวัญ อุษามณี ได้รับรางวัล “นางเอกที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดแห่งปี” จากเวที MThai Top Talk 2014
ในปี 2557 ขวัญได้ร่วมงานละครกับพระเอกหนุ่มผู้ล่วงลับ อ๋อม-อรรคพันธ์ นะมาตร์ถึง 2 เรื่อง คือ เจ้าสาวสลาตัน และ หัวใจเถื่อน
ต่อมาปี 2558 เธอได้กลับมาพลิกบทบาทฝีมือในบทบาทนางเอกสุดแรงกับบท ชิดชบา จนคว้ารางวัล “นักแสดงนำหญิงเจ้าบทบาท” จากสยามบันเทิง 2015 และรางวัลเมขลา 2559 และในปี 2560 เธอได้กลับมาพลิกบทบาทฝีมือบทร้ายเต็มตัวอีกครั้งในบท "พิตะวัน สัจจามาตย์" ในละครเรื่อง "มายา"
ในปี 2561 อุษามณีตัดสินใจไม่ต่อสัญญาการเป็นนักแสดงกับช่อง 7 และผันตัวเป็นนักแสดงอิสระ เพื่อทุ่มเทเวลาในการประกอบธุรกิจส่วนตัว ผลงานละครเรื่องสุดท้ายกับช่อง 7 คือ ไฟหิมะ
ในปี พ.ศ. 2565 อุษามณีกลับมาเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 7 อีกครั้งเป็นครั้งที่ 2 พร้อมลุยงานละคร
ในปี พ.ศ. 2566 อุษามณีตัดสินใจไม่ต่อสัญญาเป็นนักแสดงช่อง 7 อีกครั้ง เนื่องจากให้เหตุผลว่า ขอเป็นนักแสดงอิสระ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
