11 มี.ค. เวลา 10:53

| เ รื่ อ ง ร า ว ท า ง ค ว า ม คิ ด |

ประตูสีน้ำตาลหลังบ้านถูกเปิดออกเพื่อรับลมยามดวงอาทิตย์ทอแสง
และนำขยะเปียกเทลงถังปุ๋ยหมัก แสงจากดวงอาทิตย์สาดส่องเข้าตา
สัญชาตญาณทำให้หันหลังกลับทันที
ทันใดนั้นก็เห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่หลังบ้าน
ประวัติการรื้อค้นเกิดขึ้น อนิจจาของมากมายเกิดการสูญหาย
_ เครื่องรถมอเตอร์ไซต์
_ ล้อรถมอเตอร์ไซต์ที่เก็บใส่กล่องไว้อย่างดีเพื่อรอการซ่อมและประกอบใหม่
_ กล่องพลาสติก ลอนน้ำมัน ฯลฯ
ทันใดนั้นก็ไปตรวจกล้องวงปิดของคืนนั้นไม่เจอ มือ 2 ข้างสั่น
การหาผู้่ช่วยก็เริ่มขึ้น
“มีโจรเข้าบ้าน”คำพูดแรกที่พูดกับลูกชาย
“มามามือสั่นไปหมดตรวจแล้วไม่พบ” คำพูดสั่นเครือตามมาติด ๆ
จริง ๆ แล้วกล้องตัวนั้นมักจะไม่ค่อยสนใจหรอก
มันบาดหัวใจเนื่องด้วยเกิดความอิจฉาเจ้านก เจ้าแมวที่มักจะมาเกี้ยวพาราศรีกัน
มีต้นไม้ไหวไปมาคราลมพัดผ่าน
ไม่เคยคิดว่าจะมีมือดีบุกป่าดงดิบเข้ามา
เสียงโทรศัพท์จากลูกชายดังขึ้น
“มามามันมาเมื่อวาน(28|3|68) บ่าย 5 โมง ช่วงที่มามาอยู่หน้านะ” ลูกชายบอก
ใกล้ช่วงอาทิตย์อัสดง ฉันพึมพำกับตัวเอง
รื้อค้นหยิบไป
เครื่องรถมอร์เตอร์ไซต์
ตัดสินใจ ณ ตอนนั้นต้องหาที่พึ่ง ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ คือ ตำรวจ
การแจ้งความเพื่อเอาผิดกับคนที่ทำผิดน่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง หลักฐานชัดเจนมีทั้งภาพถ่ายและวิดีโอ
“ไปเพื่อนสูที สูจะไปแจ้งความ” โทรศัพท์หาหลาน
| แ จ้ ง ค ว า ม | (1 มีนาคม 2568 )
เป็นวันที่ไปแจ้งความกับตำรวจในเขตที่สถานีตำรวจในเขตรับผิด
ใช่ว่าสถานีตำรวจใกล้บ้าน เนื่องจากเป็นชุมชนชายขอบ
เมื่อถึงสถานีตำรวจ
“ธุระอะไรครับ“ ตำรวจนายหนึ่งถาม
“มาแจ้งความค่ะ” ฉันตอบ
“เรื่องอะไรครับ” คำถามมาติด ๆ
“ลักทรัพย์ค่ะ” ฉันตอบอีกครั้งแบบชาวบ้านไม่ค่อยรู้เรื่องกฎหมาย
“เชิญข้างในครับ” มีการเชื้อเชิญเพื่อให้ปากคำ
“มีหลักฐานมั๊ยครับ” ตำรวจที่รับผิดชอบถาม
“มีค่ะ” ฉันตอบ พร้อมกับได้ส่งภาพถ่ายให้ดู
“มีวิดีโอด้วยนะคะ” ฉันกล่าวเสริมอีกครั้ง
“อ๋อ !!! มัน แปดสิบเอง” ตำรวจพูดถึง ฉันทำหน้างง
“ไม่รู้จักหรออยู่แถวนั้นน่าจะรู้จัก” ตำรวจถามฉันอีกครั้ง
“ไม่รู้จักค่ะ” ฉันตอบ
คำถามที่ตำรวจถามว่าไม่รู้จักจริงเหรอหลายครั้งมากจนฉันตอบไปว่า
“ก็ไม่ได้เป็นเพื่อนกับโจร” ขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยก็มันฉุนน่ะ ตำรวจก็คงฉุนฉันด้วยที่พูดจาไม่ไพเราะ
“แต่มันไม่ค่อยเต็มนิ สักแปดสิบแหละไม่ถึงร้อย” ตำรวจกล่าวอีก
“ถ้าไม่เต็มแจ้งความไม่ได้หรอคะ” ฉันถามแบบโง่ ๆ
“ได้ครับ” ตำรวจตอบ
การสอบปากคำก็ได้ดำเนินขึ้น มีอะไรเสียหายบ้าง ฉันได้ปริ้นภาพและวิดีโอป็นหลักฐาน คิดราคาการเสียหาย ประมาณ 8,600 บาท (แปดพันหกร้อยบาทถ้วน)
“แล้วิดีโอล่ะจะเอาอย่างไรดี” ฉันถาม
“คุณมีFlash Drive มั๊ย” ตำรวจถาม
“มีค่ะแต่อยู่ที่บ้าน” ฉันตอบ
“แล้วทางนี้ไม่บริการบ้างหรอคะ Air Drop ก็ได้” ฉันเอ่ย
“ไม่มีครับงบประมาณหมดไม่ได้บริการเวลาส่งอัยการต้องใช้ Flash Drive” ตำรวจตอบ
ฉันพยักหน้ารับรู้เข้าใจได้
และในวันนั้นฉันได้เซนต์ชื่อไม่ต่ำกว่า 4 ที่ แต่ไม่ได้อ่านรายละเอียดเพราะว่าขณะที่ทำนั้นฉันนั่งอยู่ด้วยตลอด
ตำรวจสุภาพพูดคุยดี
“ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย”
และตำรวจ 2 นายได้ไปตรวจบ้านที่เกิดเหตุ พร้อมฉันได้ส่งFlash Drive ให้เป็นหลักฐาน
ครั้นกลับถึงบ้านนึกขึ้นได้ว่าทำไมมาแจ้งความเราไม่ได้อะไรเป็นหลักฐานเลย มัวแต่ตื่นเต้นลืมถามไปสนิท แต่คงไม่เป็นไรหรอกนึกในใจ
ล้อรถมอร์เตอร์ไซต์
| โ จ ร ม า ใ ห ม่ อี ก ร อ บ | (วันที่ 2 มีนาคม 2568)
โจรคนเดิมคนที่ฉันไม่รู้จักเหมือนเดิม มาอีกครั้ง
เมื่อกล้องแจ้งเตือนมิรอช้า ความอิจฉาแมวจรจัดและนกทั้งหลายก็หมดสิ้นไป เปิดดูก็พบโจรคนเดิมทำการรื้อค้นเที่ยวนี้ไม่มามือปล่าวนำถุงใบใหญ่มาด้วย เพื่อคาดว่าเที่ยวนี้ต้องเอาใ้ห้องหมด
ฉันเหงื่อแตกซิก ๆ โทรศัพท์หาญาติข้างบ้านเพื่อจับโจร
โจรได้ยินหนีไปทันที
ประสบการณ์คบกับโจรน้อยมาก ลืมใช้บริการ 191
โทรศัพท์หาสถานีตำรวจเขตบริการ(ไกลบ้าน)
เล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มเติมเรื่องที่เกิด ได้รับคำตอบว่าต้องมาสถานีตำรวจอีกครั้ง ตัดสินใจว่าโจรไม่ได้อะไรไป ได้แจ้งไว้แล้วครั้งหนึ่งเดี๋ยวตำรวจคงตามเรื่องให้และคงมาจับมันอีกในไม่ช้า(อาจเข้าใจผิด) อิอิ
โทรศัพท์หาผู้ใหญ่บ้านที่พึ่งอันดับต่อไป
ผุู้ใหญ่บ้านก็รับเรื่องว่าจะตามให้ และจนบัดนี้ก็ยังเงียบกริบเหมือนเดิม
โทรศัพท์หานักการเมืองในเขตรับผิดชอบ
นักการเมืองตอบว่าบ้านผมก็ถูกลัก ไปแจ้งตำรวจก็จับมาแล้วปล่อย
“เหมือนการสำรวจประชากรจับแล้วปล่อย“ ฉันนึกในใจ
| เ หิ ม เ ก ริ ม | (วันที่ 4 มีนาคม 2568)
ขณะที่ฉันยืนกวาดขยะอยู่หน้าบ้าน โจรคนเดิมขี่จักรยานผ่านบ้านหน้าบ้าน ส่งเสียงเรียก
“มะ มะ มะ มะ ยังเหลยม้ายล่ะของ น่ะ”
ตอนแรกสงสัย ลูกก็เรียกมามา ศิษย์ ก็เรียก ครู ญาติก็มักใช้สรรพนามอื่น ไม่มีใครใช้สรรพนามนั้น หันไปดู อ๋อ !!!!! สรรพนามที่โจรเรียกนั่นเอง
| แ จ้ ง ค ว า ม ร อ บ ส อ ง |(วันที่ 5 มีนาคม 2568)
วันนี้เตรียมหลักฐานครบชุด ภาพถ่าย วิดีโอ และคำให้การอย่างละเอียด
(มีประสบการณ์มากขึ้น) เพื่อแจ้งความอีกครั้ง
ผล….. เรื่องราวในโจรคนเดียวกันก็ดูย้อนหลังการแจ้งความในวันที่ 1 มีนาคม 2568
แต่ …. เจ้าของเรื่องในการรับแจ้งความ(1 มีนาคม 2568)ไม่อยู่ และหาหลักฐานที่ได้แจ้งความไว้แล้วไม่พบ
ผล …. กลับบ้านปล่าว อ๋อ !!!!! ได้เบอร์โทรศัพท์ตำรวจที่รับแจ้งความพร้อมชื่อของตำรวจที่รับแจ้งความในวันที่ 1 มีนาคมมา
“อย่าลืมก่อนมาโทรศัพท์หาก่อนนะครับ” ตำรวจที่สถานีตำรวจกำชับและแสดงความหวัง
| เ กิ ด ก า ร ต่ อ ร อ ง| ( วันที่ 6 มีนาคม 2568)
ก่อนไป แจ้งความอีกครั้ง ก็ได้โทรหาตำรวจเจ้าของเรื่องตามที่ถูกกำชับมา
ฉันได้รายงานตัวว่าเป็นใคร ชื่ออะไร
“เมื่อวานมาแล้วใช่มั๊ยครับ พอดีผมติดธุระ” เขาบอก
“ค่ะ” ฉันตอบ
ฉันได้เล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ทุกอย่าง
“จะไปแจ้งความเพิ่มเติม” ฉันบอก
“ไม่ต้องก็ได้ครับเพราะคนเดียวกัน ผมทราบเรื่องราวแล้ว” เขาบอก
“เมื่อไหร่จะจับเข้าคุก“ ฉันถามแบบชาวบ้าน
“แล้วจะดำเนินคดีหรือปล่าวล่ะ” เขาถามต่อ
“ดำเนินคดีซิคะ” ฉันตอบ
“แต่คดีเล็กนิดเดียว เข้าคุกก็กลับออกมาอีก” เขาบอกอีกครั้ง
“ก็ไม่เป็นไร” ให้เข้าคุกเสียบ้าง ฉันบอกต่อ
“จริง ๆ แล้วมันไม่ค่อยเต็มเท่าไหร่” เขาว่าอีก
“ไม่เต็มอย่างไร เบอะรู้เรื่องมาเหิมเกริมหน้าบ้านอีก” ฉันเล่าต่อ
“นั้นแหละถ้าคนปกติเขาไม่ทำกัน” เขากล่าวอีกพร้อมกับเสียงหัวเราะ
“เอาอย่างนี้มั๊ยครับ ผมจะให้คนปรามก่อนดูกันว่ามันจะมาอีกมั๊ย” เขาพูดต่อ
ฉันลังเล ตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ลืมนึกไปว่า จริง ๆ แล้วเราฝ่ายเสียหายของที่ถูกขโมยก็มีราคา ทำไมตำรวจไม่นึกถึงความเสียของฝ่ายประชาชน มองเหมือนกับเราอยากเอาเรื่องคนบ้าเสียนี่กระไร
มองโจรเป็นคนวิกลจริตทั้ง ๆ ที่ปกติทุกอย่าง เอามือปิดหน้าเมื่อเห็นมีกล้อง เอาไม้กวาดมาเขี่ยกล้องให้หันกลับด้าน ถ้าคนวิกลจริตจะไม่ทำ ความคิดฉัน
สรุป
โลกนี้ ประเทศนี้ เมืองนี้ หมู่บ้านนี้ ชุมชนนี้ หวังพึ่งใครกัน ?????
การกระทำ ถูกต้อง มองว่าผิด
คนมีจิต ถูกต้อง มองสงสัย
มีหน้าที่ ช่วยเหลือ เอื้อแก่ใคร
เอื้อโจรให้ กระทำ และหนำใจ
คนทำถูก แจ้งจับ กลับมองผิด
มองเป็นคิด กระทำ น่าสงสัย
เป็นเพื่อนกัน นั้นหรือ คือความนัย
คิดทีไร น่ากลัว ทั่วธานี
| น่ากลัวทั่วธานี |
โฆษณา