11 มี.ค. เวลา 13:15 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ

การเติมน้ำมันกลางอากาศของ Airbus A330 MRTT (Multi Role Tanker Transport)

ทำได้โดยใช้ระบบเติมเชื้อเพลิงแบบ hose-and-drogue และ boom system ขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องบินที่เติมเชื้อเพลิงให้
วิธีการเติมน้ำมันในอากาศของ A330 MRTT
1. เครื่องบินรับเชื้อเพลิงเข้าประจำตำแหน่ง
นักบินของเครื่องบินที่ต้องการเติมเชื้อเพลิง (Receiver Aircraft) จะนำเครื่องเข้าใกล้ A330 MRTT โดยรักษาความเร็วและตำแหน่งที่เหมาะสม
2. การเติมน้ำมัน (Refueling Process)
Hose-and-Drogue System: ใช้สายยางและโคน (drogue) ที่ยืดออกจากปีกหรือใต้ลำตัว A330 MRTT เครื่องบินที่เติมน้ำมันจะเชื่อมต่อหัวเติมกับ drogue และเชื้อเพลิงจะถูกส่งผ่านแรงดัน
Boom System: ใช้ท่อเติมเชื้อเพลิงแข็ง (boom) ที่ควบคุมโดยเจ้าหน้าที่เติมน้ำมัน (Boom Operator) จากท้ายลำตัว A330 MRTT Boom จะเชื่อมต่อเข้ากับช่องรับเชื้อเพลิงของเครื่องบินที่รับเชื้อเพลิง
3. ตัดการเชื่อมต่อและแยกตัวออก
เมื่อเติมเชื้อเพลิงเสร็จ เครื่องบินที่รับเชื้อเพลิงจะค่อยๆ ถอนตัวออก และ A330 MRTT จะเก็บอุปกรณ์เติมเชื้อเพลิง
ใช้เวลานานเท่าไรในการเติม 1 ครั้ง?
ระยะเวลาในการเติมเชื้อเพลิงขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อเพลิงที่ต้องการและอัตราการส่งเชื้อเพลิงของระบบ
Boom System: เติมได้สูงสุด 3,600 ลิตร/นาที
Hose-and-Drogue System: เติมได้สูงสุด 1,800 ลิตร/นาที
ตัวอย่างการคำนวณเวลา
หากต้องการเติมน้ำมัน 10,000 ลิตร ด้วย Boom System จะใช้เวลา ≈ 3 นาที
หากใช้ Hose-and-Drogue System จะใช้เวลา ≈ 5-6 นาที
โดยปกติแล้ว การเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศมักใช้เวลา 5-15 นาที ต่อเครื่องบินหนึ่งลำ ขึ้นอยู่กับขนาดของเครื่องบินที่รับเชื้อเพลิงและปริมาณเชื้อเพลิงที่ต้องการ
หากต้องเติมเชื้อเพลิงให้ฝูงบิน เช่น เครื่องบินขับไล่หลายลำ หรือเครื่องบินลำใหญ่ อาจใช้เวลานานขึ้น
F16 refuel
เหตุผลที่ต้องเติมน้ำมันกลางอากาศ
การเติมน้ำมันกลางอากาศ (Aerial Refueling) เป็นเทคนิคสำคัญทางการทหารและการบินที่ใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของเครื่องบินโดยไม่ต้องลงจอด โดยมีเหตุผลหลักดังนี้
1. เพิ่มพิสัยบิน (Extended Range)
เครื่องบินสามารถบินได้ไกลขึ้นโดยไม่ต้องลงจอดเติมน้ำมัน ตัวอย่างเช่น
  • 1.
    ​เครื่องบินทิ้งระเบิด เช่น B-52 หรือ B-2 สามารถบินข้ามมหาสมุทรหรือข้ามทวีปได้โดยไม่ต้องแวะพัก
  • 2.
    ​เครื่องบินขับไล่ เช่น F-15, F-16, F-35 ซึ่งมีถังน้ำมันขนาดเล็ก สามารถเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศเพื่อเดินทางไปยังพื้นที่ปฏิบัติการที่ไกลขึ้น
2. เพิ่มเวลาปฏิบัติการในอากาศ (Loiter Time Extension)
  • 1.
    ​เครื่องบินตรวจการณ์ เช่น E-3 AWACS และ P-8 Poseidon สามารถอยู่ปฏิบัติหน้าที่ในอากาศได้นานขึ้นโดยไม่ต้องกลับฐาน
  • 2.
    ​เครื่องบินโจมตี เช่น A-10 Thunderbolt II สามารถปฏิบัติภารกิจสนับสนุนทางอากาศได้นานขึ้นโดยเติมน้ำมันกลางอากาศ
3. ลดความจำเป็นในการตั้งฐานบินใกล้แนวหน้า
  • 1.
    ​ในบางกรณี ฐานบินที่ใกล้กับพื้นที่ปฏิบัติการอาจมีข้อจำกัด เช่น ข้อจำกัดทางการเมืองหรือข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐาน การเติมน้ำมันกลางอากาศช่วยให้เครื่องบินสามารถบินตรงไปยังเป้าหมายได้โดยไม่ต้องพึ่งพาฐานบินที่อยู่ใกล้
4. เพิ่มประสิทธิภาพของภารกิจโจมตี
  • 1.
    ​เครื่องบินขับไล่ที่บรรทุกอาวุธหนักมักใช้น้ำมันมากขึ้น การเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศช่วยให้สามารถออกปฏิบัติการได้เต็มสมรรถนะโดยไม่ต้องลดน้ำหนักบรรทุกอาวุธ
  • 2.
    ​ตัวอย่างเช่น ภารกิจโจมตีระยะไกลของ F-22 Raptor หรือ F-35 ต้องอาศัยเครื่องเติมน้ำมันกลางอากาศเพื่อให้สามารถเข้าถึงพื้นที่เป้าหมายและกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย
5. สนับสนุนภารกิจฉุกเฉินและช่วยเหลือทางอากาศ
  • 1.
    ​ในกรณีที่เครื่องบินได้รับความเสียหายหรือมีปัญหาด้านเชื้อเพลิง เครื่องบินเติมน้ำมันกลางอากาศสามารถเข้าช่วยเหลือและเติมเชื้อเพลิงเพื่อให้เครื่องบินสามารถกลับฐานได้
6. ใช้ในภารกิจลับ (Stealth & Covert Operations)
  • 1.
    ​เครื่องบินล่องหน เช่น B-2 Spirit และ F-35 อาจต้องเติมน้ำมันกลางอากาศเพื่อป้องกันการตรวจจับจากเรดาร์ของศัตรูโดยไม่ต้องลงจอดที่ฐานบินที่อาจถูกเปิดเผย
ข้อเสียของการเติมน้ำมันกลางอากาศ
  • 1.
    ​ต้องอาศัยนักบินที่มีทักษะสูงและสภาพอากาศที่เหมาะสม
  • 2.
    ​เครื่องบินเติมน้ำมัน (เช่น KC-135, KC-46 หรือ A330 MRTT) เป็นเป้าหมายที่มีความสำคัญสูงและอาจถูกโจมตีได้ง่าย
  • 3.
    ​มีต้นทุนสูงและต้องใช้การวางแผนซับซ้อน
สรุป
การเติมน้ำมันกลางอากาศเป็นเทคนิคที่ช่วยให้เครื่องบินสามารถบินได้ไกลขึ้น อยู่ในอากาศได้นานขึ้น และปฏิบัติภารกิจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยไม่ต้องลงจอดเพื่อลดข้อจำกัดด้านพิสัยบินและฐานปฏิบัติการ
ขอขอบคุณภาพสวยๆ จากพี่ไพบูลย์ และข้อมูลดีๆ จาก Chat GPT มากๆ ครับ
โฆษณา