ชาลาเมต์เริ่มต้นอาชีพนักแสดงตั้งแต่เด็ก ผ่านการแสดงละครเวทีและซีรีส์โทรทัศน์ บทบาทที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักในวงกว้างคือ Call Me by Your Name (2017) ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ตั้งแต่อายุ 22 ปี หลังจากนั้น เขาได้รับบทนำในภาพยนตร์ดังมากมาย เช่น Lady Bird (2017), Beautiful Boy (2018), Little Women (2019) และ Dune (2021, 2024) ซึ่งช่วยให้ชื่อเสียงและรายได้ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ชาลาเมต์ ประสบความสำเร็จทั้งรางวัลและรายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศด้วยกลยุทธ์ชัดเจน คือ เลือกรับบทบาทใหญ่ในวัฒนธรรมป๊อป (เช่น Paul Atreides ใน Dune, Bob Dylan, Willy Wonka) และร่วมงานกับผู้กำกับระดับตำนานอย่าง Denis Villeneuve, James Mangold, Paul King รวมถึง Christopher Nolan, Greta Gerwig ซึ่งช่วยให้เขาอยู่ในโครงการภาพยนตร์คุณภาพสูงที่สุดของแต่ละปี แม้บทเหล่านี้เสี่ยงต่อความล้มเหลว แต่การเลือกทีมงานอย่างชาญฉลาดทำให้เขาประสบความสำเร็จซ้ำๆ
ซึ่งความสำเร็จแบบนี้หาได้ยากในวงการ เพราะดารารุ่นก่อนมักได้แค่รางวัลหรือรายได้อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น James Dean, Marlon Brando ได้เสนอชื่อออสการ์แต่ไม่ทำเงินระดับบล็อกบัสเตอร์ ส่วน Tom Cruise, Leonardo DiCaprio ทำเงินได้แต่ได้รางวัลน้อย ขณะที่ Daniel Day-Lewis มีรางวัลแต่ไม่ได้มีรายได้มหาศาล ชาลาเมต์จึงเป็นกรณีพิเศษที่รวมสองสิ่งนี้ได้ก่อนอายุ 30