14 มี.ค. เวลา 11:54 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

Lean Startup แบบเข้าใจง่าย

ดร. ทรงพล เทอดรัตนเกียรติ เรียบเรียง
Lean Startup เป็นแนวคิดการพัฒนาธุรกิจที่มุ่งเน้นการทดลองอย่างรวดเร็ว การลดทรัพยากรที่สูญเปล่า และการเรียนรู้จากลูกค้าจริง แทนที่จะสร้างสินค้าหรือบริการให้สมบูรณ์แบบตั้งแต่แรก แนวคิดนี้ส่งเสริมการสร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่ใช้งานได้จริงในเวลาอันสั้น เพื่อรับข้อมูลป้อนกลับจากผู้ใช้แล้วนำไปปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนและเพิ่มโอกาสความสำเร็จให้กับทั้งธุรกิจสตาร์ทอัพและองค์กรขนาดใหญ่
ความเป็นมาและความสำคัญของ Lean Startup
Lean Startup เป็นแนวคิดที่พัฒนาโดย Eric Ries ผู้ร่วมก่อตั้ง IMVU แพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์กโลกเสมือนจริง 3 มิติ โดยนำแนวคิดเรื่องการจัดการการผลิตแบบ "Lean" ของโตโยต้า ซึ่งเน้นการลดทอนรายละเอียดที่ไม่จำเป็น และให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่าของสินค้าหรือแบรนด์เป็นหลัก มาประยุกต์เข้ากับการบริหารจัดการสตาร์ทอัพ[6]
แนวคิดนี้เกิดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาของวิธีการพัฒนาธุรกิจแบบเดิมที่มักจะเริ่มต้นจากการสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการขึ้นมาก่อน แล้วจึงตามหากลุ่มลูกค้าเป้าหมายภายหลัง ซึ่งวิธีการแบบนี้มักทำให้สูญเสียทรัพยากรและเวลาโดยไม่จำเป็น และได้รับผลตอบแทนไม่คุ้มค่ากับที่เสียไป[6] ในโลกยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและการปรับตัวได้อย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับความอยู่รอดของธุรกิจ
หลักการสำคัญของ Lean Startup
Lean Startup มีแก่นแนวคิดอยู่ที่การให้ความสำคัญในการทดลองตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อให้สามารถมุ่งเน้นกับการสร้างคุณค่าและประสบการณ์ต่างๆ ให้กับผู้ใช้และผู้บริโภคมากที่สุด[1]
หัวใจสำคัญของ Lean Startup คือการเปลี่ยนโฟกัสไปยังการทำความเข้าใจผู้บริโภค เริ่มต้นจากการสำรวจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายว่าต้องการอะไร มี Pain point หรือปัญหาใดบ้างที่อยากแก้ไข จากนั้นจึงรวบรวมข้อมูลเป็นไอเดียพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างแท้จริง โดยไม่ใช้ทรัพยากรที่มีมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นเงินทุน แรงงาน หรือเวลา[6]
Lean Startup ประกอบด้วยหลักการสำคัญ 3 ประการ คือ:
1. การทดลองทางธุรกิจเพื่อทดสอบสมมติฐาน (Business-hypothesis-driven experiment)
2. การปล่อยผลิตภัณฑ์ซ้ำๆ เพื่อหาผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด (Iterative product releases)
3. การเรียนรู้ความรู้ใหม่แล้วนำมาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ทันที (Validated learning)[2]
กระบวนการ Build-Measure-Learn
หัวใจของการทำ Lean Startup คือวงจร Build-Measure-Learn ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์และตรงตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุด[5][8] โดยแต่ละขั้นตอนมีรายละเอียดดังนี้:
Build (สร้าง)
เมื่อมีไอเดียใหม่ๆ จะต้องลงมือสร้างมันขึ้นมาให้เร็วที่สุด แต่ไม่จำเป็นต้องสร้างให้สมบูรณ์แบบ อาจจะสร้างเป็นแค่ตัวอย่างหรือต้นแบบ (Prototype) ขึ้นมาก่อน และที่สำคัญที่สุดคือความเร็วในการสร้าง เพราะเป้าหมายหลักของการ Build คือการเก็บข้อมูลของผู้บริโภคให้มากที่สุด[1][5]
ในขั้นตอนนี้ ควรใช้หลักการ MVP (Minimum Viable Product) คือ เลือกเอาสิ่งที่จำเป็น หรือสิ่งที่คิดว่าใช้ทรัพยากรน้อยที่สุดแต่สามารถใช้งานและสร้างประโยชน์ให้กับลูกค้าได้ นำออกมาสร้างก่อน เรียกง่ายๆ ว่าเป็นสินค้าทดลองที่พอจะใช้งานได้จริง[5] การทำเช่นนี้จะช่วยประหยัดทั้งต้นทุนและเวลา เพื่อให้ผลิตภัณฑ์สามารถปล่อยออกสู่ตลาดได้เร็วที่สุด[3]
Measure (วัดผล)
เมื่อได้ข้อมูลและมุมมองความคิดเห็นของผู้บริโภคแล้ว ก็ถึงเวลาในการนำข้อมูลเหล่านั้นมาวัดผล โดยจะต้องสร้างมาตรฐานในการชี้วัดขึ้นมาและคอยหมั่นตรวจสอบตัวเลขและข้อมูลเหล่านั้นเสมอ[1] ในขั้นตอนนี้ เราจะวัดผลการตอบรับจากลูกค้าจริงว่าเป็นอย่างไร ชอบหรือไม่ชอบอะไร มีปัญหาในการใช้งานหรือไม่ และต้องการให้ปรับปรุงอะไรบ้าง[3][8]
การวัดผลควรเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และควรมุ่งเน้นที่ข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ได้จริง ไม่ใช่แค่ตัวเลขทั่วไป[3]
Learn (เรียนรู้)
ขั้นตอนสุดท้ายคือการนำข้อมูลและผลทั้งหมดมาทำการวิเคราะห์เพื่อให้เข้าใจถึงสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการอย่างแท้จริง และจากนั้น จึงค่อยทำการวนลูปขั้นตอนเหล่านี้ไปเรื่อยๆ เพื่อให้สามารถคาดเดาความต้องการของผู้คนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้อย่างสม่ำเสมอ[1] การเรียนรู้ในที่นี้ไม่ใช่เพียงแค่การรับรู้ข้อมูล แต่เป็นการเรียนรู้ที่ได้รับการยืนยัน (Validated Learning) ซึ่งคือการได้รับข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไปได้[2][3]
การนำ Lean Startup ไปประยุกต์ใช้
การนำ Lean Startup ไปประยุกต์ใช้สามารถทำได้ผ่าน 6 ขั้นตอนต่อไปนี้[7]:
### 1. Idea: เริ่มต้นจากไอเดีย
ทุกอย่างเริ่มต้นจากไอเดียหรือแนวคิดที่ต้องการแก้ไขปัญหาหรือตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ควรเริ่มจากการเข้าใจปัญหาหรือ Pain Point ของลูกค้าก่อน[6][7]
### 2. Hypothesis: ตั้งสมมุติฐาน
ตั้งสมมุติฐานในสิ่งที่เสี่ยงที่สุด หรือสิ่งที่ยังไม่มีข้อมูล เพื่อที่จะได้ทดสอบและเรียนรู้ว่าสมมุติฐานนั้นถูกต้องหรือไม่[7] สมมุติฐานควรเป็นสิ่งที่สามารถทดสอบได้ในสามด้าน คือ Desirability (ความต้องการ), Feasibility (ความเป็นไปได้), และ Viability (ความคุ้มทุน)[3]
### 3. Experimental Design: ออกแบบการทดสอบ
ออกแบบการทดสอบ สร้าง MVP และออกแบบการวัดผล เพื่อให้สามารถทดสอบสมมุติฐานที่ตั้งไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ[7] ในขั้นตอนนี้ ควรมุ่งเน้นที่การสร้าง MVP ที่สามารถใช้งานได้จริงและตอบโจทย์ความต้องการหลักของลูกค้า โดยไม่จำเป็นต้องมีฟีเจอร์ครบถ้วนสมบูรณ์[3]
### 4. Experiment: เริ่มทดสอบกับกลุ่มผู้ใช้งานจริง
นำ MVP ที่สร้างขึ้นไปทดสอบกับกลุ่มผู้ใช้งานจริง เพื่อรวบรวมข้อมูลและความคิดเห็น[7] ในขั้นตอนนี้ ควรเก็บข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและมีประโยชน์ต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์[3]
### 5. Pivot or Persevere: ตัดสินใจจากข้อมูลที่ได้
ตัดสินใจจากข้อมูลที่ได้จากการทดสอบว่าควรจะเปลี่ยนแผน (Pivot) หรือไปต่อ (Persevere)[7][8] การตัดสินใจนี้ควรมาจากข้อมูลที่ได้จากการทดสอบ ไม่ใช่จากความรู้สึกหรือการคาดเดา[8]
### 6a. Pivot: หากทดสอบแล้วไม่ได้ตามคาด
หากทดสอบแล้วพบว่าไม่เป็นไปตามสมมุติฐานหรือไม่ได้ผลตามที่คาด อาจต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่หรือเปลี่ยนไอเดีย[7] การทำ Pivot ไม่ได้หมายความว่าล้มเหลว แต่เป็นกระบวนการเรียนรู้และปรับตัวที่สำคัญในการทำ Lean Startup[8]
### 6b. Persevere: หากทดสอบแล้วสมมุติฐานเป็นจริง
หากทดสอบแล้วพบว่าสมมุติฐานเป็นจริง ก็นำไปพัฒนาต่อเพื่อตอบสมมุติฐานต่อไป[7] ในกรณีนี้ ควรพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สมบูรณ์มากขึ้น และเพิ่มฟีเจอร์ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น[3]
## ตัวอย่างความสำเร็จจากการใช้ Lean Startup
มีหลายบริษัทที่ประสบความสำเร็จโดยใช้หลักการ Lean Startup ในการพัฒนาธุรกิจ ได้แก่:
Dropbox
เริ่มต้นจากการใช้ screencast วิดีโอเพื่อทดสอบความสนใจของลูกค้า แทนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์เต็มรูปแบบทันที[3] การทำเช่นนี้ช่วยให้ Dropbox สามารถยืนยันได้ว่ามีความต้องการในตลาดจริง ก่อนที่จะลงทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์เต็มรูปแบบ[6]
Zappos
ใช้เว็บไซต์พื้นฐานเพื่อตรวจสอบความต้องการของตลาดก่อนการสต็อกสินค้า[3] แทนที่จะลงทุนซื้อรองเท้าจำนวนมากมาเก็บไว้ในคลังสินค้า ผู้ก่อตั้ง Zappos เริ่มต้นด้วยการถ่ายรูปรองเท้าในร้านค้าท้องถิ่นและโพสต์ขายบนเว็บไซต์ เมื่อมีคนสั่งซื้อ เขาจึงไปซื้อรองเท้าจากร้านและส่งให้ลูกค้า วิธีนี้ช่วยให้เขาสามารถทดสอบความต้องการของตลาดโดยไม่ต้องลงทุนมากในตอนแรก[6]
Slack
เริ่มจากเครื่องมือสื่อสารภายในก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นแพลตฟอร์มการสื่อสารเชิงพาณิชย์[3] Slack เริ่มต้นเป็นเพียงเครื่องมือสื่อสารภายในสำหรับทีมพัฒนาเกม แต่เมื่อพบว่าเครื่องมือนี้มีประโยชน์มาก จึงตัดสินใจพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นแพลตฟอร์มการสื่อสารในองค์กรที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก[6]
Arincare
จาก Pain Point ของร้านขายยาที่เก็บข้อมูลยาและเวชภัณฑ์ด้วยการจดบันทึกลงกระดาษ เกิดเป็นสตาร์ทอัพที่พัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับร้านขายยา ที่ทำให้เภสัชกรดูแลการสั่งซื้อ เก็บข้อมูล จัดการคลังยา และบริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น[4] ปัจจุบัน Arincare มีฐานข้อมูลร้านขายยามากกว่า 3,000 แห่งทั่วประเทศ[4]
Food Story
พัฒนาระบบ POS (Point of Sale) สำหรับร้านอาหารที่ทำงานบน iPad เครื่องเดียว ช่วยให้ร้านอาหารสามารถบริหารจัดการได้ง่ายและมีต้นทุนเริ่มต้นต่ำกว่าระบบเดิมที่มีราคาสูงถึง 5 หมื่นบาท[4] จากการพัฒนาและรับฟีดแบ็คจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Food Story สามารถพัฒนาฟีเจอร์ในการใช้งานได้มากถึง 200 ฟีเจอร์ และปัจจุบันได้ถูก LINE MAN Wongnai เข้าซื้อกิจการ[4]
ประโยชน์ของ Lean Startup
การนำ Lean Startup มาใช้มีประโยชน์หลายประการ ได้แก่:
### 1. การเปิดตัวผลิตภัณฑ์อย่างรวดเร็ว
Lean Startup ช่วยให้สามารถนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น เนื่องจากเน้นการสร้าง MVP ที่มีฟีเจอร์น้อยที่สุดแต่ใช้งานได้จริง ทำให้ประหยัดเวลาในการพัฒนา[3][8]
### 2. การลดความเสี่ยง
การทดสอบสมมุติฐานและเก็บข้อมูลจากลูกค้าจริงก่อนที่จะลงทุนเต็มที่ช่วยลดความเสี่ยงในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่ตรงกับความต้องการของตลาด[3][8]
### 3. การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
Lean Startup ช่วยให้ใช้ทรัพยากรทั้งเงินทุนและแรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่สูญเสียไปกับการพัฒนาฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็นหรือไม่เป็นที่ต้องการของลูกค้า[3][8]
### 4. การสร้างโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน
การเรียนรู้จากข้อมูลจริงและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องช่วยให้สามารถพัฒนาโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืนและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง[3]
## ความท้าทายในการทำ Lean Startup
แม้ว่า Lean Startup จะมีประโยชน์มาก แต่ก็มีความท้าทายที่ต้องเผชิญ:
### 1. การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร
สำหรับองค์กรใหญ่ การนำ Lean Startup มาใช้อาจต้องเผชิญกับความท้าทายในการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรที่คุ้นเคยกับการวางแผนระยะยาวและการทำงานแบบเดิม[8]
### 2. การสร้างสมดุลระหว่างความเร็วและคุณภาพ
การสร้าง MVP ที่รวดเร็วอาจทำให้เกิดความกังวลเรื่องคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ดังนั้น จึงต้องหาสมดุลระหว่างความเร็วในการพัฒนาและคุณภาพที่ยอมรับได้[3]
### 3. การวัดผลที่ถูกต้อง
การวัดผลที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในการทำ Lean Startup แต่บางครั้งก็เป็นเรื่องยากที่จะกำหนดตัวชี้วัดที่เหมาะสมและแปลความหมายของข้อมูลได้อย่างถูกต้อง[3][8]
## สรุป
Lean Startup เป็นแนวคิดที่มุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์อย่างรวดเร็ว ประหยัดทรัพยากร และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ผ่านกระบวนการ Build-Measure-Learn ที่ทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์ แนวคิดนี้ไม่เพียงแต่มีประโยชน์สำหรับสตาร์ทอัพเท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์สำหรับองค์กรใหญ่ที่ต้องการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
การนำ Lean Startup มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงในการลงทุน และเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือองค์กรขนาดใหญ่ การทำ Lean Startup จึงเป็นแนวทางที่ควรนำมาพิจารณาสำหรับการพัฒนาธุรกิจในยุคปัจจุบัน
Citations:
[1] หลักการ Lean ของ Startup คืออะไรกัน? - depa Thailand - Article View https://www.depa.or.th/th/article-view/lean-startup
[3] วิธี Lean Startup สร้างความสำเร็จด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างรวดเร็ว https://blog.ourgreenfish.com/lean-startup
[4] Lean Startup 3 เทคนิคลับ ปั้นสตาร์ทอัพให้ลีนสุดพร้อมเติบโต! https://88sandbox.com/lean-startup/
[5] เปลี่ยน ไอ เดีย เป็น ผลิตภัณฑ์ ใน 3 ขั้น ตอน ด้วย lean startup - CMU STeP https://www.step.cmu.ac.th/view_content.php?ct_id=TlRNPQ%3D%3D
[6] Lean Startup ถอดบทเรียนหลักการสร้างธุรกิจสตาร์ทอัปพร้อมปรับตัวยุคดิจิทัล https://th.jobsdb.com/th/career-advice/article/lean-startup
[7] 6 ขั้นตอนในการทำ Lean Startup - LiVE Platform https://www.live-platforms.com/education/infographic/134-6-steps-lean-startup/
[8] ทำไมองค์กรใหญ่ต้องใช้ Lean Startup? - BASE Playhouse https://www.baseplayhouse.co/blog/why-do-large-organizations-need-to-use-lean-startup
[9] สรุปหนังสือ The Lean Startup: ธุรกิจสำเร็จได้ด้วยการสร้างนวัตกรรมอย่าง ... https://thezepiaworld.com/2021/05/04/the-lean-startup/
[10] สรุปหนังสือ THE LEAN STARTUP ลีนสตาร์ตอัพ https://www.lucid-trader.com/the-lean-startup/
[11] ทางลัดของเหล่า Startup! ร่างโมเดลธุรกิจง่าย ๆ ด้วย Lean Canvas https://katalyst.kasikornbank.com/th/blog/Pages/lean-canvas-is-the-best-tool-for-startups.html
[12] Build – Measure – Learn สูตรสำเร็จแบบ Startup | Popticles.com https://www.popticles.com/business/lean-startup-build-measure-learn/
[13] ทำไม!!!...ธุรกิจสมัยนี้... ถึงต้อง Lean Start-Up - Rangsit University https://www2.rsu.ac.th/sarnrangsit-online-detail/Lean-Start-Up
[14] เติมความได้เปรียบให้ธุรกิจ Startup ด้วย 'Lean Startup' แนวคิดสู่ความสำเร็จ ... https://www.prachachat.net/advertorial/news-1433456
[15] ทำความรู้จัก Lean Startup : เรียนรู้หลักการสร้าง Product ให้โดนใจ https://techsauce.co/tech-and-biz/lean-startup-introduction
[16] Lean Startup หัวใจหลักการทำธุรกิจ - ประชาชาติธุรกิจ https://www.prachachat.net/advertorial/news-1447537
โฆษณา