14 มี.ค. เวลา 12:16 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

Design Thinking: กระบวนการคิดเชิงออกแบบฉบับเข้าใจง่าย

ดร.ทรงพล เทอดรัตน์เกียรติ เรียบเรียง
Design Thinking หรือกระบวนการคิดเชิงออกแบบ เป็นเครื่องมือสําคัญที่ช่วยให้เราแก้ไขปัญหาและพัฒนานวัตกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นการทําความเข้าใจความต้องการของผู้ใช้งานหรือกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง การนําแนวคิดแบบสร้างสรรค์มาพัฒนาเป็นต้นแบบที่จับต้องได้ และการทดสอบเพื่อปรับปรุงแก้ไขจนได้วิธีการที่ดีที่สุด บทความนี้จะพาทุกท่านเข้าใจหลักการของ Design Thinking ขั้นตอนสําคัญ และการนําไปประยุกต์ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ
ความหมายและความสําคัญของ Design Thinking
Design Thinking คือกระบวนการคิดเชิงออกแบบสําหรับพัฒนานวัตกรรมที่ผสมผสานการคิดสร้างสรรค์ (Creative thinking) และการคิดเชิงธุรกิจ (Business thinking) เพื่อพัฒนาสิ่งใหม่ๆและนวัตกรรมอย่างมีระบบ โดยมีหลักสําคัญคือการเข้าใจความต้องการและปัญหาของกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้า (Human-Centered) อย่างแท้จริง[1] กระบวนการนี้ช่วยให้เราสามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Design Thinking ไม่ใช่เรื่องใหม่สําหรับคนที่ทํางานอยู่ในสายงานของการออกแบบหรือพัฒนานวัตกรรม เพราะโดยกระบวนการนั้นเป็นกระบวนการคิดสร้างสรรค์ที่มีการใช้ในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆสําหรับพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่มานานแล้ว[1] แนวคิดนี้เริ่มต้นพัฒนามาตั้งแต่ปี 1960
โดยเป็นการรวมของเครื่องมือและเทคนิคที่พัฒนามาจากการคิดสร้างสรรค์ ทางสังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์และคอมพิวเตอร์[1] จุดเริ่มต้นของ Design Thinking มาจาก Design Science ซึ่งเป็นการออกแบบทางอุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์ ก่อนที่จะพัฒนาจนกลายเป็นกระบวนการที่เชื่อมโยงธุรกิจ ความคิดสร้างสรรค์ และมุ่งเน้นที่ลูกค้าเป็นหลักในปัจจุบัน[1]
กระบวนการคิดเชิงออกแบบพิเศษตรงที่เน้นการทําความเข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้งก่อนที่จะเริ่มหาทางแก้ไข และยังให้ความสําคัญกับการมองโลกในมุมมองของผู้ใช้งานจริง ซึ่งนําไปสู่การสร้างสรรค์วิธีแก้ปัญหาที่สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริง[3] จุดประสงค์หลักของแนวคิดนี้คือการสร้างผลลัพธ์ในอนาคตที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้ตอบโจทย์และแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงเกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์[3]
กระบวนการของ Design Thinking แบบ 5 ขั้นตอน
กระบวนการของการคิดเชิงออกแบบที่ได้รับความนิยมและใช้กันอย่างแพร่หลายคือรูปแบบ 5 ขั้นตอนของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford d.school)[7] ซึ่งประกอบด้วย:
### 1. Empathize - การทําความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง
ขั้นตอนแรกของกระบวนการ Design Thinking คือการทําความเข้าใจปัญหาที่เราพยายามแก้ไข โดยการสังเกต การมีส่วนร่วม และการเอาใจใส่ผู้คนรอบตัวเพื่อทําความเข้าใจประสบการณ์และแรงจูงใจของพวกเขา[2] การเอาใจใส่เป็นสิ่งสําคัญต่อกระบวนการออกแบบที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลางอย่างแนวคิด Design Thinking เป็นอย่างมาก เพราะมันช่วยให้เราสามารถตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับผู้คนและความต้องการของพวกเขาได้[2]
ในขั้นตอนนี้ เราต้องทําความเข้าใจกับปัญหาให้ถ่องแท้ในทุกมุมมอง ตลอดจนเข้าใจผู้ใช้กลุ่มเป้าหมาย หรือเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการแก้ไขเพื่อหาหนทางที่เหมาะสมและดีที่สุด[3] การทําความเข้าใจในปัญหาอย่างลึกซึ้งถูกต้องนั้นจะนําไปสู่การแก้ปัญหาที่ตรงประเด็นและได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม[3] วิธีการนี้อาจรวมถึงการสัมภาษณ์พูดคุย หรือสังเกตพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อรวบรวมข้อมูลอันมีค่าเกี่ยวกับความชอบ/ไม่ชอบ หรือสิ่งที่ลูกค้าอยากได้แต่ยังไม่มี[4]
### 2. Define - การกําหนดปัญหาให้ชัดเจน
ขั้นตอนที่สองคือการนําข้อมูลทั้งหมดที่ได้จากขั้น Empathize มารวมกันเพื่อวิเคราะห์และสังเคราะห์ จากนั้นจึงเลือกเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปัญหาของเราจริงๆ ออกมาแล้วจึงนํามาอธิบายปัญหาที่เรากําลังเผชิญอยู่[2] การกําหนดปัญหาควรเน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ตัวอย่างเช่น แทนที่จะพูดว่า "เราจําเป็นต้องเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดผลิตภัณฑ์อาหารในหมู่เด็กสาววัยรุ่นขึ้นอีก 5%" ควรเปลี่ยนเป็น "ผู้หญิงวัยรุ่นต้องกินอาหารที่มีประโยชน์เพื่อการเจริญเติบโตและร่างกายที่แข็งแรง" จะดีกว่า[2]
ในขั้นตอนนี้ เราจะคัดกรองให้เป็นปัญหาที่แท้จริง กําหนดหรือบ่งชี้ว่าเป็นปัญหาอะไร ประเภทไหน เพื่อให้เข้าใจลักษณะของปัญหาให้ได้ชัดเจนที่สุดเพียงประเด็นเดียว[3] การบ่งชี้ปัญหาอย่างถูกต้องจะเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างมีทิศทาง[9] เมื่อเรามีแก่นของปัญหาที่ชัดเจนแล้ว จะทําให้ทีมรวบรวมแนวคิดเพื่อนําไปสร้างองค์ประกอบอื่นที่จะช่วยให้พวกเขาสามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ[2]
### 3. Ideate - การระดมความคิดสร้างสรรค์
ขั้นตอนที่สามเป็นขั้นที่เราจะเริ่มนําไอเดียที่ได้มาสร้างให้เป็นรูปธรรม จากความเข้าใจผู้บริโภคในขั้นแรก และการวิเคราะห์สังเคราะห์ข้อมูลในขั้นที่สอง สมาชิกทีมอาจเริ่มที่จะ "คิดนอกกรอบ" เพื่อมองหาวิธีแก้ปัญหาใหม่ๆ[2] ขั้นตอนนี้จะทําให้ไอเดียเฟื่องฟูที่สุด เพราะทีมจะมาประชุมกันโดยไม่เกี่ยงว่าจะอยู่ตําแหน่งอะไร สามารถใช้ได้ทั้งเทคนิค Brainstorm, Brainwrite, Worst Possible Idea หรือ SCAMPER[4]
ขั้นตอนการระดมความคิดนี้เน้นที่การสร้างสรรค์ไอเดียที่ตอบโจทย์ปัญหาที่แตกต่าง หลากหลาย รวมไปถึงความคิดแปลกใหม่จากแนวคิดเดิมๆ[9] เป็นการคิด "เปิดกว้าง" สําหรับความเป็นไปได้ใหม่ๆ โดยไม่จํากัดขอบเขตทางความคิดของตนเอง แล้วนําไอเดียที่ได้มาผสมผสานกัน จะช่วยให้มองปัญหาได้อย่างรอบด้าน[9] เป้าหมายของขั้นตอนนี้คือการได้ไอเดียที่หลากหลายและมีปริมาณมหาศาล เพื่อนําไปสู่การคัดเลือกไอเดียที่ดีที่สุดต่อไป[4]
### 4. Prototype - การสร้างต้นแบบ
ขั้นตอนนี้คือการสร้างผลิตภัณฑ์หรือต้นแบบขึ้นมา[2] เป็นการนําความคิดที่ได้จากการระดมสมองมาสร้างให้เป็นรูปธรรม หากเป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรม ก็คือการสร้างต้นแบบเพื่อทดสอบจริงก่อนที่จะนําไปผลิตจริง[3] สําหรับในด้านอื่นๆ ขั้นนี้คือการลงมือปฏิบัติหรือทดลองทําจริงตามแนวทางที่ได้เลือกแล้ว ตลอดจนสร้างต้นแบบของปฏิบัติการที่เราต้องการจะนําไปใช้จริง[3]
การสร้างต้นแบบมีความสําคัญเพราะกลุ่มเป้าหมายอาจไม่รู้ว่าตนเองต้องการอะไร แต่เมื่อได้เห็นต้นแบบแล้ว จะรู้สึกชอบและต้องการสินค้าเหล่านั้นได้[9] การสร้างต้นแบบขึ้นมา ทําให้เราสามารถทําการทดสอบว่าสิ่งนี้สามารถตอบสนองความต้องการได้จริงหรือไม่ ซึ่งขั้นตอนการสร้างต้นแบบนี้อาจใช้เวลานานที่สุดในกระบวนการทั้งหมด[9] ต้นแบบไม่จําเป็นต้องมีความซับซ้อนหรือสมบูรณ์แบบ แต่ควรสามารถสื่อสารแนวคิดหลักของการแก้ปัญหาให้ผู้ใช้เข้าใจได้[4]
### 5. Test - การทดสอบและปรับปรุง
ขั้นตอนสุดท้ายคือการทดสอบ เป็นการนําต้นแบบหรือข้อสรุปที่จะนําไปใช้จริงมาปฏิบัติก่อน เพื่อทดสอบประสิทธิภาพ ตลอดจนประเมินผล[3] หลังจากทดสอบแล้ว เราจะนําเอาปัญหาหรือข้อดีข้อเสียที่เกิดขึ้นมาปรับปรุงแก้ไข ก่อนนําไปใช้จริงอีกครั้ง[3] การทดสอบกับกลุ่มเป้าหมายจริงจะช่วยให้เราได้ข้อมูลที่มีค่าสําหรับการปรับปรุงแนวคิดให้ดียิ่งขึ้น[2]
การนําต้นแบบออกมาให้กลุ่มเป้าหมายใช้จริง ทําให้เราได้ผลตอบรับที่นําไปปรับปรุงตัวต้นแบบ[9] ขั้นตอนนี้อาจต้องทําซ้ํา และอาจต้องย้อนกลับไปขั้นตอนก่อนหน้า หากพบว่าต้นแบบยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตามที่ต้องการ[4] ธรรมชาติของ Design Thinking คือความยืดหยุ่น ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้สามารถปรับเปลี่ยนและทําซ้ําได้ตามความเหมาะสม[2]
รูปแบบอื่นของ Design Thinking
นอกจากรูปแบบ 5 ขั้นตอนแล้ว ยังมีรูปแบบอื่นของ Design Thinking ที่นิยมใช้ในบริบทต่างๆ เช่น:
โมเดลเพชรคู่ (Double Diamond)
โมเดลเพชรคู่ หรือ Double Diamond เป็นรูปแบบที่พัฒนาโดย UK Design Council ซึ่งได้รับความนิยมในระดับสากล[3] ประกอบไปด้วย 4 ขั้นตอนที่เรียกง่ายๆ ว่า 4D ดังนี้:
ขั้นตอนที่ 1: ค้นพบ (Discover) - ทําความเข้าใจผู้บริโภคเพื่อมองเห็นถึงปัญหา เป็นการค้นพบปัญหาแล้วทําความเข้าใจกับปัญหาให้ลึกซึ้งมากที่สุด หลากหลายมิติที่สุด เพื่อที่จะนําไปสู่การหาทางออกที่ดีและตอบโจทย์มากที่สุด[3]
ขั้นตอนที่ 2: บ่งชี้/กําหนด (Define) - คัดกรองและจัดลําดับความสําคัญของสิ่งที่ต้องการจะแก้ไข เป็นการนําเอาข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์เพื่อที่จะคัดกรองให้เป็นปัญหาที่แท้จริง กําหนดหรือบ่งชี้ว่าเป็นปัญหาอะไร ประเภทไหน เพื่อให้เข้าใจลักษณะของปัญหาให้ได้ชัดเจนที่สุดเพียงประเด็นเดียว[3]
ขั้นตอนที่ 3: พัฒนา (Develop) - ระดมไอเดียเพื่อแก้ไขปัญหา เป็นการระดมสมองเพื่อแชร์ไอเดีย หาวิธีการแก้ปัญหาต่างๆ นานา ทั้งในกรอบและนอกกรอบ โดยคิดให้รอบด้านที่สุด[3]
ขั้นตอนที่ 4: นําไปปฏิบัติจริง (Deliver) - นําไอเดียที่ดีที่สุดไปพัฒนาต่อ และทดลองใช้ เป็นการเลือกวิธีที่ดีที่สุดเพื่อนําไปแก้ไขปัญหาจริง ปฏิบัติจริง เพื่อตอบโจทย์ปัญหาที่เราตั้งไว้ นําไปทดลองหรือทดสอบจริงว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่ ตลอดจนเก็บข้อมูลเพื่อนํามาประมวลผล[3]
## ประโยชน์ของ Design Thinking ในการแก้ปัญหาและพัฒนานวัตกรรม
Design Thinking มีประโยชน์มากมายต่อการทํางานและการพัฒนาองค์กร[6] ดังนี้:
การใช้ Design Thinking ช่วยฝึกให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน โดยเริ่มจากการเข้าใจผู้ใช้งาน กําหนดปัญหา ระดมไอเดีย สร้างต้นแบบ และทดสอบ การปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้ช่วยให้การแก้ปัญหามีความเป็นระบบและมีโอกาสสําเร็จสูงขึ้น[6]
Design Thinking มักเน้นการสร้างต้นแบบและทดสอบหลายครั้ง ซึ่งทําให้เกิดแนวทางการแก้ปัญหาหลายๆ แบบ ผู้ปฏิบัติงานจึงมีแผนสํารองในกรณีที่แนวทางแรกไม่ประสบความสําเร็จ การมีทางเลือกสํารองช่วยลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ[6]
กระบวนการนี้ส่งเสริมให้ผู้ปฏิบัติงานคิดนอกกรอบและสร้างสรรค์แนวทางใหม่ๆ ในการแก้ปัญหา ขั้นตอนการระดมไอเดียและการสร้างต้นแบบเปิดโอกาสให้มีการทดลองและสํารวจแนวคิดที่แตกต่าง ซึ่งช่วยให้เกิดนวัตกรรมและการพัฒนาที่ไม่เคยมีมาก่อน[6] การสร้างทางเลือกที่มากขึ้นทําให้ทีมสามารถเลือกวิธีการที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับสถานการณ์ที่สุด ส่งผลให้ผลลัพธ์ที่ได้มีคุณภาพและตอบโจทย์ผู้ใช้งานอย่างแท้จริง[6]
## การประยุกต์ใช้ Design Thinking ในบริบทต่างๆ
Design Thinking สามารถนําไปประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลายในหลายบริบท:
### ในธุรกิจและองค์กร
Design Thinking เป็นเครื่องมือสําคัญสําหรับองค์กรที่ต้องการปรับตัวเข้ากับตลาดอันผันผวน[4] ช่วยให้ธุรกิจจัดการกับปัญหาและสร้างโซลูชันด้วยการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง[9] กระบวนการนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งความคิดสร้างสรรค์ เพื่อนําไปสู่ความสําเร็จอันยั่งยืน[4] และยังช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงในการลงทุน และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน[6]
### ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ
Design Thinking เป็นกระบวนการที่ช่วยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้อย่างแท้จริง[1] การเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้งช่วยให้สามารถออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจผู้ใช้ และแก้ปัญหาที่พวกเขาเผชิญอยู่ได้อย่างตรงจุด[3] กระบวนการนี้ยังช่วยให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์มีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามผลตอบรับและความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป[4]
### ในการศึกษา
Design Thinking สามารถนํามาประยุกต์ใช้ในบริบทของการศึกษาได้เป็นอย่างดี[10] ครูสามารถใช้กระบวนการคิดเชิงออกแบบในการพัฒนาหลักสูตร วิธีการสอน และกิจกรรมการเรียนรู้ที่ตอบสนองความต้องการของผู้เรียนอย่างแท้จริง[10] การทําความเข้าใจผู้เรียนอย่างลึกซึ้ง การกําหนดปัญหาให้ชัดเจน การระดมความคิดสร้างสรรค์ การสร้างต้นแบบ และการทดสอบ ช่วยให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ผู้เรียนมากขึ้น[10]
## บทสรุป
Design Thinking เป็นกระบวนการที่มีพลังในการแก้ปัญหาและพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้อย่างแท้จริง ด้วยกระบวนการ 5 ขั้นตอน ได้แก่ การทําความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย (Empathize) การกําหนดปัญหาให้ชัดเจน (Define) การระดมความคิดสร้างสรรค์ (Ideate) การสร้างต้นแบบ (Prototype) และการทดสอบ (Test) ทําให้เราสามารถค้นหาวิธีการแก้ปัญหาที่ตรงจุด มีประสิทธิภาพ และสร้างคุณค่าให้กับผู้ใช้อย่างแท้จริง
การนํา Design Thinking ไปใช้ไม่ได้จํากัดอยู่เพียงในวงการออกแบบหรือธุรกิจเท่านั้น แต่สามารถนําไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายบริบท ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การพัฒนาสังคม หรือการแก้ปัญหาในชีวิตประจําวัน กระบวนการนี้ไม่ใช่เพียงเครื่องมือ แต่เป็นวิธีคิดที่ช่วยให้เราเข้าใจโลกรอบตัวและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่ดีกว่าเดิม กุญแจสําคัญของ Design Thinking คือการเข้าใจผู้ใช้อย่างลึกซึ้ง การไม่กลัวที่จะคิดนอกกรอบ และการเรียนรู้จากความล้มเหลวเพื่อพัฒนาต่อไป
Citations:
[1] Design Thinking คืออะไร โดยอ.ศศิมา สุขสว่าง - sasimasuk.com https://www.sasimasuk.com/16886644/design-thinking-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3
[2] 5 ขั้นตอนของกระบวนการ Design Thinking - %3-design-thinking/
[3] กระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) เครื่องมือสำคัญของการสร้าง ... https://th.hrnote.asia/orgdevelopment/190702-design-thinking/
[4] เทคนิคแก้ปัญหาธุรกิจ ปิดจบใน 5 ขั้น ด้วย Design Thinking Process https://creativetalkconference.com/the-5-phases-of-design-thinking-for-business/
[5] [PDF] กระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) - สอวช. https://www.nxpo.or.th/th/wp-content/uploads/2019/01/48_TH1.pdf
[6] Design Thinking คืออะไร กระบวนการคิดเชิงออกแบบที่สำคัญต่อธุรกิจ https://cwtower.com/th/lifestyle/what-is-design-thinking/
[8] Design Thinking - SET e-Learning https://elearning.set.or.th/SETGroup/courses/195/info
[9] 5 ขั้นตอนในกระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) https://www.sbdc.co.th/knowledge/article/264/5%9A-design-thinking/
[10] ทำงานครูอย่างเข้าใจด้วย Design Thinking - EducaThai https://www.educathai.com/knowledge/articles/612
[11] Design Thinking การคิดเชิงออกแบบ เครื่องมือขับเคลื่อนองค์กร https://www.disruptignite.com/blog/design-thinking
[12] การคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) เพื่อพัฒนากระบวนการเรียนรู้ให้กับเด็ก https://www.starfishlabz.com/blog/863-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%
[13] Basic Design Thinking - BASE Playhouse https://www.baseplayhouse.co/course/basic-design-thinking
[14] ขั้นตอนการทำ Design Thinking - Popticles.com https://www.popticles.com/business/steps-to-do-design-thinking/
[15] Design Thinking 5 ขั้นตอนมีอะไรบ้าง | 5 Minute Biz Knowledge https://www.youtube.com/watch?v=nEtoxWq6_tg
[16] คิดทันโลกด้วย Design Thinking โดย ASIAN Leadership Academy https://www.okmd.or.th/knowledge-festival/articles/518/
[19] 5 ขั้นตอน Design Thinking ทักษะที่จำเป็นในยุคดิจิทัล - TIME Consulting https://www.timeconsulting.co.th/design-thinking
[20] Design Thinking (Design Thinking Process) หัวใจหลักในการพัฒนาธุรกิจ
[21] Design Thinking คืออะไร ช่วยพัฒนาองค์กรได้จริงไหม? - BASE Playhouse https://www.baseplayhouse.co/blog/what-is-design-thinking
[22] Design Thinking 101 - CEA Online Academy https://academy.cea.or.th/course/1/
[23] Design Thinking กระบวนการคิดเชิงออกแบบ | คอร์สออนไลน์ | SkillLane https://www.skilllane.com/courses/tuxsa-design-thinking
[24] Design Thinking for Innovation | คอร์สเรียนออนไลน์ - Skooldio https://www.skooldio.com/courses/design-thinking
[25] การคิดเชิงออกแบบ Design Thinking กระบวนการคิดในการออกแบบนวัตกรรม https://bait.rmutsb.ac.th/content/design-thinking
โฆษณา