-เปิดอัลบั้มด้วย Title Track อันแสนเงียบงัน ยังไม่เน้นโฉ่งฉ่าง บิวด์ด้วยเก่บีทสังเคราะห์เคาะเบาๆประหนึ่งก่อร่าง element ความรู้สึกที่กำลังจะเกิดขึ้น เป็นการต้อนรับสู่ “ความสุขอันแสนยิ่งยวด” EUSEXUA ที่ลึกลับและน่าค้นหาต่อจากนี้ Girl Feels Good เป็น trip hop ที่เริ่มก่อร่างมวลความสุขเป็นรูปเป็นร่างชัดเจน
-การเข้าสู่ความสัมพันธ์แบบ one night stand ในเพลง Perfect Stranger ก็สามารถทำให้เราสนุกอย่างไร้เงื่อนไขได้ ไม่จำเป็นต้องถามไถ่เรื่องส่วนตัว มาจากเมืองไหน? ชอบกินอะไร ? ให้สัญชาตญาณมันพาไป อันตรายแค่ไหนก็ไม่หวั่น Drums of Death ชื่อดูน่ากลัว แต่โคตรไฮป์ด้วย techno beat สุดล้ำที่ทำให้คุณลืมตายได้ ลูกเล่นคอมกระตุกเป็นอะไรที่กระตุกจิตกระชากใจ MV เล่นคอนเซปท์เต้นกายบริหารช่วงพักเบรคในออฟฟิศ run time ก็เท่าๆกันด้วย
-Room of Fools ห้องที่เต็มไปด้วยพวกงี่เง่าที่ขอช่างแม่งเรื่องชีวิตประจำวัน ในเมื่ออยู่ในห้องร้อนๆด้วยกันแล้ว จะยืนอยู่เฉยๆก็กะไรอยู่ เต้นซิครับ !!! ตัดจบแบบเนิบๆรำไทเก๊กให้ได้พิสมัยกันเล่นๆ ไม่ใช่แค่ไทเก๊กเท่านั้นที่เธอเอาเข้ามา เธอยังให้เราได้ฝึกโยคะกันอย่างอิหยังวะในเพลง Keep It, Hold It เหมือนให้เราฝึกหายใจเพื่อทำตัวให้เย็นลง หลังจากที่เจอแต่ของร้อนมา
-และการกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งในเพลง Childlike Things ถึงว่าดึงน้อง North West (ลูกสาวพี่ Ye) มาร่วมแจม พ่นแร็ปเป็นภาษาญี่ปุ่นอย่างคาวาอี้ (น่าจะตามพ่อที่มาอัดเพลงที่ญี่ปุ่นด้วย)
คำอธิบายฟังดูเลี่ยงบาลี I'm a dog for you หลายคนก็จินตนาการถึงคอสตูมชุดหนังไปแล้ว อันที่จริงนี่ถือเป็นอีกหนึ่งแก่นสำคัญของอัลบั้มนี้ที่ต้องการจะบอกเล่าการอยู่กับปัจจุบัน ไม่ใช่แค่เน้นเต้นปลดปล่อยเพียงอย่างเดียว *** ทดไว้ เดี๋ยวจะขยายความเพิ่มเติมในพาร์ทสรุปช่วงท้ายล่ะกัน
-ปิดท้ายด้วยบทเพลงเรื่องบนเตียงที่งดงามดุจแพรไหมที่สุดอย่าง Wanderlust กล้าพูดได้เลยว่า นี่คือ best song ที่ทำให้เราเห็นว่า เธอไปได้ไกลแอดวานซ์กว่า diva หลายๆคนเลยด้วยซ้ำ อาจจะมีคนเถียงว่า เธอใช้ออโต้จูน เธอจะดูเหนือกว่าคนมีลูกคอเก้าชั้นได้ไง ? นั่นก็แค่ลูกเล่นส่วนนึงที่คงตีมไซไฟก็เท่านั้น ท่อนฮุกเนี่ยของจริง มินิมอลแต่ได้มาก เป็นการปลดเปลื้องที่หันกลับมารู้ใจตัวเองอย่างสงบสุข
-หลังจากที่ฟังแล้วไม่เก็ตอยู่หลายรอบ (ไม่เก็ตไม่ได้แปลว่าไม่คูลไม่เจ๋ง แต่ผมติดใจในสาสน์ที่เธอต้องการสื่อก็เท่านั้น) ประโยค THE BODY IS ART ที่ตอนแรกผมก็คิดว่ามันคือประโยคโปรโมทเพื่อการโฆษณา On ที่โดดมาร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ในการโปรโมทอัลบั้มนี้ กลับกลายเป็น statement ที่ผมตกตะกอนได้ในที่สุด
-อย่างที่บอกไว้ข้างต้น เธอพยายามเข้าใจปฏิกิริยาของร่างกายเพื่อนำพาสู่การเรียนรู้ที่จะอยู่กับปัจจุบันให้ได้มากที่สุด ตอนที่เธออธิบายเพลง 24hr Dog เธอยังยอมรับถึงการติดมือถือจนเคยไม่เป็นอันทำอะไร เธอเลยตัดสินใจยับยั้งชั่งใจด้วยการถูฝ่ามือ ถูตามร่างกายเพื่อเป็นการเรียกสติให้โฟกัสกับปัจจุบันมากที่สุด
-มันเลยเป็นที่มาของคอนเซปท์อัลบั้มนี้ที่ไม่มีภาพวาด virtual art ตามจินตนาการ มีแค่ คน คน และคนเท่านั้นที่มาร่ายรำสรีระ อันเป็นลวดลายของงานคราฟท์ที่ไม่ได้มาจากดินสอและพู่กัน เป็นความเปลือยเปล่าที่มีที่มาที่ไปจากการหาทางเยียวยาจิตใจ