18 มี.ค. เวลา 14:00 • บันเทิง

‘พ่อต่างหากที่มีเงิน! ลูกไม่มีเงิน!’

บทเรียนการเงินจากชีวิต ‘เบน แอฟเฟล็ก’ เพราะความสำเร็จและความมั่งคั่งคือสิ่งที่ต้องแลกด้วยความทุ่มเท
1
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เบน แอฟเฟล็ก นักแสดงวัย 52 ปี ได้พาลูกชายอายุ 13 ปี ซามูเอล แอฟเฟล็ก ไปร่วมงานคอนเวนชั่นรองเท้าผ้าใบ และเมื่อลูกชายของเขาหยิบรองเท้า Dior Air Jordan 1 ที่มีป้ายราคาสูงถึง 6,000 ดอลลาร์ ขึ้นมาดู แอฟเฟล็กก็รีบเตือนทันทีว่าเขาจะไม่เป็นคนจ่ายเงินให้
“นั่นต้องตัดหญ้ากี่สนามถึงจะซื้อได้นะ?” แอฟเฟล็กพูดกับลูกชาย “ลูกชอบมันเพราะมันแพงสินะ” จากนั้นเขาก็พาลูกชายที่เดินคอตกออกไปจากบูธ
และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาก็ได้ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินพรมแดงที่งาน SXSW เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว เบน แอฟเฟล็กอธิบายว่า เขาให้ลูกๆ ทำงานแลกค่าใช้จ่ายบางอย่างเพื่อสอนให้ลูกๆ ของเขารู้จักคุณค่าของเงินอีก
“นี่แหละสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคุณบอกใครสักคนว่าต้องไปตัดหญ้า พอรู้ว่าต้องทำงาน เขาก็ไม่อยากได้รองเท้าคู่นั้นอีกแล้ว”
สำหรับแอฟเฟล็ก เขามองว่าลูกชายของเขา “ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องมีรองเท้าคู่ละ 1,000 ดอลลาร์” และต้องการเตือนให้ลูกจำไว้ว่า ใครเป็นคนจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้าน
“วันนั้นเขาบอกผมว่า ‘เรามีเงินนะพ่อ’ ผมก็เลยตอบกลับลูกไปว่า ‘พ่อต่างหากที่มีเงิน! ลูกไม่มีเงิน!’” แอฟเฟล็กเล่าพร้อมหัวเราะและเดินเข้าไปในงาน ซึ่งสัมภาษณ์นี้ก็เรียกเสียงฮือฮาในโซเชียลได้
ในสัปดาห์ aomMONEY จะมาเล่าเรื่องราวของ “เบน แอฟแฟล็ก” นักแสดงดาวค้างฟ้าที่ทำรายได้สูงถึง 55 ล้านดอลลาร์ต่อปี ว่ากว่าจะมาจุดนี้เขาทำอะไรมาบ้าง และมีบทเรียนการเงินอะไรบ้างที่เราเรียนรู้จากเขาได้
[ ช่วงเวลาไล่ตามความฝัน ✊ ]
เบน แอฟเฟล็ก (Ben Affleck) มีชื่อจริงว่า เบนจามิน เกซา แอฟเฟล็ก-โบลดท์ (Benjamin Géza Affleck-Boldt) เกิดวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1972 ที่เบิร์กลีย์ แคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ครอบครัวของเขาย้ายไปแมสซาชูเซตส์เมื่อเขาอายุได้ 3 ขวบ แม่ของเขาเป็นครูประถมศึกษาและ พ่อของเขาที่เป็นนักเขียนบทละครและฟรีแลนซ์
ในช่วงวัยเด็กของเบน พ่อของเขามีปัญหาติดสุรา และ เบนเองก็จำได้ว่าพ่อของเขาดื่มหนักและไม่เคยสร่างเมาเลยจนอายุ 19 ปี อย่างไรก็ตามเขาเติบโตมากับเคซีย์ น้องชายของเขา และแม่ที่มักจะชอบพาลูกๆ ไปชมการแสดงละคร และได้รับการสนับสนุนให้สร้างภาพยนตร์ที่บ้านของพวกเขาเอง จนกระทั่งพี่น้องทั้งสองได้ออดิชั่นเพื่อรับบทในโฆษณาท้องถิ่นและการผลิตภาพยนตร์เนื่องจากแม่ของพวกเขาเป็นเพื่อนกับผู้กำกับการคัดเลือกนักแสดงในพื้นที่เคมบริดจ์ ทำให้เบนได้เริ่มแสดงเป็นนักแสดงครั้งแรกเมื่ออายุได้ 7 ขวบ
แม้จะมีฉายแววดาราแต่เด็ก แต่แม่ของเขาคาดหวังว่าในที่สุดลูกชายของเธอจะได้เป็นครู เนื่องจากมองว่าการเป็นแสดงเป็นอาชีพมีความมั่นคงและ "ไร้สาระ"
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเขาได้เรียนมัธยมปลายที่โรงเรียน Cambridge Rindge และที่นั่นเอง เขาก็ได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกับแมตต์ เดมอน (Matt Damon) เพื่อนรุ่นพี่ ที่แม้ว่าเดมอนจะอายุมากกว่าสองปี แต่ทั้งคู่ก็มี "ความสนใจเหมือนกัน" และต่างก็ต้องการที่จะประกอบอาชีพนักแสดง พวกเขาเดินทางไปนิวยอร์กด้วยกันเพื่อออดิชั่นการแสดง และเก็บเงินเพื่อซื้อตั๋วรถไฟและตั๋วเครื่องบินในบัญชีธนาคารร่วมกัน
“เราทำงานเล็กๆ น้อยๆ ไม่ว่าจะเป็นงานตัวประกอบ พูดบทสั้นๆ หรือโฆษณาเบอร์เกอร์คิงเป็นครั้งคราว แล้วก็นำเงินนั้นมาใส่ในบัญชีนี้” เขาเล่าเมื่อปี 2023
[ "Good Will Hunting" จุดเริ่มต้นที่แท้จริงของดาราผู้เป็นไอคอนิก ⭐️ ]
ภาพยนตร์ที่เป็นจุดเริ่มต้นของอาชีพแอฟเฟล็คอย่างแท้จริงคือ "Good Will Hunting" ซึ่งเขาร่วมเขียนบทและแสดงกับเพื่อนแมตต์ เดมอน บทภาพยนตร์เริ่มต้นจากงานเขียนความยาว 40 หน้าสำหรับคลาสการเขียนบทละครของเดมอนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ต่อมาเมื่อทั้งสองอาศัยอยู่ด้วยกันในลอสแองเจลิส พวกเขาร่วมกันพัฒนาให้เป็นบทภาพยนตร์ ทั้งคู่รู้สึกผิดหวังกับบทบาทเล็กๆ และบทประกอบที่พวกเขาได้รับจนถึงขณะนั้น พวกเขาจึงต้องการทำงานในโครงการที่พวกเขาสามารถตัดสินใจเรื่องสำคัญได้เอง
แอฟเฟล็คและเดมอนส่งบทที่เสร็จสมบูรณ์ให้กับเอเจนต์ของพวกเขา ซึ่งนำไปเสนอให้กับหลายสตูดิโอ Castle Rock ตอบรับในปี 1994 แต่พวกเขาไม่เต็มใจให้อำนาจในการควบคุมงานสร้างสรรค์ที่เบนและแมตต์ต้องการ พวกเขาจึงนำบทภาพยนตร์ไปที่ Miramax ซึ่งพวกเขาได้รับอิสระในการสร้างสรรค์มากกว่า
1
"Good Will Hunting" เข้าฉายในปี 1997 และได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางทั้งในด้านบทภาพยนตร์และการแสดง ด้วยผลงานที่โดดเด่นในภาพยนตร์เรื่องนี้ แอฟเฟล็คและเดมอนกลายเป็นดาราข้ามคืนและไม่นานก็ได้รับบทบาทที่ใหญ่ขึ้น
อีกทั้ง แอฟเฟล็กยังได้รับรางวัลออสการ์จากภาพยนตร์เรื่อง Good Will Hunting (บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม ร่วมกับแมตต์ เดมอน)
หลังจากความสำเร็จของ "Good Will Hunting" แอฟเฟล็คพบว่าตัวเองสามารถเลือกบทบาทที่ใหญ่และดีขึ้นได้ หนึ่งในความสำเร็จครั้งใหญ่แรกๆ ของเขาคือ "Armageddon" ซึ่งเขารับบทเป็นชายชนชั้นแรงงานที่ถูกส่งไปในอวกาศเพื่อหยุดดาวเคราะห์น้อยที่กำลังจะพุ่งชนโลก ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากในโรงภาพยนตร์และตอกย้ำสถานะของเบนในฐานะพระเอกที่กำลังมาแรง
ภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จพอๆ กันตามมา เช่น "Shakespeare in Love", "Pearl Harbor", "The Sum of All Fears" และ "Changing Lanes" แม้ไม่ใช่ทุกเรื่องที่ประสบความสำเร็จ หลายเรื่องของแอฟเฟล็คล้มเหลวและทำรายได้ได้ไม่ดีนัก แต่เขาก็ยังเป็นไอคอนิกของวงการ
และในอีกอาชีพหนึ่งของเบนก็คือ การเป็นผู้กำกับ โดยในปี 2007 เขาได้กำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาเรื่อง "Gone Baby Gone" จากนั้นเขาก็เขียนบท อำนวยการสร้าง และกำกับเรื่อง "The Town" (2010) และรับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้าง กำกับ และแสดงนำในเรื่อง "Argo" (2012) ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็ประสบความสำเร็จทั้งในแง่รายได้และคำวิจารณ์ โดยหนังเรื่องนี้ โดยหนังเรื่อง Argo นี้เองทำให้เขาได้รับรางวัลทั้ง BAFTA และ Golden Globe จากหนังเรื่องเดียว
[ ชีวิตและการลงทุนส่วนตัว 🗃️ ]
ในช่วงปีค.ศ. 2005 เบน แอฟเฟล็ก ได้แต่งงานกับนำแสดงสาว เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ (Jennifer Garner) ทั้งสองมีลูกด้วยกัน 3 คน แต่ เบน แอฟเฟล็ก และ เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ ก็หย่าร้างกันในปี ค.ศ. 2018 ก่อนจะแต่งงานใหม่อีกครั้งในปี 2022 กับ เจนนิเฟอร์ โลเปซ (Jennifer Lopez) และหย่าร้างอีกครั้งในปี 2024
ข้อมูลจาก Celebrity Networth ระบุว่าเบน แอฟเฟล็ก มีทรัพย์สินราวๆ 150 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราวๆ 5,000 ล้านบาท) โดยทรัพย์สินส่วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่เคยซื้ออยู่กับภรรยาและลูกๆ รายได้ส่วนใหญ่เป็นเงินจากโฆษณา การแสดง และบริษัทผลิตภาพยนตร์ Artists Equity ที่ทำร่วมกับแมตต์ เดมอน
อย่างไรก็ตาม หลังจากประสบความสำเร็จในฐานะนักแสดง ผู้กำกับ และโปรดิวเซอร์ฮอลลีวูดมาเป็นเวลากว่า 40 ปี เบน แอฟเฟล็ก สามารถซื้อสิ่งที่เขาต้องการได้แทบทุกอย่าง แต่เจ้าของรางวัลออสการ์คนนี้ก็ไม่ลืมที่จะเตือนลูกๆ ว่า เงินหลายล้านของเขาไม่ใช่ของพวกเขาที่จะใช้ตามใจชอบ
1
#aomMONEY #คนดังกับการเงิน #เบนแอฟเฟล็ก #BenAffleck #การเงินส่วนบุคคล
โฆษณา