Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Wealthy Thai
•
ติดตาม
21 มี.ค. เวลา 06:12 • หุ้น & เศรษฐกิจ
LTMH เคาะ IPO หุ้นละ 5 บาท เสนอขาย 25 - 27 มี.ค. นี้
คาดเข้าเทรด mai วันที่ 2 เม.ย. 68 รุก WealthTech ต่อยอดระบบนิเวศธุรกิจ
LTMH ธุรกิจด้านสื่อด้านการเงิน การลงทุน และธุรกิจ ที่มีสื่อออนไลน์อย่าง “ลงทุนแมน” เป็นหนึ่งในเรือธง เคาะราคา IPO หุ้นละ 5 บาท เตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อวันที่ 25 - 27 มี.ค. นี้ พร้อมเดินหน้าเข้าซื้อขายใน mai วันที่ 2 เม.ย. 68 นำเงินระดมทุนขยายธุรกิจเทคโนโลยีบริหารความมั่งคั่งภายใต้ชื่อ WealthX
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของบริษัท แอลทีเอ็มเอช จำกัด (มหาชน) หรือ LTMH เปิดเผยว่า LTMH จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลังการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ โดยกำหนดราคา IPO ที่ราคาหุ้นละ 5 บาท รวมเป็นเงินที่บริษัทฯ ได้รับจากการระดมทุนในครั้งนี้จำนวน 250 ล้านบาท
โดยจะเปิดให้จองซื้อหุ้นในระหว่างวันที่ 25-27 มีนาคม 2568 และคาดว่าจะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจบริการ (SERVICE) ในวันที่ 2 เมษายน 2568 ในชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า "LTMH" พร้อมกันนี้มีผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 3 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน)
สำหรับการกำหนดราคา IPO ที่ 5 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) เท่ากับ 21.18 เท่า ซึ่งคำนวณจากผลประกอบการในรอบ 4 ไตรมาสล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึง 31 ธันวาคม 2567 ถือเป็นระดับที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน และสอดคล้องกับสภาวะของตลาดหลักทรัพย์
ในปัจจุบัน LTMH ถือเป็นธุรกิจสื่อออนไลน์ที่แข็งแกร่ง เป็นที่ยอมรับ และมีการเติบโตที่โดดเด่น โดย Brand LTMH เริ่มต้นจากการสร้างเพจ Facebook ภายใต้ชื่อ “ลงทุนแมน” และต่อมาได้ขยายเพิ่มอีก 5 เพจ ประกอบด้วย ลงทุนเกิร์ล, MarketThink, Brandcase, Money Lab และ Mao-Investor ครอบคลุม เข้าถึง และตอบสนองกลุ่มลูกค้าและผู้ติดตามได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น จาก 4.87 ล้านคน ในปี 2564 เพิ่มเป็น 8.32 ล้านคน ณ สิ้นปี 2567
คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 19.61% ในช่วงปี 2564 -2567 ทำให้ LTMH ถือเป็นอินฟลูเอนเซอร์ ด้านการเงิน และการลงทุน ที่มีความน่าเชื่อถือ และมีอิทธิพลต่อความคิดเห็นและการตัดสินใจของผู้ติดตามจำนวนมาก
นอกจากนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน ผู้ถือหุ้นใหญ่ กลุ่มครอบครัวคุณธณัฐ เตชะเลิศ และผู้ถือหุ้นเดิมรายอื่นอีก 4 ราย สมัครใจทำข้อตกลงไม่จำหน่ายหุ้นในส่วนที่เหลือจากการติด Silent Period ตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นเวลา 6 เดือนตั้งแต่วันที่เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้ผู้ถือหุ้นเดิมส่วนที่เหลือที่ไม่ติด Lock up จะมีจำนวนเพียง 4.03 ล้านหุ้น คิดเป็นเพียง 2.02% ของจำนวนหุ้นภายหลังการเสนอขายหุ้นเท่านั้น
ด้านนายธณัฐ เตชะเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอลทีเอ็มเอช จำกัด (มหาชน) หรือ LTMH เปิดเผยว่าการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ เป็นอีกก้าวสำคัญที่จะสร้างให้ LTMH เติบโตอย่างยั่งยืน โดยการระดมทุนครั้งนี้ จำนวน 250 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อขยายธุรกิจ WealthTech ภายใต้แบรนด์ "WealthX" ที่จะช่วยให้คนไทยสามารถยกระดับทางการเงิน การลงทุนได้มากขึ้นในอนาคต
ในเบื้องต้นบริษัทได้ยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ เพื่อเป็นนาหน้าในการจำหน่ายหน่วยลงทุน กองทุน และตราสารหนี้ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2568 และอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์ได้ภายในช่วงครึ่งหลังของปี 2568
นอกจากนี้ การระดมทุนยังมีวัตถุประสงค์เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่ใช้ลงทุนในหุ้น บลจ.ทาลิส รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทและบริษัทย่อย ซึ่งเชื่อมั่นว่า สิ่งที่จะทำให้ LTMH ประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจครั้งนี้มาจาก “จุดแข็งสำคัญ” ที่บริษัทมีอยู่ทั้งชื่อเสียงของแบรนด์ที่แข็งแกร่ง การมีสื่อออนไลน์และช่องทางการติดตามที่หลากหลาย
รวมถึงการมีแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์ที่เป็นของเราเอง และระบบ Ecosystem ที่เกื้อหนุนกันรวมถึงทีมผู้บริหารและบุคลากรที่มีความสามารถและประสบการณ์ในอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน
ทั้งนี้ ทางบริษัทเชื่อว่าด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ค่อนข้างสูง บวกกับต้นทุนค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นค่าใช้จ่ายคงที่ ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงรากฐานขององค์กรที่แข็งแกร่ง ทั้งในด้านธุรกิจสื่อและแพลตฟอร์มสื่อ (ออนไลน์) และธุรกิจออฟไลน์นั้น เมื่อมาผนวกกับแผนการทางธุรกิจในอนาคตที่ค่อนข้างชัดเจน
โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาต่อยอดธุรกิจ WealthTech ที่มีโอกาสเติบโตอยู่ในระดับสูง ก็จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้บริษัทฯ สามารถเดินหน้าสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการขยายธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพต่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคตได้เป็นอย่างดี
“เรามีแบรนด์ที่แข็งแกร่งและเป็นอันดับต้นๆ ที่องค์กรเลือกใช้ รวมถึงมีระบบนิเวศธุรกิจที่สนับสนุนซึ่งกันและกัน ทั้งธุรกิจสื่อออนไลน์และการตลาดแบบครบวงจร ธุรกิจออฟไลน์ การจัดงานอีเวนต์ที่มีต่อเนื่องตลอดทั้งปี อีกทั้งการจำหน่ายหนังสือที่มีทั้งหมด 16 เล่น ผ่านช่องทางต่างๆ
ซึ่งในอนาคตเราจะมีธุรกิจเทคโนโลยีบริหารความมั่งคั่ง “WealthX” เข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโต เราไม่ได้กังวลเรื่องการแข่งขันในตลาด เพราะมูลค่าตลาดบริหารความมั่งคั่งใหญ่มากถึง 3 ล้านล้านบาท หากเราทำมาร์เก็ตแชร์ได้เพียง 1% จากมูลค่าดังกล่าว จะช่วยให้ความสามารถในการทำกำไรและการขยายตัวของบริษัทปรับตัวดีขึ้น” นายธณัฐ กล่าว
สำหรับผลประกอบการ 4 ปีย้อนหลัง ในปี 2564 – 2567 บริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 118.06 ล้านบาท 173.90 ล้านบาท 225.77 ล้านบาท และ 231.72 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 25.20% ส่วนกำไรสุทธิเท่ากับ 21.68 ล้านบาท 31.18 ล้านบาท 37.58 ล้านบาท และ 35.28 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 18.37%, 17.93%, 16.64% และ 15.23% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ในปี 2567 บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 50.55% แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรที่สูง
เศรษฐกิจ
หุ้น
การลงทุน
1 บันทึก
3
1
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย