Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
aomMONEY
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
22 มี.ค. เวลา 15:30 • ไลฟ์สไตล์
ชีวิตติดแกลม แต่จริงๆ ติดแกลบคับบอส
Lifestyle Inflation พฤติกรรมการใช้เงินที่ทำให้รวยแค่ในโซเชียล แต่กระเป๋าฉีกในชีวิตจริง
ทุกวันนี้โซเชียลมีเดียเต็มไปด้วยภาพลักษณ์ของความสำเร็จ—กระเป๋าแบรนด์เนม รถหรู ทริปเที่ยวต่างประเทศ และมื้ออาหารสุดหรู หลายคนอาจหลงคิดว่า “ต้องใช้ชีวิตแบบนี้ถึงจะถือว่าประสบความสำเร็จ” และพยายามใช้เงินสร้างภาพลักษณ์ให้ดูรวยทันที แม้จะต้องกดบัตรเครดิต หรือละเลยการออมเงินก็ตาม
แต่ระวังให้ดี… หากคุณใช้เงินตามเทรนด์โดยไม่คิดหน้าคิดหลัง ต่อให้มีรายได้สูงแค่ไหน ก็อาจพบว่าตัวเองไม่มีเงินเก็บเลย หรือแย่กว่านั้น—จมอยู่กับหนี้สินที่เกินตัว!
[ กับดัก "Lifestyle Inflation" เมื่อรายได้เพิ่ม...แต่เงินกลับหมด 🥹 ]
Lifestyle Inflation คือ พฤติกรรมที่มักเกิดขึ้นเมื่อเรามีรายได้เพิ่มขึ้น รายจ่ายก็เพิ่มตาม เช่น ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเงินเดือนเพิ่ม ได้โบนัส เราก็มักจะเพิ่มการใช้จ่ายของตัวเองตามไป โดยอาจไม่ได้ระวังหน้าระวังหลัง เช่น เมื่อก่อนกินข้าวข้างทาง แต่พอเงินเดือนขึ้น ก็เปลี่ยนไปกินร้านหรู หรือจากที่เคยใช้รถสาธารณะ พอเงินมากขึ้นก็ต้องขับรถหรูขึ้นตามไปเรื่อยๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจดูเป็นรางวัลให้ตัวเอง
แต่ถ้าไม่มีการวางแผนดีๆ อาจทำให้คุณติดอยู่ในวงจร “หาได้เท่าไหร่ก็ไม่เหลือ”
ภาวะฟุ้งเฟ้อตามรายได้นี้ไม่ได้เกิดแค่กับคนธรรมดา แต่คนดังระดับโลกก็ยังพลาดได้ เช่น กรณีของ อัล ปาชิโน ดาราฮอลลีวูดชื่อดัง ที่ต้องประสบภาวะล้มละลายเมื่ออายุ 70 ปี และจำต้องรับบทในภาพยนตร์ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักอย่าง "Jack & Jill" เพื่อแก้ปัญหาการเงิน
[ ผลเสีย 4 ขั้นของการเข้าวงการ Lifestyle Inflation 📉 ]
👉ขั้นที่ 1 ไม่เหลือเงินเก็บ
อาการแบบนี้คล้ายกับการเสพติดน้ำตาลที่เราจะค่อยๆ เพิ่มระดับการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยทีละน้อย จนไม่มีเงินเหลือเก็บ เมื่อเกิดวิกฤตเช่นตกงานหรือเศรษฐกิจถดถอยก็จะประสบปัญหาอย่างหนัก บางคนอาจถึงขั้นต้องขายทรัพย์สินที่สะสมมาเพื่อประทังชีวิต เพราะแบกรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว
👉ขั้นที่ 2 หนี้สินพอกพูน
หากการใช้จ่ายของคุณเกินรายได้มากขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีเงินเงินเก็บอีกต่อไป คุณอาจต้องพึ่งบัตรเครดิตหรือหาเงินกู้ ซึ่งนำไปสู่ระดับหนี้ที่สูงขึ้น การสะสมหนี้จะการันตีว่าในอนาคตคุณจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น หากชำระค่าใช้ล่าช้าก็มีจะมีดอกเบี้ยดีดตามมา ทำให้ยากที่จะหลุดพ้นและออมเพื่ออนาคต
👉ขั้นที่ 3 ขาดความยืดหยุ่นทางการเงิน
เมื่อรายได้ส่วนใหญ่หมดไปกับการรักษาไลฟ์สไตล์ของคุณให้ดูดี และต้องจ่ายหนี้เพิ่ม ปัญหาต่อมาอาจเกิดขึ้นถ้าเกิดค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด เช่น ค่ารักษาพยาบาลหรือค่าซ่อมรถ หรือเมื่อมีโอกาสที่ต้องการการลงทุนทางการเงิน ตอนนั้นคุณอาจไม่มีเงินเหลือให้กับค่าใช้จ่ายเหล่านั้น และในที่สุดคุณก็อาจจะล้มละลายหรือ
👉ขั้นที่ 4 เป้าหมายในการเกษียณอยู่ไกลออกไป
ภาวะเงินเฟ้อเชิงไลฟ์สไตล์ ถ้าแก้ไม่ทันอาจทำให้เกิดความล่าช้าในการบรรลุเป้าหมายทางการเงิน เช่น การซื้อทรัพย์สิน การเริ่มต้นธุรกิจ หรือการวางแผนเกษียณ เพราะทรัพยากรที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายระยะยาวเหล่านี้ก็น้อยลง ความล่าช้านี้อาจส่งผลให้พลาดโอกาสและเพิ่มความเครียด เนื่องจากเป้าหมายทางการเงินกลายเป็นเรื่องยากที่จะบรรลุมากขึ้น
[ 5 พฤติกรรมที่ทำให้คุณกลายเป็นเศรษฐีออนไลน์ แต่ล้มละลายในชีวิตจริง 🔥 ]
1. ซื้อเพื่อ “โชว์” มากกว่าซื้อเพื่อตัวเอง
ถ้าคุณเป็นคนที่เห็นเพื่อนลงรูปกระเป๋าใหม่ ก็รู้สึกอยากมีบ้าง? เห็นคนอื่นกินร้านหรู ก็ต้องตามไปกินเพื่อให้ได้ถ่ายรูป? ถ้าคุณใช้เงินเพียงเพราะอยาก “ให้คนอื่นเห็นว่าคุณมี” มากกว่าคิดว่าของชิ้นนั้นจำเป็นสำหรับตัวเองหรือไม่ นี่คือพฤติกรรมที่อันตรายสุดๆ เพราะคุณกำลังเอาเงินไปซื้อภาพลักษณ์มากกว่าคุณค่าแท้จริง
✅ทางออกในสถานการณ์นี้คงไม่มีคำคมไหนเหมาะเท่าคำคมของวอร์เรน บัฟเฟตต์ที่บอกไว้ว่า “หากคุณใช้เงินซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายคุณอาจจะต้องขายของที่จำเป็นเพื่อนำเงินมาประทังชีวิต”
2. ไลฟ์สไตล์หรูหราเกินรายได้ของตัวเอง
หลายคนมีรายได้ปานกลาง แต่ใช้ชีวิตเหมือนมหาเศรษฐี ร้านกาแฟที่ต้องเป็นแบรนด์พรีเมียมทุกวัน แพ็กเกจฟิตเนสสุดหรู หรือการพักโรงแรม 5 ดาวบ่อยๆ ทั้งที่รายได้ไม่ได้เยอะ
✅ทางออก หลีกเลี่ยงการซื้อตามแรงกระตุ้นด้วยการใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อคิดถึงความจำเป็นและผลกระทบระยะยาวของการซื้อต่อการเงินของคุณหรือเปล่า ไม่ใช่ถามตัวเองว่าจ่ายไหวหรือเปล่า
3. ใช้เงินแบบ “เดี๋ยวค่อยคิด” ไม่มีแผนการเงิน
การใช้เงินแบบไม่วางแผน คิดแค่ว่า “เงินเดือนออกเดี๋ยวค่อยว่ากัน” ทำให้เงินหมดไปเร็วมากโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะการใช้บัตรเครดิตที่รูดไปก่อน ค่อยคิดตอนบิลมา สุดท้ายอาจจบที่หนี้ก้อนโต
ตัวอย่าง
- ไม่มีการแบ่งเงินออมก่อนใช้จ่าย
- ใช้บัตรเครดิตซื้อของโดยไม่เช็กว่ายอดเต็มที่ต้องจ่ายคือเท่าไร
- ไม่มีรู้รายได้และรายจ่ายที่แท้จริงของตัวเอง คิดแค่ว่าหาเงินมาได้เท่าไรก็ใช้เท่านั้น
✅ทางออก เริ่มทำงบบันทึกรายรับรายจ่าย และกันเงินออม 10-20% ของรายได้ “ก่อนใช้จ่าย”
1
4. ซื้อของที่ไม่ได้ใช้ เพียงเพราะ “ลดราคา”
โปรโมชั่น “1 แถม 1” หรือ “ลด 70%” ดูเหมือนเป็นดีลที่คุ้มค่า… แต่ถ้าของที่ซื้อมานั้น “ไม่ได้ใช้” หรือ “ไม่จำเป็น” นั่นแปลว่าคุณไม่ได้ประหยัด แต่คุณกำลังเสียเงินฟรี!
ตัวอย่าง:
- สะสมเครื่องสำอาง เซรั่ม หรือสกินแคร์ที่ใช้ไม่ทันจนหมดอายุ
- ซื้อของตกแต่งบ้านจำนวนมาก ทั้งที่บ้านไม่มีพื้นที่เหลือ
✅ทางออก ก่อนซื้อของลดราคา ให้ถามตัวเองว่า “ถ้ามันไม่ลด ฉันจะยังจำเป็นไหม?” ถ้าคำตอบคือ “ไม่” ก็อย่าซื้อ!
5. ใช้เงินกับความสะดวกสบายเกินไป
ในยุคที่ทุกอย่างสามารถส่งถึงหน้าบ้านได้ การใช้จ่ายเงินเพื่อความสะดวกสบายเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าคุณใช้จ่ายกับสิ่งเหล่านี้มากเกินไปโดยไม่จำเป็น เงินจะหมดไปโดยที่คุณไม่รู้ตัว
ตัวอย่าง
- สั่งเดลิเวอรีบ่อยเกินไป ทั้งที่ทำอาหารเองได้
- ใช้บริการรถพรีเมียม ทั้งที่สามารถเดินทางด้วยวิธีที่ถูกกว่า
- จ้างคนทำความสะอาดแทนการทำเอง ทั้งที่มีเวลาว่าง
✅ทางออกก็คือทุกครั้งที่อยากใช้บริการสะดวก ให้ถามตัวเอง ถ้าทำเองจะประหยัดกว่าไหม ถ้าเอาค่าใช้จ่ายอันนี้ไปใช้กับส่วนอื่นจะมีประโยชน์กว่าหรือเปล่า เพราะการทดแทนรายจ่ายเกินจำเป็นด้วยวิธีใช้จ่ายที่คุ้มค่ากว่า จะทำให้เรามีแรงจูงใจต่อยอดพฤติกรรมนี้ได้เอง!
สรุป: การมีไลฟ์สไตล์ที่ดูหรูหราไม่ได้ผิด ถ้าคุณมีเงินมากพอและวางแผนดีพอ! แต่ถ้าการใช้ชีวิตแบบ “ติดแกลม” กำลังทำให้คุณ “ติดแกลบ” แบบไม่รู้ตัว อาจถึงเวลาต้องกลับมาทบทวนพฤติกรรมการใช้เงินของตัวเอง เพราะสุดท้ายแล้ว ความมั่นคงทางการเงินไม่ได้มาจากการใช้เงินให้ “ดูรวย” แต่คือการจัดการเงินให้ “มีอยู่จริง” และพร้อมใช้ในวันที่จำเป็น
อ้างอิง:
https://www.quantumthinker.io/post/lifestyle-inflation
https://www.vox.com/.../inflation-lifestyle-creep-advice
...
https://www.forbes.com/.../lifestyle-inflation-the.../
https://www.innovestx.co.th/.../inves.../lifestyle-inflation
https://sg.news.yahoo.com/avoid-lifestyle-inflation
...
#aomMONEY #การเงินส่วนบุคคล #ติดหรู #พฤติกรรมติดหรู #กับดักรายได้ #การเงิน
5 บันทึก
9
12
5
9
12
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย