23 มี.ค. เวลา 05:25 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ย่านอ่าวซานฟรานซิสโก

เอาแล้วไง จีนเล่นใหญ่ใส่เกียร์ห้า BYD แซง Tesla แบบไม่เห็นฝุ่น 💨 ชาร์จไวใน 5 นาที!

คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ทุกคน ใครจะไปคิดว่าอยู่ดีๆ ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจีนอย่าง BYD 🚗 จะออกมาประกาศศักดา ทำโลกตะลึงพรึงเพริด ด้วยเทคโนโลยีชาร์จไฟแบบใหม่ ที่ชาร์จรถให้วิ่งได้ไกล 400 กิโลเมตร ในเวลาแค่ 5 นาทีเท่านั้น! ในขณะที่อเมริกา🇺🇸 ยังงงๆ อยู่เลยว่า รถยนต์ไฟฟ้ามันจะ "เวิร์ค" จริงเปล่า หรือมันเป็นแค่แฟชั่น?
บางที กราฟก็คือกราฟจริงๆ นั่นแหละ แต่พอลองมาดู Tesla บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าเบอร์ใหญ่ของอเมริกา กับ BYD คู่แข่งตัวเอ้จากจีน ณ ต้นปี 2025 แล้วเนี่ยนะ กราฟมันดันออกมาแบบที่เห็น ราคาหุ้นของทั้งสองค่ายวิ่งฉีกไปคนละทาง คนนึงร่วงเหว คนนึงทะลุฟ้าทำ All Time High
Tesla ปีนี้เจอแต่ข่าวการเมืองเข้าไปพัวพัน แถมยอดขายก็ร่วง ราคาหุ้นก็ดิ่งเหว สวนทางกับ BYD ที่อยู่ดีๆ ก็โผล่มาเซอร์ไพรส์โลก ด้วยเทคโนโลยีชาร์จไว ที่เร็วจนน่าตกใจ เหมือนจีนจะบอกเป็นนัยๆ ว่า "พี่นำไปแล้วนะจ๊ะ ในโลก EV เนี่ย" ส่วนอเมริกาก็ยังตีกันเองไม่จบไม่สิ้น ว่ารถ EV มัน "ตื่นรู้" เกินไปรึเปล่า ประเด็นคือ... ภาพมันชัดเจนเกินไปแล้วแม่! 🤯
BYD เค้าบอกว่า รถรุ่นใหม่ที่จะใช้แพลตฟอร์ม Super-e เนี่ยนะ จะชาร์จไฟแค่ 5 นาที ก็วิ่งได้ตั้ง 400 กิโลเมตร คือฟังแล้วมันก็ต้อง "เอ๊ะ" ไว้ก่อน เหมือนเวลาค่ายรถยนต์ออกมาประกาศอะไรใหม่ๆ อ่ะแหละ
พลังงานระดับ 1 เมกะวัตต์ สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล มันไม่เคยมีมาก่อนจริงๆ นะ แล้วมันจะส่งผลต่ออายุแบตเตอรี่มั้ย? ค่าสร้างสถานีชาร์จระดับนั้นมันจะมหาศาลขนาดไหน? ไหนจะค่าอัปเกรดระบบไฟอีก? 🤔 แต่ก็นั่นแหละ นี่มันไม่ใช่บริษัทโนเนมที่เพิ่งตั้งไข่หาเงินทุน แต่นี่มันคือเบอร์หนึ่งในวงการรถยนต์ไฟฟ้าของโลกนะเว้ยแกรร รวมถึงรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดด้วย
แล้วที่พีคกว่าคือ เค้าบอกว่ารถ BYD รุ่นใหม่ ที่ชาร์จไฟ "ฟาสต์" ขนาดนี้ จะเริ่มส่งมอบได้ตั้งแต่เดือนเมษายนนี้เลยนะ! คือถ้าทำได้จริง มันคือ "เกมเชนจ์" ของจริง แล้วมันก็คงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับ Tesla หรือค่ายรถยนต์อเมริกันอื่นๆ แน่นอน 😭
ลองคิดดูนะ ถ้าชาร์จรถไฟฟ้าได้เร็วพอๆ กับเติมน้ำมัน เบนซิน อุปสรรคสำคัญที่ทำให้คนลังเลที่จะเปลี่ยนจากรถน้ำมันมาเป็นรถไฟฟ้าก็จะหายไปเลย เพราะไม่แค่ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะเอายังไงดีระหว่างรอชาร์จไฟ แต่มันยังแก้ปัญหา "กังวลระยะทางวิ่ง" ไปได้อีก ถ้าชาร์จไฟมันสะดวกเหมือนเติมน้ำมัน ใครมันจะไปอยากจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อแบตเตอรี่ลูกใหญ่ๆ ให้เปลืองเงินเล่น แถมยังกระทบต่อความต้องการแร่ธาตุสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่อีก BYD บอกว่าเค้าจะสร้างสถานีชาร์จระดับเมกะวัตต์ 4,000 แห่งทั่วประเทศจีน โอ้โห... 😮
ถ้า BYD ทำได้จริง แถมทำได้เร็วด้วย จีนก็จะยิ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าเข้าไปอีก ทั้งๆ ที่จุดเริ่มต้นของยุค EV มันมาจากแถวเบย์ แอเรีย ตอนที่ Tesla เปิดตัว Model S เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วนี่เอง การที่ อีลอน มัสก์ ต้องออกมาจัดอีเวนต์แปลกๆ ที่ทำเนียบขาว ร่วมกับ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ที่ไม่ได้ปลื้มรถ EV เท่าไหร่ แถมทรัมป์ยังบอกว่าจะซื้อ Model S เพื่อแสดงการสนับสนุนอีก มันแสดงให้เห็นอะไรหลายอย่าง เกี่ยวกับ "แหล่งนวัตกรรม" ในยุคนี้จริงๆ นะ 🤔
การที่มัสก์เอาการเมืองมายุ่งกับแบรนด์ Tesla มันส่งผลเสียต่อแบรนด์ก็ส่วนนึง แต่ปัญหาหลักๆ คือไลน์อัพรถรุ่นต่างๆ ของ Tesla มันค่อนข้าง "เก่า" ไปแล้ว ในขณะที่คู่แข่งเค้าออกรุ่นใหม่ๆ มาเพียบ
Tesla พับแผนทำรถ EV ราคาถูกไปแล้ว หันไปเปิดตัว Cybertruck ที่ราคาเหยียบหลักแสนเหรียญ ในขณะที่ BYD กับคู่แข่ง เค้าแข่งกันปล่อยรถรุ่นราคาไม่ถึง 30,000 เหรียญออกมาเต็มตลาด ถึงหุ้น Tesla จะร่วงไปเยอะ แต่ถ้าเทียบกับกำไรในอนาคต ก็ยังถือว่าแพงอยู่ดี ที่ 84 เท่า แพงกว่า BYD ตั้ง 4 เท่า
พรีเมียมที่ Tesla ได้รับ มันไม่ได้มาจากยอดขายรถ EV ที่โตขึ้นแล้ว แต่มันมาจากภาพฝันอันยิ่งใหญ่ แต่ก็ยังเลือนลาง อย่างพวกแท็กซี่หุ่นยนต์ (Robotaxi) หรือหุ่นยนต์ต่างๆ (Tesla Optimus) ซึ่ง BYD ก็ทำให้ภาพฝันพวกนั้นดูมืดมนลงไปอีก ด้วยการใส่ระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูงมาให้ในรถยนต์เกือบทุกรุ่นเป็นมาตรฐาน ในขณะที่เทคโนโลยีของ Tesla ถึงจะล้ำกว่า แต่ลูกค้าก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกหลายพันดอลลาร์ 💸
1
ความท้าทายนี้ ไม่ได้มีแค่ Tesla ที่เจอ แต่ค่ายรถยนต์ใหญ่ๆ ของอเมริกา ก็กำลังเจอกับวิกฤต "Made in China" เหมือนกัน และการประกาศเรื่องชาร์จไวของ BYD ก็เหมือนสัญญาณเตือนภัยครั้งใหญ่ เพราะถ้า BYD ทำระบบชาร์จไวให้สมบูรณ์แบบได้ มันจะไม่ใช่แค่เร่งยอดขายรถ EV ในตลาดจีน ที่ขายรถ EV ได้แล้ว 2 ใน 3 ของโลก แต่มันยังเป็น "อาวุธ" สำคัญ ให้บริษัทรถยนต์จีน ไปแข่ง หรือครองตลาดในต่างประเทศได้อีกด้วย 🔥
อเมริกาเค้าก็มีกำแพงภาษี ไว้กีดกันเทคโนโลยีจีนก็จริง แต่มันก็ทำให้ผู้บริโภคอเมริกัน "เสียโอกาส" ที่จะได้ใช้รถ EV ที่ดีกว่าและล้ำกว่า ในเมื่อตอนนี้ รถ EV คือตัวขับเคลื่อนการเติบโตของยอดขายรถยนต์ทั่วโลก แถมราคแบตเตอรี่ก็ถูกลงเรื่อยๆ
แถมยังประหยัดพลังงาน และปล่อยมลพิษน้อยกว่าแบบไม่ต้องสงสัย มันยากที่จะกีดกันรถ EV ที่ดีกว่าและล้ำกว่า ไปได้ตลอดรอดฝั่ง ยิ่งไปกว่านั้น ทรัมป์เองก็ขึ้นชื่อเรื่องการตั้งกำแพงภาษีแบบไม่ยั้ง แถมยังขู่จะเล่นงาน แคนาดา และเม็กซิโก อีก ซึ่งมันจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อค่ายรถยนต์อย่าง เจนเนอรัล มอเตอร์ และ ฟอร์ด
การปกป้องค่ายรถยนต์ในประเทศ อาจจะทำให้เค้าหันไปพึ่งพารถบรรทุกราคาสูงในตลาดบ้านเกิดตัวเอง และทำให้แรงผลักดันในการพัฒนานวัตกรรมลดลง แถมยังอาจจะทำลายห่วงโซ่อุปทานในอเมริกาเหนือ ที่สร้างมาอย่างยากลำบากอีกด้วย 🥺
อุตสาหกรรมรถยนต์ของอเมริกา ที่เคยสร้างนิยามของการเดินทางตลอดศตวรรษที่ 20 กำลังเห็นโอกาสที่จะทำแบบนั้นได้อีกครั้งในศตวรรษที่ 21 หลุดลอยไปต่อหน้าต่อตา... และมันก็เป็นไปอย่างรวดเร็วซะด้วย 😫
ขอบคุณเรื่องราวจาก
China’s BYD Cemented Its Lead on Tesla in Five Minutes
โฆษณา