บางที กราฟก็คือกราฟจริงๆ นั่นแหละ แต่พอลองมาดู Tesla บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าเบอร์ใหญ่ของอเมริกา กับ BYD คู่แข่งตัวเอ้จากจีน ณ ต้นปี 2025 แล้วเนี่ยนะ กราฟมันดันออกมาแบบที่เห็น ราคาหุ้นของทั้งสองค่ายวิ่งฉีกไปคนละทาง คนนึงร่วงเหว คนนึงทะลุฟ้าทำ All Time High
Tesla ปีนี้เจอแต่ข่าวการเมืองเข้าไปพัวพัน แถมยอดขายก็ร่วง ราคาหุ้นก็ดิ่งเหว สวนทางกับ BYD ที่อยู่ดีๆ ก็โผล่มาเซอร์ไพรส์โลก ด้วยเทคโนโลยีชาร์จไว ที่เร็วจนน่าตกใจ เหมือนจีนจะบอกเป็นนัยๆ ว่า "พี่นำไปแล้วนะจ๊ะ ในโลก EV เนี่ย" ส่วนอเมริกาก็ยังตีกันเองไม่จบไม่สิ้น ว่ารถ EV มัน "ตื่นรู้" เกินไปรึเปล่า ประเด็นคือ... ภาพมันชัดเจนเกินไปแล้วแม่! 🤯
ถ้า BYD ทำได้จริง แถมทำได้เร็วด้วย จีนก็จะยิ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าเข้าไปอีก ทั้งๆ ที่จุดเริ่มต้นของยุค EV มันมาจากแถวเบย์ แอเรีย ตอนที่ Tesla เปิดตัว Model S เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วนี่เอง การที่ อีลอน มัสก์ ต้องออกมาจัดอีเวนต์แปลกๆ ที่ทำเนียบขาว ร่วมกับ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ที่ไม่ได้ปลื้มรถ EV เท่าไหร่ แถมทรัมป์ยังบอกว่าจะซื้อ Model S เพื่อแสดงการสนับสนุนอีก มันแสดงให้เห็นอะไรหลายอย่าง เกี่ยวกับ "แหล่งนวัตกรรม" ในยุคนี้จริงๆ นะ 🤔
การที่มัสก์เอาการเมืองมายุ่งกับแบรนด์ Tesla มันส่งผลเสียต่อแบรนด์ก็ส่วนนึง แต่ปัญหาหลักๆ คือไลน์อัพรถรุ่นต่างๆ ของ Tesla มันค่อนข้าง "เก่า" ไปแล้ว ในขณะที่คู่แข่งเค้าออกรุ่นใหม่ๆ มาเพียบ
Tesla พับแผนทำรถ EV ราคาถูกไปแล้ว หันไปเปิดตัว Cybertruck ที่ราคาเหยียบหลักแสนเหรียญ ในขณะที่ BYD กับคู่แข่ง เค้าแข่งกันปล่อยรถรุ่นราคาไม่ถึง 30,000 เหรียญออกมาเต็มตลาด ถึงหุ้น Tesla จะร่วงไปเยอะ แต่ถ้าเทียบกับกำไรในอนาคต ก็ยังถือว่าแพงอยู่ดี ที่ 84 เท่า แพงกว่า BYD ตั้ง 4 เท่า
พรีเมียมที่ Tesla ได้รับ มันไม่ได้มาจากยอดขายรถ EV ที่โตขึ้นแล้ว แต่มันมาจากภาพฝันอันยิ่งใหญ่ แต่ก็ยังเลือนลาง อย่างพวกแท็กซี่หุ่นยนต์ (Robotaxi) หรือหุ่นยนต์ต่างๆ (Tesla Optimus) ซึ่ง BYD ก็ทำให้ภาพฝันพวกนั้นดูมืดมนลงไปอีก ด้วยการใส่ระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูงมาให้ในรถยนต์เกือบทุกรุ่นเป็นมาตรฐาน ในขณะที่เทคโนโลยีของ Tesla ถึงจะล้ำกว่า แต่ลูกค้าก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกหลายพันดอลลาร์ 💸
1
ความท้าทายนี้ ไม่ได้มีแค่ Tesla ที่เจอ แต่ค่ายรถยนต์ใหญ่ๆ ของอเมริกา ก็กำลังเจอกับวิกฤต "Made in China" เหมือนกัน และการประกาศเรื่องชาร์จไวของ BYD ก็เหมือนสัญญาณเตือนภัยครั้งใหญ่ เพราะถ้า BYD ทำระบบชาร์จไวให้สมบูรณ์แบบได้ มันจะไม่ใช่แค่เร่งยอดขายรถ EV ในตลาดจีน ที่ขายรถ EV ได้แล้ว 2 ใน 3 ของโลก แต่มันยังเป็น "อาวุธ" สำคัญ ให้บริษัทรถยนต์จีน ไปแข่ง หรือครองตลาดในต่างประเทศได้อีกด้วย 🔥
อเมริกาเค้าก็มีกำแพงภาษี ไว้กีดกันเทคโนโลยีจีนก็จริง แต่มันก็ทำให้ผู้บริโภคอเมริกัน "เสียโอกาส" ที่จะได้ใช้รถ EV ที่ดีกว่าและล้ำกว่า ในเมื่อตอนนี้ รถ EV คือตัวขับเคลื่อนการเติบโตของยอดขายรถยนต์ทั่วโลก แถมราคแบตเตอรี่ก็ถูกลงเรื่อยๆ