Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
The Structure
•
ติดตาม
28 มี.ค. เวลา 10:57 • การเมือง
เอาผู้ลี้ภัยเมียนมา มาเป็นแรงงานในไทย ‘กัณวีร์’ เชื่อการเปิดรับผู้ลี้ภัยมาเป็นแรงงาน
จะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีบนเวทีโลก
กัณวีร์ สืบแสง สส. พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเมียนมา ประกาศอภัยโทษให้แก่ 4 ลูกเรือประมงไทย และการที่พลเอกอาวุโส มี่นอองไลง์ นายกรัฐมนตรีเมียนมา จะเดินทางมาเข้าร่วมการประชุม BIMSTEC ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพระหว่าง 3-4 เมษายน 2568
อีกทั้งยังกล่าวถึงการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมา และการที่รัฐบาลไทยส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังประเทศจีน
โดยกันวีร์แสดงความไม่พอใจอย่างมากต่อนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลไทย โดยมองว่าเป็นการยอมเสียเปรียบและละทิ้งหลักการสำคัญเพื่อแลกกับผลประโยชน์ระยะสั้น ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และความสัมพันธ์ของไทยในเวทีระหว่างประเทศในระยะยาว เสมือนหนึ่งเป็นการ “ดีลกับปีศาจเพื่อแลกประเทศ”
เขาเห็นว่าไทยยอมเสียผลประโยชน์และหลักการหลายอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์บางประการที่ดูเหมือนจะคุ้มค่า แต่แท้จริงแล้วเป็นการยอมให้จีนและเมียนมาได้ประโยชน์มากกว่ามาก ถือได้ว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่ “อสมมาตร (ไม่สมดุล)”
อีกทั้งการที่ไทยส่งตัวผู้ต้องหาชาวจีนในคดีแก๊งคอลเซนเตอร์กลับประเทศจีนโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรมไทย และการส่งชาวอุยกูร์ 40 คนกลับจีน ทำให้ไทยเสียความน่าเชื่อถือในสายตาของประเทศโลกเสรีที่ให้ความสำคัญกับหลักนิติธรรมและสิทธิมนุษยชน
อีกทั้งยังตั้งข้อสังเกตว่าเมียนมาได้รับผลประโยชน์จากการ "ฟอกขาว" จากไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมที่อาจนำไปสู่การยอมรับการเลือกตั้งในปี 2568 ที่ทั่วโลกประชาธิปไตยอาจไม่ยอมรับ
นอกจากนี้ การที่ไทยอาจเชิญ มิน อ่อง หล่าย เข้าร่วมการประชุม BIMSTEC จะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้นำรัฐประหารของเมียนมาได้รับการยอมรับในเวทีระหว่างประเทศ
ซึ่งผลประโยชน์ที่ไทยได้รับ เช่น การช่วยเหลือปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ การส่งตัวผู้ต้องหากลับจีน การจัดการปัญหาผู้ลี้ภัยอุยกูร์ การปล่อยตัวชาวประมงไทย และข้อตกลงแลนด์บริดจ์ ยังไม่คุ้มค่ากับการสูญเสียหลักการและภาพลักษณ์ของประเทศในเวทีโลก
พร้อมทั้งยังเตือนว่าไทยกำลังมองข้ามความสำคัญของ "stakeholders" อื่นๆ ในเวทีระหว่างประเทศ และหมกมุ่นอยู่กับความสัมพันธ์ในอนุภูมิภาค โดยเฉพาะกับจีน ซึ่งอาจนำไปสู่ผลเสียในระยะยาว
และย้ำว่าการต่อรองทางการทูตที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง สิทธิมนุษยชน และสันติภาพ ไม่เหมือนกับการตกลงทางการค้าและการลงทุนแบบ "give and take" เท่านั้น
“ขอพยากรณ์ว่าไทยจะเริ่มเปิดดีลถัดไปคือการปิดพื้นที่พักพิงบริเวณชายแดนทั้ง 9 แห่ง ที่เปิดมา 40 ปี ที่ไทยไม่เคยใช้ภาษีคนไทยไปดูแลนอกจากเงินเดือนของฝ่ายปกครองในพื้นที่ แล้วผลักดันผู้ลี้ภัยทั้ง 81,000 คนกลับเมียนมาแล้วบอกว่าสถานการณ์ในเมียนมาดีแล้ว
และไทยจะได้รับคำยืนยันจากทหารเมียนมาที่เข่นฆ่าผู้คนนับหมื่นหลังรัฐประหาร และบังคับเกณฑ์ทหารคนตั้งแต่อายุ 18 ปีว่าสถานการณ์ปกติ และทุกคนอยากกลับบ้าน
คุ้นๆ มั้ยว่ารัฐบาลชุดนี้เคยทำอะไรไปแล้ว และถูกประณามยังไง สุดท้ายก็จะไปโทษรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าเพราะสั่งหยุดการให้งบประมาณดูแลพื้นที่พักพิงทั้งหมดตั้งแต่ต้นปีเอง
ถ้าไม่อยากให้ทำอย่างนี้ก็ให้เงินมาสิ มาดูแลปัญหาในประเทศไทยสิ ไม่งั้นรัฐบาลไทยเลยต้องทำอย่างนี้ คือ รัฐบาลจะไม่ทำอะไรทั้งนั้นหากมันเป็นงานการต่างประเทศที่เกิดขึ้นในประเทศไทย !!
เรามีทางที่ดีกว่านะครับ คือแรงงานเราขาดแคลนหลักแสน เอากระทรวงแรงงานมาพูดและแจ้งซะ เอาแรงงานเหล่านี้ที่อยู่ในพื้นที่พักพิงมาอุดช่องว่างการขาดแคลนแรงงานที่คนไทยไม่ยอมทำซะ จดทะเบียนให้ถูกต้อง ติดตามตรวจสอบตามกฎหมาย ให้เค้าเสียภาษีอย่างถูกต้อง
ให้เค้าซื้อสวัสดิการต่างๆ ด้วยตัวเค้าเอง ทั้งประกันสุขภาพ ประกันชีวิต การศึกษาลูกๆ เค้าจะเข้ามาร่วมพัฒนาประเทศไทยโดยการจ่ายภาษีอย่างถูกต้องและสามารถตรวจสอบเค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และที่สำคัญที่สุด คืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้มนุษย์ และสร้างความเท่าเทียมให้เกิดขึ้นเสียที สร้างภาพลักษณ์ให้ไทยมีจุดยืนที่สง่าผ่าเผยในเวทีโลกบ้างเถอะครับ
ดีลแรงกับปีศาจที่มีประเทศเราเป็นเดิมพันในเวทีโลกจริงๆ”
#TheStructure
#TheStructureNews
#เป็นธรรม #เมียนมา #แรงงาน
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย