31 ก.ค. เวลา 10:00 • ท่องเที่ยว
ภูเขาเอ๋อเหมย์

EP.3 Leshan - Emeishan

หนึ่งในเส้นทางสายบุญยอดฮิตของเสฉวน Leshan และเขา Emeishan หรือเขาง๊อไบ๊แบบรวบรัด⛰️🪷
เริ่มต้นจาก 成都东站 chengdu east railway station เช่นเคยก่อนจะมุ่งหน้าสู่เมืองเอ๋อเหมยซาน 峨眉山 วันนี้มากันแบบสบายๆไม่รีบกันมาก รถไฟขบวน D1791 9.00 น. ออกเดินทางได้👋👋
09.46 น. เดินทางแวะเมืองเล่อซาน 乐山市 กันก่อน หลายคนอาจจะคุ้นๆชื่อเมืองนี้แล้วล่ะ แน่นอนว่าเมืองนี้มีสิ่งที่สำคัญของประเทศจีนอยู่ก็ว่าได้ นั่นคือพระใหญ่แห่งเมืองเล่อซาน (乐山大佛) อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของมณฑลเสฉวนและเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม สามรถไปเยี่ยมชมได้ทั้งทางล่องเรือหรือเดินเข้าไปในอุทยานด้านหลังพระใหญ่
สำหรับท่านใดที่อยากเดินทางสะดวกๆ แนะนำให้ซื้อทัวร์เที่ยวพระใหญ่หลังจากเดินออกจากชานชาลาสถานีรถไฟได้เลย จะมีบรรดาไกด์ท้องถิ่นคอยขายโปรแกรมให้อยู่ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สะดวกสบายมากๆ จ่ายเงินพร้อมกับมีรถส่งถึงอุทยานและรวมค่าตั๋วเข้าอุทยานเลย ท่านใดคิดว่าการดีลกับคนจีนเป็นเรื่องยาก ผมบอกไว้เลยว่ายากแค่ภาษาเท่านั้นเพราะเขาต้องการจะขายทัวร์ให้เราอยู่แล้ว ถ้ามากันหลายๆคนก็ลองดีลราคาได้เลยครับ🎫
ว่าแล้วมากันหลายคนก็ซื้อทัวร์ไปซะเลย จากสถานีรถไฟไปที่หน้าทางเข้าอุทยานหลังองค์พระ ไกด์จะทำการซื้อตั๋วให้เราเสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็เดินเข้าด้านในอุทยานกันเลย จุดที่เราเข้าไปต่อจากนี้จะต้องเดินเท้าค่อยๆขึ้นไปเรื่อยๆและจะไปถึงยอดขององค์พระเลย ไม่ต้องรีบเดินขึ้นไปให้ถึงพระใหญ่มากนัก เพราะด้านในมีรูปแกะสลักพระพุทธรูปและบรรดาเทพองครักษ์อีกเยอะเลย แนะนำเดินเข้าไปถ่ายรูปเรื่อยๆ ใช้เวลาเกินครึ่งวันหน่อยนึงนะครับ✌️
สำหรับประวัติของพระใหญ่แห่งเมืองเล่อซานนั้นตัวองค์พระนั้นได้ถูกแกะสลักหน้าผาในสมัยราชวงศ์ถังโดยหลวงจีนรูปหนึ่ง ซึ่งในอดีตนั้นพื้นที่บริเวณนี้เป็นบริเวณที่แม่น้ำสามสายมารวมกันอันได้แก่ แม่น้ำหมินเจียง แม่น้ำชิงอี และคลองต้าตู้ จุดที่องค์พระอยู่นั้นแต่เดิมเป็นหน้าผาสูงชัน และแม่น้ำทั้งสามสายมารวมกันบริเวณหน้าผาแห่งนี้ทำให้เกิดความเชี่ยวและเกิดเหตุเรือล่มจากแม่น้ำที่เชี่ยวบ่อยครั้ง🌊🌪
จนหลวงจีนต้องการที่จะแกะสลักพระพุทธรูปขึ้นมาเพื่อปกปักษ์รักษาผู้คนที่ใช้เรือสันจรไปมาในเส้นทางนี้ ซึ่งใช้เวลาในการสร้างไปนานถึง 90 ปี เนื่องด้วยการมรณภาพของหลวงจีนจึงทำให้การแกะสลักหยุดชะงักลง และต่อมาจึงได้มีขุนนางท่านหนึ่งสั่งให้ดำเนินการสร้างต่อจึงแล้วเสร็จ ทำให้กระแสของแม่น้ำนั้นมีความเชี่ยวน้อยลงจนสงบ
หลังเดินเข้าชมพระพุทธรูปที่ด้านในถ้ำแล้วก็จะเดินมาถึงบริเวณพระเศียรขององค์พระซึ่งเป็นจุดยอดฮิตของนักท่องเที่ยวที่จะได้เห็นพระใหญ่แบบชัดๆ รวมถึงเห็นแม่น้ำทั้งสามสายที่ไหลมารวมกันบริเวณหน้าผา สามารถเดินบันไดที่อยู่ข้างๆองค์พระลงไปที่ด้านหน้าบริเวณพระบาทได้โดยที่จะเป็นบันไดลงทางหนึ่งและขึ้นอีกทางหนึ่ง ใช้เวลาเดินลงและขึ้นประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนล่องเรือแม่น้ำจะสามารถเห็นองค์พระได้ทั้งองค์แบบเต็มองค์จะเป็นมุมถ่ายรูปองค์พระที่สวยมากอีกมุมหนึ่ง
หากใครมีเวลาก็แนะนำทั้งเดินขึ้นด้านบนและไปล่องเรืออีกครั้งหนึ่งจะได้ทั้งมุมด้านบนบริเวณพระเศียรและมุมที่เต็มองค์ หลังจากที่เดินรอบองค์พระแล้วก็ได้เวลาเดินออกจากจุดที่บริเวณพระเศียรไกด์ก็จะจบทัวร์ไว้เพียงเท่านี้ส่วนใครจะเดินลงไปที่พระบาทจะเป็นเวลาส่วนตัวแล้วและทางออกก็สามารถเดินตามป้ายไปได้เลย จะมีจุดที่สามรถขึ้นรถเวียนในอุทยานวนไปถึงบริเวณทางเข้าที่เข้ามาตอนแรก บริเวณรอบๆจะมีร้านอาหารให้เลือกกินได้เยอะเลย
พระใหญ่เล่อซาน
เดินทางต่อไปยังเมืองเอ่อเหมยใช้เวลาประมาณไม่ถึงชั่วโมง ที่นี่จะเป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงดังไปทั่วโลกมีอีกชื่อนึงคือเขาง๊อไบ๊นั่นเอง แต่คือคนละเขากับวัดเส้าหลินที่เป็นสถานที่ฝึกกังฟูชื่อดัง เขาง๊อไบ๊แห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่องของการที่ต้องขึ้นยอดเขาเพื่อไปสักการะองค์พระโพธิสัตว์ทองคำ(金顶)ที่อยู่จุดสูงสุดของภูเขานั่นเอง⛰️ เรียกได้ว่าใครที่เป็นสายบุญต้องมาเดินขึ้นเขานี้ให้ได้ ตามความเชื่อของชาวจีนสายบุญเล่าว่าการเดินขึ้นเขาตั้งแต่ด้านล่างจนถึงจุดสูงสุดนับว่าเป็นการแสวงบุญอันสูงสุดในชีวิตแล้ว
หลังจากลงจากรถไฟก็เดินทางต่อไปถึงโรงแรม 🛏 โรงแรมที่พักคราวนี้คือโรงแรมในท้องถิ่นมีชื่อว่า Moon Moon Bay Hotel 月亮湾酒店 เป็นโรงแรมท้องถิ่นโรงแรมเดียวที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดีเลยซึ่งเป็นพนักงานสาวน้อยน่ารักคนนึง ผมบอกก่อนเลยว่าอย่าได้หลงเสน่ห์ของสาวน้อยผู้นี้เลย เพราะคุณจะมูฟออนจากที่นี่ไม่ได้เลยแหละ😍 สามารถดูตามลิ้งค์ที่แปะไว้ได้เลย ห้องสวยตกแต่งสวยมาก และน้องคนนี้เขาน่ารักมากคอยเอาใจใส่ลูกค้าที่มาพักตลอดเวลาเลย☺️
ร้านอาหารรอบๆโรงแรม
picture from Trip.com
📢ℹ️น้องแนะนำวิธีการเที่ยวเขาเอ่อเหมยให้กับพวกเราเป็นอย่างดี เอาสรุปคร่าวๆว่า มีให้เลือกสองเส้นทางใหญ่ๆคือ เส้นทางแรก(หมายเลข 1️⃣)คือขึ้นไปบริเวณยอดเขาได้เลยด้วยการนั่งรถขึ้นไปประมาณครึ่งเขาแล้วนั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้นต่อไปอีกจนถึงยอดเขา ส่วนอีกเส้นทาง(หมายเลข 2️⃣)คือเดินเที่ยวบริเวณครึ่งล่างของเขา ซึ่งจะเป็นเส้นทางเดินป่าไปเที่ยววัดที่อยู่ในเขาโดยการนั่งกระเช้าขึ้นไปสู่บริเวณวัดแล้วเดินกลับลงมาด้านล่างเป็นระยะทางประมาณ 3-4 กิโล ใครที่สนใจเส้นทางไหนแนะนำให้ดูรีวิวในแอพ 小红书 ก่อนได้📕
หมายเลข 3️⃣ ที่วงไว้คือในส่วนของประตูทางเข้าหลักอุทยานซึ่งจะมีรถบัสวนขึ้นไปส่งที่บริเวณทางขึ้นกระเช้าทั้ง2จุดโดยจะมีค่ารถอยู่ประมาณ30หยวนต่อเที่ยว นอกจากนี้ยังมีที่พักและร้านค้ามากมายให้แวะพักกันก่อนได้ ไหนๆก็มาแล้วแนะนำให้ขึ้นเส้นทางแรกตามหมายเลข 1 จะดีกว่า ถ้าต้องการเที่ยวตามหมายเลข 1 จะต้องทำการซื้อตั๋วที่ทางเข้าหลักก่อน ทั้งตั๋วรถและตั๋วอุทยานก่อนจะไปถึงกระเช้าด้านบน
คนที่เลือกไปเส้นทางแรกแต่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมบริเวณยอดเขาจะมีหิมะตกและอากาศค่อนข้างปิด🧥🧣 ในช่วงนี้นอกจากจะต้องลุ้นกับสภาพอากาศแล้ว หากมีหิมะตกก็อาจจะทำให้กระเช้าจำเป็นต้องปิดให้บริการได้ รวมถึงถ้าเตรียมเสื้อผ้าไม่เพียงพออาจจะเป็นปัญหาได้และรองเท้าจำเป็นต้องใช้รองเท้ากันหิมะด้วย🥾 ในช่วงฤดูหนาวจะเป็นฤดูที่ยาวนานและหนาวมากจริงตั้งแต่ช่วงต.ค.จนถึงประมาณต้นพ.ค.
แต่ช่วงที่แนะนำที่สุดคือช่วงฤดูร้อนของประเทศจีน (ก.ค.-ส.ค.) ซึ่งท่านจะได้เห็นวิวที่สวยงามมากๆสุดลูกหูลูกตาและความสง่างามขององค์เจ้าแม่กวนอิม จะเป็นช่วงที่อากาศค่อนข้างร้อนแดดออกแต่เดินสบายใส่เสื้อแขนสั้นเดินได้👕🩳🩴
เส้นทางหมายเลข1และ2 สีแดงคือเส้นทางที่ต้องเดินและขึ้นกระเช้า หมายเลข3คือทางเข้าหลักของอุทยาน
เส้นทางที่พวกเราเลือกในครั้งนี้คือเส้นทางที่สองเดินเที่ยวช่วงบริเวณหมายเลข 2 ของเขา ต้องบอกก่อนว่าทำไมเราถึงเลือกที่จะไม่ขึ้นไปบนยอดเขานั่นก็เพราะเป็นวันที่หิมะตกหนักทำให้อากาศปิดรวมถึงการเตรียมเสื้อผ้าที่ไม่พร้อม เนื่องจากเราได้ดูสภาพอากาศมาจากประเทศไทยเห็นว่าไม่หนาวมากและไม่มีหิมะตก สรุปตกจ้าาาา เสื้อผ้าที่เตรียมมาสำหรับอากาศเย็นๆเท่านั้น❄️❄️
นัดรถที่โรงแรมขับขึ้นไปส่งที่บริเวณกระเช้าช่วงครึ่งเขาด้านล่าง แวะกินข้าวเช้าสักเล็กน้อยเพิ่มพลังก่อนจะเดินยาวๆ เดินมาไม่ไกลจากร้านที่แวะก็จะเจอกับทางเข้าที่ต้องซื้อต้๋วเข้าอุทยาน ลืมบอกไปเลยว่า นักเรียนนักศึกษาจะได้ลดราคาค่าตั๋ว 50% ผู้ที่มีอายุเกิน 60ปีเป็นผู้สูงอายุบางสถานที่จะได้ส่วนลด 50% หรือบางที่ไม่ต้องเสียค่าตั๋วเลย แต่ต้องอย่าลืมบอกเจ้าหน้าที่ว่าเป็นนักเรียนนักศึกษาหรือเป็นผู้มีอายุเกิน 60ปีและเตรียมบัตรนักเรียนนักศึกษาไว้แสดงแก่เจ้าหน้าที่ด้วยด้วย🛂ℹ️
ซื้อตั๋วเสร็จก็เดินไปขึ้นกระเช้าขึ้นไปบนเขากันเลย ใช้เวลานั่งกระเช้าไม่นาน ตอนนี้จะมีไกด์ที่เราคุยกันไว้มาพร้อมกับรถที่มาส่งขึ้นมานำเที่ยวเราด้วย เป็นไกด์สูงวัยคาดว่าอายุน่าจะเกือบ70ปีแล้วแต่ยังแข็งแรงมากๆ เดินขึ้นลงเขาสบายๆ ไกดืแกจะพูดแต่ภาษาจีนเท่านั้นเพราะเป็นไกด์ท้องถิ่น ใครไม่โอเคกับไกด์ท้องถิ่นสามารถบอกตัวไกด์ได้เลยว่าเราไม่ประสงค์ที่จะเที่ยวด้วยตัวเองก็ได้🚡🚡🛗
ขึ้นมาถึงสถานีปลายทางก็จะเจอทางขึ้นไปวัด万年寺 🛕มีอายุมากกว่าพันปี ตามตำนานที่ไกด์เล่าให้ฟังเล่าว่าสมัยจักรพรรดิเฉียนหลงครองราชย์อยู่ พระองค์ไม่สามรถมีพระโอรสกับพระมเหสีได้ จึงได้เสด็จมาที่เขาง๊อไบ๊เพื่อขอพรจากเจ้าแม่กวนอิมให้พระองค์มีลูกได้ หลังจากที่กลับพระนครไม่นาน พระมเหสีก็ทรงพระครรภ์มีพระโอรสและพระธิดาได้ พระองค์จึงทรงเสด็จกลับมาที่วัดแห่งนี้อีกครั้งเพื่อบูชาสักการะเจ้าแม่กวนอิม จึงถือว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่พระองค์จะทรงมาทำพิธีบ่อยๆอีกด้วย
วัดแห่งนี้นอกจากจะมีอายุอายุมากกว่าพันปีแล้วก็ยังมีองค์พระพุทธรูปและเจ้าแม่กวนอิมประดิษฐานอยู่ และยังมีพระอุโบสถที่ประทับของเจ้าแม่กวนอิมที่รูปร่างค่อนข้างแปลกตากว่าวัดแห่งอื่นคือเป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมหลังคาทรงกลมและยังมีตัวกิเลนอยู่บนหลังคาเชื่อว่าทำหน้าที่ปกป้องอารักขาเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งอาคารทรงแบบนี้จะเป็นอิทธิพลมาจากธิเบตผสมผสานกับวัดจีน รอบๆวัดจะมีต้นไม้เยอะแยะมากมายเป็นเหมือนกับสวนได้เลย มีการจัดตกแต่งให้ดูสวยงามอยู่ตลอดเวลา รวมถึงยังมีลิงภูเขาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก🐒
🪷องค์เจ้าแม่กวนอิมที่ประทับอยู่ในอุโบสถเป็นองค์ที่ทำขึ้นจากทองคำทั้งหมดในรูปประทับอยู่บนหลังช้าง มีอายุประมาณพันปีเช่นเดียวกับวัด ด้านหลังอุโบสถยังมีอีกอุโบสถซึ่งประดิษฐานองค์พระโพธิสัตวอีก3องค์ (ที่ไกด์พูดมาเป็นภาษาจีนทั้งหมดมีชื่อเรียกแต่ละองค์แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าแปลเป็นได้เป็นองค์ไหน)🙏🙏🙏
วัด万年寺
ได้เวลาเดินต่อซึ่งจะเป็นทางเดินลงเป็นส่วนใหญ่แล้ว จากวัดเดินลงสู่ประตูทางออกมีระยะทางประมาณ4กิโล แต่ในเวลานั้นหมอกลงหนาและพื้นค่อนข้างลื่นมากทำให้เราต้องค่อยๆเดินลงไป ระหว่างทางก็จะเจอวัดอีก 2 แห่งและจะมีถ้ำ白龙 ซึ่งเป็นถ้าที่มีตำนานเกี่ยวกับนางพญางูขาวซึ่งได้มาบำเพ็ญเพียรที่เขาแห่งนี้เป็นเวลาช้านานจนสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ โดยนางได้อาศัยอยู่ภายในถ้ำแห่งนี้ ทำให้เกิดทางเข้าออกถ้ำหลายจุดแต่ปัจจุบันทางเข้านั้นถูกปิดเพราะเสี่ยงดินถล่ม🛑
เดินมาได้สักพักก็จะเจอกับสะพานเชื่อมระหว่าง 2 ฝั่งซึ่งถูกสร้างมาเป็นเวลาช้านาน 2 ฝั่งนี้ถ้าหากไม่มีสะพานเชื่อมจะต้องใช้เวลาเดินอ้อมเขานานถึง 6 ชั่วโมง และจะได้เจอกับอีก 1 วัดที่สร้างอยู่บนเขาโดยเป็นวัดเล็กๆแต่มีความเก่าแก่มาก หลังจากนั้นก็จะเจอกับจุดที่ลำธารน้ำ 2 สายไหลมาบรรจบกันซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางของหน้าผา บอกก่อนเลยว่าน้ำในลำธารเป็นน้ำที่ไหลมาจากบนยอดเขาจากการละลายตัวของหิมะและน้ำใสสะอาดมากปราศจากมลพิษ คิดว่าสามารถเลี้ยงปลาที่ต้องการแหล่งน้ำสะอาดได้เลย🏞
เดินต่อมาอีกราว 2 กิโลจะเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการเดินก่อนจะถึงประตูทางออก โซนนี้จะเป็นโซนที่มีห้องพักและร้านอาหารริมทะเลสาปเป็นจุดแวะพักของนักท่องเที่ยวที่อยากจะมาปีนเขาได้ อีกหนึ่งสิ่งที่อาจจะดูธรรมดาแต่ก็มีสิ่งที่ไม่ธรรมดานั่นคือการวางท่อน้ำไหล ผมเห็นแล้วก็ยังคิดเลยว่าก็เป็นทางน้ำไหลธรรมดาแต่สิ่งที่ไกด์บอกนั้นคือทางน้ำไหลที่เห็นแม้ว่าจะเป็นปูนแล้วแต่ที่จริงเป็นการสร้างระบบชลประทานตั้งแต่ในอดีตเผื่อฤดูน้ำหลากจะได้ไม่กระทบต่อเส้นทางเดินและน้ำสามารถไหลระบายได้อย่างราบรื่นนั้นเอง
ระหว่างทางเดิน
และแล้วก็เดินทางมาถึงปลายทางรถก็รอรับกลับโรงแรมพร้อมกับความหิวสุดๆ หมดแรงข้าวต้มซะแล้ว แวะทานข้าวกันสักหน่อยสั่งมาเยอะมาก อาหารที่นี่อร่อยมากรสชาติจะเข้มข้นกว่าที่ในเมืองเฉิงตูนิดหน่อย เยอะและราคาไม่แพงที่สำคัญเลยคือน้ำเก๊กฮวยมีฟองเย็นๆช่วยคลายความหนาวและความเหนื่อยได้ดี เมนูแนะนำเลยคือลูกปลาไหลที่เอามาทำเป็นหม่าล่าสามารถกินได้ทั้งตัว อาจจะดูแปลกๆหน่อยเพราะปกติเราจะกินแต่เนื้อปลาที่แล่ออกมาเท่านั้น (คล้ายๆปลารากกล้วยทอดกรอบที่กินได้ทั้งตัว)🐟🐟
🚄🚄เอาล่ะถึงเวลาที่ต้องเดินทางกลับเฉิงตูกันแล้ว นั่งรถไฟความเร็วสูงประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงเฉิงตูแล้ว จาากนั้นต่อรถไฟฟ้าไปโรงแรมเป็นอันจบทริปเขาเอ่อเหมยกันเพียงเท่านี้ครับ แล้วพบกันใหม่กับสถานที่ต่อไปครับบบบ🤗🤗🙏🙏

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา