7 เม.ย. เวลา 12:18 • ศิลปะ & ออกแบบ

โป๊บป๊อบอายแห่งวาติกัน : Portrait of Innocent X

ก่อนจะเขียนบทความ ลองเอาภาพชิ้นนี้ให้เพื่อนฝูงลองดูว่าเค้ารู้สึกยังไง พบว่ามีความเห็นต่างกันพอควร
บางคนดูแล้วบอกว่านี่คือรูปบาทหลวง แขกมัวร์ สันตปาปา หรือคุณลุงคนหนึ่งที่กำลังคิดว่าฉันจะลุกหรือนั่งดี มีกระทั่งคนที่บอกว่าดูเหมือนโป๊ปแต่งหญิงไปซะอีก
แต่ที่เด่นชัดคือใบหน้าที่บิดเบี้ยว ซึ่งบางคนก็บอกว่ามันคืออาการป่วยน่าเวทนา มันคืออาการวิกลจริต บางคนก็บอกว่ามันดูประสงค์ร้ายเหมือนปีศาจ แต่บางคนก็บอกว่ามันแสดงถึงอาการเครียดกลุ้มใจของบาทหลวง บ้างก็สนใจจะจ้องดูนาน ๆ แถมบางคนก็บอกมันดูตลกดีเหมือนกับป๊อปอาย
คำตอบที่ได้จะถือว่างานนี้ทำหน้าที่ของมันได้ดีไหมหนอ สื่ออะไรไปผิดพลาดไหม อันที่จริงแล้ว แม้จะมีคนที่เห็นต่างกันแต่ส่วนใหญ่ก็เป็นอะไรในทางเดียวกัน คือเป็นเชิงลบ บ่งบอกอาการของมนุษย์ที่ผิดปกติเคร่งเครียด วิตก วิกล
ไม่น่าแปลกหรอก ภาพนี้วาดโดย ฟรานซิส เบคอน ซึ่งถ้าเราเคยรู้จักเขามาก่อนก็จะเข้าใจภาพนี้ได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าไม่รู้จักก็คือดีมาก เพราะคุณก็ได้มีอิสระในการมองโดยยังไม่ได้ถูกตีกรอบจากความคิดเดิม
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ขอให้ดูภาพในคอลเลกชันอันหนึ่งของศิลปินคนนี้ ดูซะ
Three Studies of Muriel Belcher, 1966
นี่เป็นภาพทำนองเดียวกันเลย สภาพของใบหน้าดูเหมือนโดนกระชากผิวออกจน เห็นเนื้อสดแดง ๆ คงเดาไม่ยากว่าศิลปินผู้วาดคงตั้งใจแสดงให้เห็นอะไรร้ายๆ อย่างเช่นความเป็น อสุรกาย ปีศาจ หน้ากากที่ถูกระชาก เผยให้เห็นความเน่า ความบอบช้ำ เลือดเนื้อ ที่ถูกชำแหละ บีบคั้น ซึ่งก็เป็นสไตล์ของศิลปินแนวสำแดงอารมณ์ (expressionism) ที่เขาเป็นมาสเตอร์คนนึง
เชื่อไหมว่าภาพชุดนี้มีต้นแบบเป็นคนจริงด้วย คือ Muriel Belcher ซึ่งนางแบบคนนี้เป็นเพื่อนรักกับศิลปินเองแหละ จะถือว่าเป็นผู้มีพระคุณต่อเบคอนก็ได้นะ เพราะเธอเป็นเจ้าของบาร์ซึ่งเบคอนได้มาดื่มฟรีบ่อย ๆ (เรื่องนี้มีอะไรเล่าอีกเยอะ ว่าไปแล้วเรื่องราวชีวิตศิลปินและเหล่าเพื่อนเกลอบางทีก็น่าสนมาก จนเอามาเป็นหนังได้ แต่ไว้วันหลังละกันนะ)
1
แต่วันนี้เรามาสงสัยกันก่อนดีไหมว่าทำไมเขาถึงวาดให้เพื่อนรักมีสภาพเหมือนโดนชำแหละแบบนี้ นี่เขาเป็นเพื่อนประเภทไหนกันนี่?
โชคดีที่แม่นางแบบเธอเข้าอกเข้าใจศิลปิน (ก็แน่นอน เธอเป็นเพื่อนซี้ศิลปินดังนี่นา) ก็เลยรู้ว่าการที่เบคอนชำแหละนางจนหน้าไม่เป็นหน้านั้น ไม่ใช่ว่าเขาเกลียดเธอ แต่เขาให้เกียรติเธอด้วยการเอาเธอมาเป็นต้นแบบในงานสร้างสรรค์ แต่ทว่าบังเอิญที่ศิลปินเพื่อนรักเบคอนมีสไตส์ส่วนตัวแบบนี้ ภาพมันก็เลยออกมาเป็นแบบนี้
ด้วยเหตุที่ฟรานซิส เบคอน เป็นศิลปินที่มีบาดแผลในใจสมัยสงคราม ก็เลยระบายความในใจสำแดงอะไรออกมาแบบนี้ วาดได้แบบนี้แหละ วาดให้สวยไม่เป็น ไม่ใช่ว่าเขาจะมองแม่นางเป็นปีศาจซะคนเดียวเมื่อไร แต่วาดอะไรก็กลายเป็นอสุรกายไปทั้งหมดแหละ
อ่อ แต่ภาพที่อยู่ในวาติกันนี่ไม่ใช่นางแบบเพื่อนรักคนนี้นะ (แม้ว่าจะมีสไตส์เดียวกันเป๊ะ) ต้นแบบของรูปนี้ก็คือโป๊ปคนนึง ชื่อว่าโป๊ปอินโนเซ้นท์ที่ 10 ซึ่งก็แน่นอนว่าท่านโป๊บองค์นี้เคยเป็นประมุขที่วาติกันนี่แหละ
เพื่อน ๆ ลองมาเดากันว่าภาพที่เห็นมันเป็นไงมาไง ทำไมเราจึงได้ภาพวาดโป๊ปหน้าเหวอะ โป๊ปป๊อปอาย อยู่ในวาติกันได้ล่ะ ใครที่ไหนจะเลือกศิลปินแนวสยองขวัญมาวาดภาพพระประมุขให้ดูวิปลาส
หรืออาจเป็นพวกแอนตี้คริสจักรเป็นคนไปว่าจ้างเบคอนวาดภาพโป๊บให้ดูเป็นอสุรกายหรือเปล่า แต่แล้วทำไมวาติกันถึงต้องเอามาติดประจานให้ดูกันอย่างนี้ด้วยล่ะ
ก่อนจะคิดอะไรไปต่อ คนเขียนขอเฉลยก่อนว่า เบคอนแกไม่ได้ถูกโป๊ปว่าจ้างมาให้วาดหรอก แต่เขาเลือกโป๊ปคนนี้มาเป็นนายแบบเองโดยที่ไม่ได้เจอโป๊ปแบบเป็นๆ แต่ดูต้นแบบจากภาพวาดของศิลปินอีกคนที่วาดภาพโป๊ปคนนี้ขึ้นมา (คือเอาภาพวาดของคนอื่นมาเป็นต้นแบบนะแหละ) หรือถ้าจะพูดให้ไม่งงก็คือ เบคอนแกไปดูภาพวาดของโป๊ปอินโนเซ้นท์ที่ 10 ที่ศิลปินอีกคนเคยวาดไว้ แล้วเอามาวาดซ้ำแต่ทำให้มันเป็นสไตส์ส่วนตัวของแกเอง ออกมาก็เลยเป็นแบบนี้
ภาพต้นแบบของเบลัซเกซ
ภาพนี่คือภาพโป๊ปอินโนเซ้นท์ที่ 10 ที่เป็นต้นแบบ โดยคนวาดมีชื่อว่า Diego Velázquez (ดีเอโก เบลัซเกซ)
เห็นไหมว่าดูแล้วรู้สึกยังไง
แน่นอน ภาพนี้พระองค์ทรงสง่าน่าเกรงขาม มีราศีแห่งพระประมุขที่ทรงอำนาจแห่งวาติกัน แต่สายตาพระองค์นี้ก็ดูน่าเกรงขามเกินเบอร์ไปหน่อย ถ้าผมได้ไปเจอท่านแบบนี้ ก็เหมือนกับนักเรียนไปเจอครูใหญ่ที่พอเห็นเข้าก็แทบจะลงไปคลานเข่า เพราะท่านโป๊ปแลดูเป็นคนดุมาก
อันนี้ก็ต้องยกความดีงามนี้ให้เบลัซเกซเต็มที่ เพราะจากบันทึกที่เคยมีก็ได้บอกไว้ว่าพระบุคลิกภาพของพระองค์เป็นแบบนั้นจริง ๆ มีคนเคยบันทึกว่าท่านโป๊ปเป็นปาป้าที่ดุดันเคร่งขรึม เข้มงวด หัวเราะไม่ค่อยเป็น ทำนองนั้นเลย ซึ่งศิลปินสเปนคนนี้ก็วาดออกมาให้เราได้เห็นอย่างที่พระองค์เป็น
แล้วเมื่อภาพของเบลัซเกซแสดงบุคลิกท่านโป๊บออกมาแบบนี้ เบคอนได้เห็นก็เลยเอาภาพนี้มาขยายต่อให้ดูสำแดงพลังขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม ขอบอกว่า นี่ก็ยังไม่ใช่ที่สุดของที่สุดของโป๊ปอินโนเซ้นท์องค์นี้นะ เพราะมันมีที่สุดมากกว่านั้น เบคอนได้นำภาพของ เบลัซเกซ มาเป็นต้นแบบวาดภาพโป๊ปอีกหลายภาพ และก็ดูน่ากลัวไปกว่านั้นอีกไกล จนวาติกันไม่กล้าเอามาโชว์ไว้ที่นี่อีกแล้วแหละ ถ้าเราอยากดูความเป็นที่สุดของท่านก็ต้องหาเวลาไปดูที่แกลอรี่อื่น
Screaming Pope หรือโป๊ปกรีดร้อง
คราวนี้เป็นไงล่ะ ถ้าภาพของเบลัซเกซจะทำให้ฉันต้องคลานเข่าไปหา ภาพพวกนี้คงทำให้ข้าพเจ้าละลายหายไปในอากาศไปได้ทันทีที่มอง
คนชอบเรียกภาพนี้ว่า Screaming Pope หรือโป๊ปกรีดร้อง จะเห็นได้ว่า ฟราสซิส เบคอนได้ทำให้พระองค์กลายเป็นทาสปีศาจไปแล้ว เหมือนกับท่านประมุขแห่งคริสจักรกำลังโดนซาตานจับมาประหารในเก้าอี้ไฟฟ้า เตรียมตัวส่งไปสู่นรก
นอกจากภาพนี้แล้ว ก็มีภาพอื่นที่เป็นคอลเลคชั่นคล้ายๆกันอีกนะ เคยมีคนไปถามเบคอนว่า เหตุใดเขาจึงได้วาดภาพให้ดูดุร้ายขนาดนี้ แสดงว่าศิลปินคนวาดจะต้องเกลียดชัง แอนตี้คาธอลิคอย่างแรงใช่ไหม แต่คำตอบของเบคอนก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เขาเองไม่ได้มีอคติอะไรต่อท่านโป๊ปองค์นี้เป็นพิเศษ และก็ไม่ได้ไปเจอภาพของเบลัซเกซด้วยตาของตนเอง แต่วาดจากภาพถ่ายที่เขาได้มาเท่านั้น
แต่ละภาพ โป๊ปร้องกรี๊ดๆ ออกมาเต็มที่ทั้งนั้น
การที่เบคอนวาดภาพโป๊ปกรี๊ด อาจเกิดจากแสดงสไตส์อันรุนแรงของตัวศิลปินโดยเอาหัวเชื้อจากศิลปินรุ่นก่อนที่เคยทำไว้มาจุดประกายต่อ แต่จุดได้แรงเกินก็เลยระเบิดไปเป็นตามรูปแบบลัทธิสำแดงพลังโดยถือได้ว่าเป็นงานศิลปะชิ้นนึง ไม่ได้เจาะจงจะว่าจะให้เกลียดชังให้ร้ายใครทั้งนั้น เป็นแค่การแสดงออกทางศิลปะแบบหนึ่งเท่านั้น แบบเดียวกับที่เขาวาดภาพเพื่อนรักของเขาด้วยสไตล์เฉพาะตัวเขานั่นแหละ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าวาติกันจะไม่ได้มีภาพโป๊ปกรี๊ดอยู่ในครอบครอง แต่รูปโป๊ที่เราเห็นอยู่นี้ก็แสดงความใจกว้างของวาติกันอยู่พอตัว ที่ยังอุตส่าห์นำงานนี้ไว้จัดแสดง เป็นไปได้ว่าพิพิธภัณฑ์วาติกันมองตัวเองว่าเป็นคลังสะสมวัฒนธรรมโลกแห่งหนึ่ง ไม่ได้มองว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ของชาวคาธอลิค เราจึงมีโอกาสได้เห็นงานหลากหลายไม่จำกัดประเทศ เชื้อชาติ ศาสนา หรือลัทธิรูปแบบใด ๆ ซึ่งมีโอกาสได้มาจัดแสดงอยู่ ณ ตรงนี้ได้ทั้งสิ้น เช่นเดียวกับพิพิธภัณฑ์ใหญ่ ๆ ระดับโลกแห่งอื่น
ท่านผู้ใด มีความคิดเห็นอย่างไร เชิญมาแลกเปลี่ยนกันนะครับ
ที่มาของข้อมูล

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา