8 เม.ย. เวลา 14:30 • ไลฟ์สไตล์

ดนตรีต้องมีจังหวะ การเงินต้องมีแผน เข้าใจหลักคิดเบื้องหลังกองทุนเกษียณของวง Cocktail

เพราะทุกคนต้องเกษียณ ไม่เว้นแม้กระทั่งวงดนตรีร็อค​
วง COCKTAIL เริ่มต้นจากความฝันเล็กๆ ของกลุ่มนักเรียนมัธยมปลายโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พญาไท ที่มีใจรักในดนตรี วงค็อกเทลเคยเขียนเล่าเรื่องราวของวงไว้ว่าเกิดจากการรวมตัวของหลายวงดนตรีในโรงเรียน โดยแรกเริ่มพวกเขาใช้ชื่อวง Fi-Fa และ Forte ก่อนที่จะมีการสร้างโปรเจ็กต์พิเศษชื่อ "ค็อกเทล"
ที่มาของชื่อ "COCKTAIL" ถูกเสนอโดย ‘บู๊ วิศรุต เตชะวรงค์’ สื่อถึงการรวมตัวของนักเรียนในโรงเรียนเตรียมอุดมฯ เปรียบเสมือนการผสมเครื่องดื่มค็อกเทล และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือชื่อนี้ได้แรงบันดาลใจจากข้อสอบภาษาอังกฤษของโรงเรียนในช่วงเวลานั้นที่บังเอิญมีเนื้อหาเกี่ยวกับเครื่องดื่มค็อกเทลด้วย
อัลบั้มแรกของวงวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2545 เริ่มจากการขายภายในโรงเรียน ก่อนจะขยายไปสู่ร้านดีเจสยามและน้องท่าพระจันทร์ ซึ่งเป็นร้านเพลงที่วัยรุ่นไทยสมัยนั้นนิยม ทำให้วงได้รับความนิยมและเริ่มเป็นที่รู้จักในกลุ่มนักเรียนมัธยมปลาย และเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นวงดนตรีที่มีชื่อเสียงระดับประเทศในปัจจุบัน
👉ดูเรื่องราวของวงแบบเต็มได้ที่โพสต์นี้ https://web.facebook.com/share/16GhTdeeaD/
ปัจจุบันวงประกอบด้วยสมาชิก 4 คน
- คุณโอม ปัณฑพล ประสารราชกิจ นักร้องนำ
- คุณเชา ชวรัตน์ หรรษคุณาฒัย มือกีตาร์
- คุณปาร์ค เกริกเกียรติ สว่างวงศ์ มือเบส
- คุณฟิลิปส์ ฟิลิปส์ เปรมสิริกรณ์ มือกลอง
และ เมื่อวันที่ 30-31 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา COCKTAIL ได้จัดคอนเสิร์ตใหญ่ "COCKTAIL EVER LIVE" ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งถือเป็นการแสดงสุดท้ายในรูปแบบคอนเสิร์ตใหญ่เต็มรูปแบบ แฟนเพลงทั้งหลายต่างทราบดีว่าวง COCKTAIL เตรียมยุติการแสดงในปี 2025 โดยหลังจากนั้นจะไม่มีการเล่นดนตรีในนามวง COCKTAIL อีกต่อไป
ช่วงสุดท้ายของการเดินทาง พวกเขาได้จัดทัวร์พิเศษชื่อ "COCKTAIL 77 EVER TOUR" ที่จะเดินทางไปแสดงครบทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย โดยแต่ละจังหวัดจะมีคอนเสิร์ตเพียงครั้งเดียวเท่านั้น นับเป็นการอำลาแฟนเพลงอย่างสมเกียรติ
สาเหตุของการยุติวงดนตรีนี้ เกิดจากความเปลี่ยนแปลงของชีวิตและวัยที่เพิ่มขึ้นของสมาชิกแต่ละคน พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะแยกย้ายกันไปเพื่อเริ่มต้นบทใหม่ของชีวิต โดยประกาศในเพจเมื่อ 2 ปีที่แล้ว นับได้ว่าตอนนี้ Cocktail อยู่ในช่วง Last Dace หรือการเต้นรำครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะทิ้งภาพจำไว้ว่านี่คือหนึ่งในวงดนตรีที่โด่งดังที่สุดแห่งยุค!
[ 5 เทคนิคจัดการเงินให้พร้อมเกษียณแบบวง Cocktail ]
ความโดดเด่นของวง Cocktail และความสามารถของสมาชิกแต่ละคนเป็นที่ประจักษ์ผ่านผลงานที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดี แต่สิ่งที่น่าชื่นชมอีกด้านหนึ่งคือแนวทางการบริหารจัดการเงินของวงนี้
วันนี้ aomMONEY ได้รวบรวม 5 เทคนิคจากพวกเขา ที่อาจเป็นแรงบันดาลใจให้คุณนำไปปรับใช้กับตัวเองได้
1. ถ้าอยากมีเงินเก็บ ให้หักออกก่อนเข้ากระเป๋า
เรื่องนี้คุณโอม นักร้องนำได้เล่าไว้ใน Settrade Streaming Day (SSD2019) ว่าก่อนจะมีกองทุนเกษียณของวง Cocktail เคยมีการตั้งเงินกองกลางโดยคิดว่าจะเรียกเก็บจากสมาชิกเมื่อสิ้นเดือน แต่พบว่าถ้าทำเช่นนั้น คงไม่มีใครอยากจ่าย
เพราะการจะจ่าย จะจ่ายง่ายก็ต่อเมื่อเป็นของที่อยากได้ การเก็บเงินเป็นเรื่องที่คนไม่ค่อยอยากทำ ดังนั้น วงจึงตั้งบริษัทขึ้นมาและสร้างกองทุนเกษียณอายุของวง โดยกำหนดให้รายได้จากลูกค้าที่ถูกโอนเข้ามา ก่อนจ่ายให้สมาชิกจะต้องหักเข้ากองทุนนี้ก่อน ทำให้สมาชิกในวงทราบว่าเงินนี้จะถูกหักไป แต่เนื่องจากเงินไม่เคยเข้ากระเป๋า จึงไม่รู้สึกเสียดาย
2. อย่าซื้อของเพียงเพราะซื้อได้
คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า การซื้อของปรนเปรอตัวเอง เป็นการซื้อความสุขเพื่อดับความทุกข์ที่เกิดขึ้น แต่จริงๆ แล้วนั่นเป็นเพียงการ “บรรเทาทุกข์” เพราะสาเหตุที่แท้จริงของปัญหานั้นยังอยู่ หนำซ้ำการใช้เงินปรนเปรอตัวเองมากเกินตัว อาจทำให้เกิดปัญหาทางการเงินเพิ่มขึ้นด้วย
ครั้งหนึ่งวง Cocktail ได้ไปให้สัมภาษณ์ที่ The Standard Wealth เล่าถึงแช่วงแรกๆ ที่วงมีรายได้สูงๆ สมาชิกของวงเงินเดือนขยับไปหลายเท่า ทำให้พวกเขาเริ่มใช้เงินฟุ่มเฟือย เพียงเพราะว่าจ่ายไหว เช่น อยากได้รองเท้าคู่แรร์ แต่สุดท้ายก็ไม่ค่อยได้ใช้เก็บไว้จนเปื่อย จนต้องสะกิดกันว่าให้จำกัดตัวเองในการใช้เงินของคนในวง
3. ซื้อบ้านไว้เป็นสินทรัพย์ มีประโยชน์ยามฉุกเฉิน
สมาชิกทุกคนในวง Cocktail ต่างก็มีบ้านเป็นของตัวเอง เพราะคำแนะนำของคุณโอม เขามองว่าเมื่อเราทำงานหาเงินมาได้ ก็ควรซื้อบ้านเพื่อเป็นสินทรัพย์ติดตัว นั่นเพราะว่าถ้าในอนาคตเกิดเหตุไม่คาดฝัน อย่างน้อยบ้านที่เราเป็นเจ้าของอยู่ ก็จะช่วยให้ผ่านวิกฤติไปได้
เช่น หากธุรกิจมีปัญหา ก็สามารถใช้บ้านเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ขอเงินทุนหมุนเวียน หรือถ้ามีหนี้สินเยอะ ก็รวมหนี้ไว้ที่เดียวกันได้ โดยนำบ้านไปแลกสินเชื่อ แล้วนำเงินก้อนมาปิดหนี้ทั้งหมด หรืออาจจะปล่อยเช่า/ขายบ้าน เพื่อให้ได้เงินมาใช้จ่ายต่อไป
4. รู้จักรายได้ที่แท้จริงของตัวเอง และเวลาในการหาเงินที่ยังเหลืออยู่
ถ้าอายุที่เริ่มต้นทำงาน คิดเป็นตัวเลขกลมๆ คือ 20 ปี แล้วเกษียณตอน 60 ปี
ข้าราชการมีเงินเดือนเฉลี่ย 20,000 บาท
ถ้าทำงาน 40 ปี มีรายได้ 9,600,000 บาท
นักดนตรี ทำงานได้เงินเดือนละ 200,000 บาท
ถ้าทำงาน 10 ปี มีเงิน 24,000,000 บาท
ดูเหมือนว่านักดนตรีจะมีรายได้เยอะ แต่อย่าลืมว่าอาชีพนี้มีขาขึ้น-ขาลง ซึ่งคุณโอมมองว่านักดนตรีจะสามารถทำเงินในวงการได้แค่ราว 10 ปี เท่านั้น (ขณะที่อาชีพอื่นๆ มีช่วงเวลาทำงานหาเงินราว 40 ปี)
ดังนั้น คนที่ประกอบอาชีพอิสระ จึงต้องเอารายได้ต่อเดือนมาหารด้วย 40 เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นรายได้ที่แท้จริง
24,000,000 ÷ 40 = 600,000 บาทต่อปี หรือ 50,000 บาทต่อเดือน
*เมื่อวางแผนการเงินในเรื่องใดก็ตาม ควรใช้ตัวเลขนี้เป็นที่ตั้ง
เพราะตัวเลขรายได้ 200,000 บาทต่อเดือนนั้น เป็นเพียง “ภาพลวงตา” ว่าเรามีรายได้เยอะ
นอกจากนี้ ทั้งอาชีพอิสระและมนุษย์เงินเดือน ต่างก็ไม่มีเงินบำนาญเหมือนกับข้าราชการ จึงต้องคิดวางแผนออมเพื่อเกษียณตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้มีเงินใช้ในตอนแก่นั่นเอง
5.ความสำคัญของการมีกลุ่มเพื่อนที่ดี
วง Cocktail เป็นตัวอย่างของทีมที่มีความสนิทสนมและเคารพการตัดสินใจของกันและกัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แค่ในเรื่องดนตรี แต่รวมถึงการบริหารการเงินด้วย เพราะการมีกลุ่มเพื่อนที่ดีมีบทบาทสำคัญในการสร้างวินัยทางการเงิน เพราะเพื่อนที่ดีจะช่วยเตือนสติ ไม่ปล่อยให้เราฟุ่มเฟือยเกินไป และยังสามารถเป็นที่ปรึกษาในการวางแผนอนาคตทางการเงินร่วมกันได้อีกด้วย เมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจนและคนรอบข้างที่สนับสนุน โอกาสในการมีฐานะการเงินที่มั่นคงก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
#aomMONEY #วางแผนการเงิน #ออมเงิน #Cocktail #CheersCocktail
โฆษณา