8 เม.ย. เวลา 21:11 • ท่องเที่ยว

Beijing 2025 (12) พระราชวังฤดูร้อนอี้เหอหยวน (Summer Palace)

“พระราชวังฤดูร้อน” หรือ อี้เหอหยวน (Yiheyuan or Summer Palace) .. สถาปัตยกรรมสุดยิ่งใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม เป็นแลนด์มาร์คเก่าแก่ที่มีเสน่ห์เหนือกาลเวลา
พระราชวังฤดูร้อน (Summer Palace) หรือชื่อในภาษาจีนคือ “อี้เหอหยวน” .. ตั้งอยู่ที่เขตไห่เตี้ยน ห่างจากตัวเมืองปักกิ่งไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 15 กิโลเมตร เดิมนั้นเป็นวังหลวงและสวนดอกไม้ของพระเจ้ากุบไลข่าน
ในปี ค.ศ.1153 มีการต่อเติมในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง โดยเฉพาะสมัยพระเจ้าคังซีถึงสมัยพระเจ้าเฉียนหลง ใช้เวลาถึง 60 ปี แล้วเสร็จในปี ค.ศ.1750
กษัตริย์ราชวงศ์ชิงทรงใช้เป็นที่เสด็จแปรพระราชฐานหนีความร้อนจากพระราชวังหลวงที่ปักกิ่ง ในฤดูร้อนมาประทับที่พระราชวังฤดูร้อนแห่งนี้ เป็นที่ยอมรับกันว่าอุทยานแห่งนี้เป็นอุทยานหลวงที่งดงามที่สุดของจีน
พระราชวังนี้ถูกทำลายลง 2 ครั้ง ครั้งแรกคือ ปีค.ศ. 1860 ยุคสงครามฝิ่นครั้งที่ 2 โดยกองทหารอังกฤษและฝรั่งเศสบุกเข้าปล้นสะดมกรุงปักกิ่ง เผาทำลายสิ่งปลูกสร้างเป็นจำนวนมาก ต่อมาในปี ค.ศ.1886 พระนางซูสีไทเฮาได้นำเอาเงินงบประมาณของกองทัพเรือมาบูรณะพระราชวังฤดูร้อนขึ้นใหม่
ครั้งที่ 2 ถูกกองทัพชาติตะวันตกหลายชาติทำลายเพื่อตอบโต้พวกกบฏนักมวยในปี ค.ศ.1900 แต่พระนางซูสีไทเฮาก็ทรงบูรณะพระราชวังนี้ขึ้นอีกครั้งในปีค.ศ. 1903 เพราะพระองค์ทรงโปรดที่นี่มาก ประทับอยู่ที่นี่มากกว่าในกรุงปักกิ่งเสียอีก
ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงพิพิธภัณฑ์ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวบรวมโบราณวัตถุอันล้ำค่ามากมาย
จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การ UNESCO ในปี ค.ศ. 1998
ภายในพระราชวังมีพื้นที่รวมประมาณ 2.9 ตารางกิโลเมตร แม้จะเคยโดนโจมตีใหญ่ๆ ถึง 2 ครั้ง จนบางส่วนได้รับความเสียหาย
… แต่ก็ได้รับการบูรณะใหม่จนสวยงาม มีสิ่งปลูกสร้างมากมาย ทั้งภูเขา และทะเลสาบที่สร้างขึ้นเอง รวมถึงเจดีย์ วิหาร ศาลา สะพาน ฯลฯ ทั้งหมดนี้ถูกสร้างโดยฝีมือมนุษย์ล้วนๆ รวมกว่า 150,000 คน
พระราชวังฤดูร้อน มีสิ่งก่อสร้างที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณที่วิจิจรและอลังการมากมาย และหากจะดูและชมให้ครบถ้วน อาจจะต้องใช้เวลาทั้งวัน
ทางเข้าสู่พระราชวังฤดูร้อน
ตำหนักเหรินโซ่วเตี้ยน (Hall of Benevolence and Longevity) .. เป็นอาคารแรกหลังจากเข้าสู่ด้านในอุทยาน
ตำหนักแห่งนี้พระนางซูสีไทเฮาใช้ว่าราชการ ประทับนั่งบนบัลลังก์มังกร ให้บรรดาเชื้อพระวงศ์เข้าเฝ้า
ด้านนอกจะมีรูปปั้นมังกรสำริด กับหงส์สำริดอย่างละคู่ .. ซึ่งปกติแล้วตามธรรมเนียมมังกรต้องอยู่ด้านใน หงส์อยู่ด้านนอก
แต่พระนางซูสีไทเฮาเลือกวางมังกรไว้ด้านนอก และวางหงส์ไว้ด้านในแทน เพื่อแสดงถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระนางที่เหนือจักรพรรดิ ตำหนักนี้จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า “ตำหนักหงส์เหนือมังกร”
ด้านในพระตำหนัก .. ตรงกลางเป็นที่ตั้งของบัลลังก์มังกร ด้านหน้าบัลลังก์เป็นกระถางกำยานสำริดรูปนกกะเรียนหลายคู่ ด้านหลังวางฉากสลักคำว่า “โซ่ว” มีความหมายว่า อายุยืนนาน เขียนเป็นภาษาจีนทั่วทั้งฉากกว่า 200 คำ
นอกจากนี้ .. ภายในมีโบราณวัตถุอันทรงคุณค่ามากมายที่นำมาใช้ในการตกแต่งกว่าพันชิ้น
ตำหนักอวี่หลันเตี้ยน (Hall of Jade Ripples) .. เป็นตำหนักที่พระนางซูสีไทเฮาใช้กักขังจักรพรรดิกวางสี แล้วยึดอำนาจปกครองบ้านเมืองเสียเอง
หอแสดงงิ้วเต๋อเหอหยวน (Garden of Virtue and Harmony) ... พระนางซูสีไทเฮาทรงโปรดงิ้วมาก จึงสร้าง หอแสดงงิ้วเต๋อเหอหยวน ขึ้นใน พระราชวังฤดูร้อน มีขนาด 3 ชั้น สูง 21 เมตร กว้าง 17 เมตร ซึ่งถือว่าสูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในสมัยนั้นเลย
.. เป็นสถานที่ในการชมงิ้วของเหล่าราชวงศ์ในสมัยราชวงศ์ชิง โดยโรงงิ้วแห่งนี้ถือเป็นหอแสดงงิ้วโบราณที่ทำด้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดและได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างสมบูรณ์ที่สุดในประเทศจีน
บริเวณด้านล่างมีบ่อน้ำเพื่อเพิ่มเสียงสะท้อนและจ่ายน้ำสำหรับเอฟฟเฟกต์ต่างๆ ทำให้การแสดงมีความอลังการมากยิ่งขึ้น เวลามีการแสดง
Photo : Internet
Photo : Internet
ตำหนักอี้เล่อเตี้ยน .. เป็นสถานที่พระนางซูสีไทเฮาประทับชมการแสดงงิ้ว โรงงิ้วที่อยู่ติดกัน สูง 3 ชั้น สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสที่พระนางทรงมีพระชนมายุครบ 60 พรรษา
พระนางโปรดงิ้วมาก ถึงขนาดบางครั้งเสด็จลงร่วมเล่นงิ้วด้วยก็มี ปัจจุบันโรงงิ้วจัดแสดงพระภูษาทรงของพระนางซูสีไทเฮา เครื่องประดับ เครื่องสำอาง ของขวัญที่ประเทศต่างๆ ส่งมาให้ รวมถึงรถเมอร์เซเดสเบนซ์คันแรกของจีนด้วย
หอฝอเซียง (Tower of Buddhist Incense) .. เป็นศูนย์กลางของ พระราชวังฤดูร้อน เป็นหอคอยทรงแปดเหลี่ยม ขนาด 3 ชั้น สูง 36.44 เมตร ตั้งบนฐานหินสูง 20 เมตร
ตั้งสูงเด่นเป็นสง่าอยู่บน “ภูเขาว่านโซ่ว” (Wanshou Shan) หรือภูเขาหมื่นปี ซึ่งเป็นภูเขาที่สร้างโดยมนุษย์ด้วยการเอาดินมาถม
สร้างขึ้นเพื่อใช้ทำพิธีทางศาสนา ภายในเป็นที่ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมพันมือ ประทับบนฐานดอกบัว 999 กลีบ ที่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ สูง 5 เมตร หนัก 5 ตัน ด้านบนสามารถมองเห็นวิวต่างๆ โดยรอบได้
ทะเลสาบคุนหมิง .. เป็นทะเลสาบที่ขุดโดยใช้แรงงานคนขุดดินขึ้นไปถมเป็นภูเขาสำหรับสร้างพระตำหนัก อดีตไม่ได้ใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้
แต่ในสมัยจักรพรรดิเฉียนหลงแห่งราชวงศ์ชิง ทรงสั่งให้ขุดขยายเพิ่มจนมีขนาดประมาณ 2.2 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมถึง 3 ใน 4 ของ พระราชวังฤดูร้อน ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นน้ำทั้งหมด
นับเป็นทะเลสาบที่มีทิวทัศน์สวยงามอลังการมาก ฤดูร้อนจะมีดอกบัวบานสะพรั่งเต็มทะเลสาบ ช่วงที่สวยที่สุดคือเดือนกรกฎาคม ส่วนฤดูหนาวน้ำจะกลายเป็นน้ำแข็ง คนจะนิยมมากเล่นสเกต และปั่นจักรยานบนลานน้ำแข็งกัน
Photo : Internet
สะพานสิบเจ็ดโค้ง (Seventeen-Arch Bridge) หรือ “สะพานสือชีข่งเฉียว (十七孔桥)” .. เป็นสะพานหินที่ใหญ่และยาวที่สุดในพระราชวังฤดูร้อน มีความยาว 150 เมตร กว้าง 8 เมตร หัวเสาทั้ง 124 ต้น มีการแกะสลักสิงโตหินด้วยท่วงท่าสง่างามและมีชีวิตชีวาประดับไว้กว่า 540 ตัว
ตั้งอยู่เหนือทะเลสาบคุนหมิง เป็นสะพานที่ทอดเชื่อมระหว่างเกาะหนานหูกลางทะเลสาบคุนหมิง กับแผ่นดินฝั่งทิศตะวันออกของทะเลสาบคุนหมิง
ด้านล่างสะพานจะเป็นซุ้มโค้งเรียงกัน 17 ช่อง ในช่วงฤดูหนาวจะมีปรากฏการณ์ที่แสงอาทิตย์ยามเย็นลอดผ่านช่องใต้สะพานเป็นสีทองอร่าม สวยงามมาก
เรือหินอ่อน (Marble Boat) หรือ เรือ Shi Fang .. ถูกสร้างขี้นแบบจีนโบราณ 2 ชั้น เมื่อปี ค.ศ. 1755 ในรัชสมัยจักรพรรดิเฉียนหลง ต่อมาถูกทหารอังกฤษและฝรั่งเศสเผาจนเหลือแต่ฐาน ..
ต่อมาพระนางซูสีไทเฮาโปรนดให้ซ่อมแซมบูรณะขึ้นใหม่ในปี ค.ศ.1894 เป็นตึกแบบฝรั่ง มีซุ้มโค้งแบบตะวันตก
Photo : Internet
ตัวเรือทำมาจากหินแกะสลักขนาดใหญ่ มีความยาว 36 เมตร สูง 2 ชั้น สง่างามดูโปร่งตาราวกับจะลอยน้ำได้จริง ตกแต่งในสไตล์ตะวันตก ลวดลายแกะสลักอ่อนช้อยงดงามมาก ตั้งสง่างามอยู่เหนือน้ำ แต่ลอยไปไหนไม่ได้ ..
ที่น่าทึ่งคือ เรือไม่ได้สร้างขึ้นจากหินอ่อนทั้งหมด มีบางส่วน เช่น เสา ใช้เป็นเสาไม้แต่เขียนลายหินอ่อน อันเป็นสุดยอดของเทคนิคการเขียนลาย
เรือหินอ่อน นี้ สร้างขึ้นตามพระประสงค์ของพระนางซูสีไทเฮา เพื่อใช้นั่งจิบน้ำชาชมทิวทัศน์ของทะเลสาบ
ซึ่งได้นำเงินในส่วนที่ใช้สำหรับการดูแลปรับปรุงกองทัพมาใช้ในการสร้างเรือที่เคลื่อนที่ไม่ได้ เรือนี้จึงถูกเรียกอีกชื่อว่า “เรือของคนโง่”
สะพานโค้งสถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณ .. เห็นได้หลายแห่งทั่วบริเวณ … ภาพด้านบน เป็นสะพานข้ามมาชมสวน และอีกด้านหนึ่งของเรือหินอ่อน
ระเบียงฉางหลาง (Chang Lang) .. เป็นระเบียงไม้ที่หลังคาคลุมโดยตลอด ยาวรูปโค้งเลียบไปตามริมทะเลสาบ ทอดยาวจากหมู่พระตำหนักตะวันออกไปยังเรือหินอ่อนของพระนางซูสีไทเฮาทางตะวันตก
ระเบียงไม้แห่งนี้ สร้างในปีค.ศ. 1750 แบ่งเป็นคานขวาง 273 ช่วง สลับกับศาลา 4 หลัง มีความยาวมากที่สุดในจีนและในโลก
มีตวามยาวทั้งหมด 728 เมตร มีเสารวม 548 ต้น มีหลังคาคุลม ทอดยาวตามชายฝั่งทางเหนือของทะเลสาบคุนหมิง
นอกจากมาเดินเล่นรับลมเย็นๆแล้ว ยังจะได้เพลิดเพลินกับภาพวาดสีสันสดใสมากกว่า 8,000 ภาพ ที่ประดับอยู่รอบด้าน ทั้งภายในและภายนอกระเบียงไม่ว่าจะเป็นบนคาน เพดาน หรือบนเสา
ภาพเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นภาพวรรณกรรมสีสวยสดงดงาม อันเป็นเรื่องราวที่มาจากเทพนิยายคลาสสิกของจีนหลายเรื่อง นิทานพื้นบ้าน มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ วรรณคดี รวมทั้งภาพทิวทัศน์ที่สวยงามมาก ..
แต่ละภาพเป็นภาพเล็กๆกๆวาดไม่ซ้ำกันเลย มีจำนวนมากอยู่ในกรอบรูปครึ่งวงกลมแบบจีน ให้รายละเอียดทิวทัศน์ บ้านเมือง และผู้คนอย่างมีชีวิตชีวิตชีวา .. สายอาร์ตต้องชอบแน่นอน
Photo : Internet
ตำหนักเล่อโซ่วถาง (Hall of Happiness and Longevity) .. เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของพระนางซูสีไทเฮา ชื่อตำหนักมีความหมายว่าความสุขอันยั่งยืน พระนางซูสีไทเฮาเป็นผู้ตั้งชื่อตำหนักด้วยพระองค์เอง ..
ภายในแบ่งเป็น 4 ห้อง ประกอบด้วย ห้องนอน ห้องแต่งตัว ห้องอ่านหนังสือ และห้องกินข้าว โดยมีเครื่องเรือน หรือข้าวของของเครื่องใช้ต่างๆ ก็ยังคงถูกจัดวางไว้แบบเดิม
Photo : Internet
วิหารฝอเซียง .. เป็นจุดที่สูงสุดบนภูเขาว่านโซวซ่าน ภายในประดิษฐานพระแม่กวนอิมมหาโพธิสัตว์ (อวโลกิเตศวร) และเมื่อเดินขึ้นไปบนภูเขาก็สามารถมองทิวทัศน์ของพระราชวัง และเห็นทะเลสาบคุนหมิงด้วย
Photo : Internet
ตำหนักไผอวิ๋นเตี้ยน (Hall of Dispelling Clouds) ... ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาภูเขาว่านโซ่ว ใช้เป็นสถานที่จัดงานเฉลิมพระชนมพรรษาของพระนางซูสีไทเฮา ซึ่งตรงกับวันขึ้น 10 ค่ำเดือน10 ตามปฏิทินจันทรคติของทุกปี
บริเวณนอกห้องโถงมีมังกรทองแดง หงส์ และหม้อดินเผาตั้งตระหง่านอยู่ แสดงถึงความยิ่งใหญ่ และสง่างามของราชวงศ์ชิง
Photo : Internet
ทางทิศใต้ของห้องโถงเป็นประตูปัดเป่าเมฆา มีหินรูปนักษัตรจีน 12 ราศี ที่เชื่อกันว่าสามารถขับไล่วิญญาณชั่วร้ายได้ ปัจจุบันมีการจัดแสดงภาพวาดของพระนางซูสีไทเฮา รวมถึงของขวัญวันเกิดบางส่วน สิ่งของต่างๆ ที่เจ้าชายและขุนนางระดับสูงนำมามอบให้
วิหารฝอเซียงเก๋อ (Tower of Buddhist Incense) สัญลักษณ์ของพระราชวังฤดูร้อน … สร้างขึ้นบนฐานสี่เหลี่ยมบนภูเขาว่านโซ่ว หันหน้าออกไปทางทะเลสาบคุนหมิง ทำให้สามารถมองเห็นทะเลสาบได้อย่างกว้างไกล
Photo : Internet
อาคารออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมจีนคลาสสิค ใช้เป็นหอพุทธบูชา ซึ่งถือเป็นจุดศูนย์กลาง สองด้านมีหมู่สถาปัตยกรรมรายล้อม ภายในเป็นที่ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมพันมืออายุกว่า 450 ปี บนฐานดอกบัว 999 กลีบ
ปัจจุบันหอคอยฝอเซียงเก๋อได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ ให้ความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมของราชวงศ์จีนในอดีต
ศาลาทะเลแห่งภูมิปัญญา หรือในภาษาจีนเรียกว่า “จื้อหุ้ยไห่ (智慧海)” … ตั้งอยู่บนยอดสูงสุดของภูเขาว่านโซ่ว ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหลายองค์ ส่วนผนังด้านนอกแฝงไปด้วยพระพุทธรูปขนาดเล็กกว่าพันองค์
ความสวยงามระหว่างเดินชมภายในพระราชวังฤดูร้อน
Pavilion of Literary Brillance .. เป็นประตูทางเข้าที่ใหญ่ที่สุดในพระราชวังฤดูร้อน
จุดชมวิวที่สวยที่สุดจุดหนึ่งของพระราชวังฤดูร้อน .. มองเห็นวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบคุณหมิง และพนพตำหนักต่างๆได้กว้างไกล
ถึงจะชื่อพระราชวังฤดูร้อน แต่ที่นี่เปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปี .. ความสวยงามแตกต่างกันไปในแต่ละฤดู ก็ใหญ่โตอลังการ มีอะไรให้เดินชมเยอะไปหมด หลายคนไปแล้วยังกลับไปซ้ำเลยค่ะ
โฆษณา