Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วินทร์ เลียววาริณ
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
6 ชั่วโมงที่แล้ว • หนังสือ
บทความ Blockdit ตอน จิตที่มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
เคยไหมที่นั่งทำงานอยู่ดีๆ นึกถึงเหตุการณ์เจ้านายตวาดใส่เมื่อ 2-3 ปีก่อนที่มาโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
2
ไปดูหนัง แต่สมองกลับคิดเรื่องคำพูดของเพื่อนที่ทำร้ายจิตใจเราเมื่อสิบปีก่อน
1
เดินเล่นในสวนสวย แต่ความคิดกลับพาเราไปโลกอื่น
มันเป็นเรื่องแปลกที่หลายความคิดปรากฏตัวโดยกะทันหัน มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย มาโดยไม่ได้นึกถึงมันมาก่อน
ทำไมเป็นอย่างนั้น?
นี่เป็นอาการปกติของจิตที่ไม่ได้ฝึกสมาธิ ไม่เจริญสติ
ความคิดเหล่านี้มิได้ปรากฏตัวแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เพราะสรรพสิ่งในจักรวาลคืออิทัปปัจจยตา หรือ cause effect ต่อร้อยไป
1
ความคิดที่เกิดขึ้นในขณะจิตนี้อาจมาจากความคิดพื้นฐานที่มีอยู่แล้ว ณ ที่หนึ่งที่ใดในหัว เมื่อกระทบกับบางสิ่งที่เห็น ก็ก่อเกิดเป็นความคิดใหม่หรือรื้อความคิดเดิมขึ้นมาใหม่
2
จากความคิดปรุงแต่งเป็นอารมณ์
ทางพุทธจึงเปรียบจิตเป็นลิง ไม่นิ่ง
เราคิดๆๆๆ จนตกหล่ม เพราะทุกครั้งที่คิด เราก็ปรุงแต่งเป็นอารมณ์ แล้วทุกข์ไปกับมัน แม้กับเหตุการณ์ที่จบไปนานแล้ว
ทุกข์ไปกับสิ่งที่เราปรุงแต่งเอง
2
นี่ก็คือหลักปฏิจจสมุปบาท ปัจจัยหนึ่งส่งผลกระทบให้เกิดอีกปัจจัยหนึ่ง กระทบต่อไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นความทุกข์
ดังนั้นหากเราไม่มีความสุข มันก็มักเป็นเรานั่นแหละที่ปรุงแต่งอารมณ์มากลุ้มใจเล่น
มันชี้ว่าความคิดไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ มันเกิดเพราะสภาวะองค์ประกอบต่างๆ รวมกันพอดีให้คิด
ความคิดที่เราคิดว่ามาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยไม่ได้มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย มันเกิดจากสิ่งที่เราปลูกเมล็ดพันธุ์ไว้ในหัว ผ่านเวลา ประสบการณ์ เมื่อเวลามาพอเหมาะ ตรงจุด เมล็ดแห่งความคิดก็แตกหน่อ กลายเป็นความคิด กลายเป็นอารมณ์
คล้ายกินอาหารมากไป ก็ปวดท้อง กินคำแรกยังไม่เป็นไร แต่กินเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่ง อาหารหลากชนิดมารวมกัน กลายเป็นพิษ หรือตีกัน ทำให้ปวดท้อง
สติจะคุมตั้งแต่ ‘อาหาร’ คำแรกเข้าปาก
ถ้าไม่เชื่อ เรามาลองทดสอบดู
โจทย์คือในช่วงเวลาสิบวินาทีต่อไปนี้ ให้เดาว่าเราจะคิดเรื่องอะไร
คนส่วนใหญ่จะพบว่าผ่านไปสิบวินาที ก็ไม่คิดเรื่องอะไร เพราะเรากำลังมีสติ รอคอยความคิดที่จะเกิดขึ้น เราพร้อมรับมันก่อนที่มันจะเกิด
4
ในช่วงสิบวินาทีนี้ เราถูกสั่งให้อยู่กับจิตของเรา เฝ้าดูจิตของเรา เราจึงมักไม่เกิดอารมณ์ลบใดๆ
3
ถ้าเราขยายเวลาสิบวินาทีนี้เป็นสิบนาที สิบชั่วโมง สิบวัน ร้อยวัน ก็จะเกิดเหตุความคิดมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยน้อยลง
1
แต่ถ้าเราเผลอ มันเกิดขึ้นมาแล้ว จะทำอย่างไร?
ก็ใช้สติคุมมันก่อนที่มันจะกลายเป็นอารมณ์
2
ยกตัวอย่าง เช่น จู่ๆ คำพูดของเพื่อนที่ทำร้ายจิตใจเราเมื่อสิบปีก่อนปรากฏขึ้น ถ้ามีสติ ก็บอกว่ามันจบไปแล้ว ปล่อยมันตรงนี้ มันก็อาจไม่เกิดเป็นอารมณ์โกรธแค้น และอื่นๆ
3
ความคิดก็เหมือนสรรพสิ่ง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
2
ทางที่ดีเราควรเฝ้ามันดับไป ทางที่ดีกว่าคือไม่ให้มันต้ังอยู่ (ปรุงแต่ง) และทางดีที่สุดคือเฝ้าการเกิดขึ้น เมื่อเฝ้ามัน ตามทัน ก็มักไม่เกิด
2
เมื่อเราตามทันความคิด จิตก็ไม่เกิด ไม่ปรุงแต่งเป็นอารมณ์
1
ความคิดฟุ้งซ่านมักมาเป็นสายเหมือนแม่น้ำ ไหลต่อเนื่อง ตัดไม่ขาด แต่ถ้ารู้ทัน แม่น้ำแห่งจิตทั้งสายก็หายวับไป มันจะไม่มีตัวตนอีก
สมองคนเราชอบคิดหาเรื่อง สร้างทุกข์ขึ้นมาเอง เมื่ออยู่ว่างๆ ยามที่เราไม่คุมสติ คนเราชอบคิดถึงประสบการณ์ไม่ดีในอดีต ขายงานไม่ผ่าน ลูกค้าไม่ชอบ ฯลฯ พอจะต้องไปขายงานรอบสอง ก็เกิดความตระหนก กลัวล้มเหลว และมันแปลก มันก็ล้มเหลวจริงๆ เพราะจิตเราไม่นิ่ง
3
ทางเต๋าสอนว่า อย่าไปขวางแม่น้ำ ให้ไหลไปกับมัน
1
แต่การไหลไปกับมันต้องมีสติกำกับ จึงจะไม่จมน้ำตาย
1
มีสติคือมองความคิด ไม่ต้องแก้ไข ทักท้วง แต่เฝ้ามอง
2
อยู่กับปัจจุบัน ตามทันจิต
จิตเราก็เหมือนท้องฟ้า จิตเดิมนั้นไร้เมฆ สดสว่าง แต่เมื่อมีเมฆแห่งความคิดลอยเข้ามากๆ ความใสของท้องฟ้าก็หายไป หากเมฆลอยมาแล้วโดยที่เราไม่รู้ตัว ก็ใช้สติเฝ้าดูเมฆลอยหายไป เพราะไม่มีเมฆใดที่อยู่กับที่ตลอดกาล มันจะลอยหายไป
2
แต่คุมกำเนิดอารมณ์แต่แรกดีที่สุด เราอาจคุมการเกิดของความคิดไม่ได้ แต่คุมการเกิดอารมณ์ได้
2
มองความคิด อย่าให้ความคิดควบคุมเรา
2
26 บันทึก
76
4
44
26
76
4
44
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย