วันนี้ เวลา 00:00 • หนังสือ

บทความ Blockdit ผีเสื้อวันเดียว ตอน 3 : มนุษย์คือศูนย์กลางของจักรวาล!

ในยุค 1980 ในสหรัฐฯ มีรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งที่แหวกแนวออกมา มันเป็นสารคดีที่พูดเรื่องจักรวาล ชื่อรายการคือ Cosmos คนดำเนินรายการคือ คาร์ล เซเกน เขาพาชาวโลกไปสู่จักรวาล นำเสนอหัวข้อที่ไม่มีใครสนใจมาก่อน
คาร์ล เซเกน สอนแบบไม่สอน เขามีวิธีเล่าเรื่องยากให้ง่ายบางครั้งโดยการเปรียบเทียบ ยกตัวอย่าง เช่น เราอาจนึกไม่ออกจริงๆว่า อายุของจักรวาลนานแค่ไหน จนกว่าเราจะเทียบสเกลกับสิ่งที่เราเข้าใจ ในเรื่องนี้ คาร์ล เซเกน เปรียบเทียบเวลาของทั้งจักรวาล (คือ 13.82 พันล้านปี) เท่ากับปฏิทินหนึ่งปีโลก ก็ได้ปฏิทินจักรวาลดังนี้
1 มกราคม เกิด บิ๊ก แบง
1 พฤษภาคม เกิดดาราจักรทางช้างเผือก
1 กันยายน กำเนิดระบบสุริยะ
25 กันยายน กำเนิดชีวิตแรกบนโลก
1 พฤศจิกายน กำเนิดเพศ
19 ธันวาคม กำเนิดปลาในท้องสมุทร
20 ธันวาคม กำเนิดพืชบนโลก
21 ธันวาคม กำเนิดแมลง
24 ธันวาคม กำเนิดไดโนเสาร์
27 ธันวาคม กำเนิดนก
29 ธันวาคม กำเนิดมนุษย์วานร
มนุษย์สายพันธุ์ โฮโม ซาเปียนส์ คือพวกเราเพิ่งถือกำเนิดบนโลกในเวลาสี่ทุ่มครึ่งของคืนวันที่ 31 ธันวาคม
1
เราเพิ่งมาในชั่วโมงสุดท้ายนี่เอง!
เรียนแบบนี้ทำให้เราเห็นภาพสเกลขนาดและเวลาของจักรวาล สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคนไม่ได้มีความสลักสำคัญใดๆ
เราไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาล เราไม่ใช่เจ้าของโลก เรามานานหลังจากชีวิตแรกบนโลก
มันทำให้เรารู้สึกสงบเงี่ยมเจียมตัวมากขึ้น และทำให้เรากล้าตั้งคำถามว่า การสร้างโลกและมนุษย์โดยผู้สร้างในบางความเชื่อเป็นไปได้อย่างไร
คำว่าจักรวาล คาร์ล เซเกน ชอบใช้คำว่า cosmos มากกว่า universe
ความแตกต่างคือ universe มีความหมายถึงจักรวาลของเรา ส่วน cosmos มีความหมายของจักรวาลทั้งหมด
1
cosmos ก็เหมือนมหาสมุทรกว้างใหญ่ ประกอบด้วยเกาะ (universe) มากมาย แต่ละเกาะก็คือแต่ละจักรวาล
ดวงอาทิตย์ของเราตั้งอยู่แถบชานเมืองของทางช้างเผือก อายุห้าพันล้านปี ส่วนโลกเรามีอายุ 4,600 ล้านปี สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพิ่งถือกำเนิดไม่กี่ร้อยล้านปีนี้ และเริ่มมีบทบาทหลังจากไดโนเสาร์สูญพันธุ์ มนุษย์วานรมีอายุเพียงไม่กี่ล้านปี ส่วนมนุษย์สมัยใหม่ โฮโม ซาเปียนส์ เพิ่งถือกำเนิดประมาณสองแสนปีนี้เอง เริ่มสร้างอารยธรรมราวหนึ่งหมื่นปีก่อน
สายพันธุ์มนุษย์มีอายุสั้นมากเมื่อเทียบกับสเกลของจักรวาล
1
นี่ทำให้เซเกนตั้งคำถามว่า หากอิงความเชื่อว่า ‘พระเจ้า’ สร้างจักรวาล ทำไมพระเจ้าต้องรอนานถึง 13.82 พันล้านปีค่อยสร้างมนุษย์? ทำไมรอให้มนุษย์วิวัฒนาการมาจากสายพันธุ์วานรก่อน? ทำไมต้องรอให้อุกกาบาตถล่มโลกจนไดโนเสาร์สูญพันธุ์ก่อน รอให้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขึ้นมา จนปรากฏวานร มนุษย์วานร ฯลฯ ค่อยมีเรา
ทำไมต้องรอ?
1
วันหนึ่งในอดีตกาลนานมาแล้ว อุกกาบาตลูกหนึ่งตกลงบนโลก ส่งให้ภูมิอากาศเปลี่ยนไป ทำให้ไดโนเสาร์ที่กำลังครองโลกสูญพันธุ์ อาจไม่ใช่ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ หลังจากไดโนเสาร์หมดบทบาท ก็เปิดทางให้สิ่งมีชีวิตอื่นขึ้นมาแทน รวมทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม หากพระเจ้าอยู่เบื้องหลัง ทำไมต้องรออุกกาบาตที่มาแบบบังเอิญ? หรือว่าอุกกาบาตเป็นส่วนหนึ่งของแผน?
นี่แสดงว่ามนุษย์ไม่ได้สำคัญอะไรเลย เราเป็นเพียงข้อหนึ่งของสายโซ่แห่งชีวิตในจักรวาล
นักเทวนิยมในยุคหลังยอมพบกันครึ่งทาง โดยยอมรับว่ามีวิวัฒนาการจริง แต่พระเจ้าเป็นผู้กำหนด พระเจ้าสร้างโลกโดยให้วิวัฒนาการเป็นเครื่องมือหนึ่งในการสร้างมนุษย์
ปฏิทินเปรียบเทียบนี้ยังลบล้างความเชื่อว่าพระเจ้าสร้างโลกให้มนุษย์อยู่อาศัย สร้างสัตว์ให้มนุษย์ฆ่ากิน ความเชื่อว่าเราเป็นเจ้าของโลก
คาร์ล เซเกน กล่าวว่า “มนุษย์จินตนาการว่า จักรวาลถูกออกแบบมาเพื่อประโยชน์และการจัดรูปแบบให้มนุษย์ใช้”
มนุษย์ชอบคิดอะไรเข้าข้างตัวเองเสมอ คิดว่าโลกทั้งใบถูกสร้างมาเพื่อเรา
แต่ในชั่วเวลาสั้นๆ ที่เราดำรงอยู่ในโลก เราสร้างอีโก้ครอบงำตัวเอง
คาร์ล เซเกน เห็นว่าพระเจ้าก็คือกฎธรรมชาติ ไม่ใช่อำนาจเหนือธรรมชาติ เขาเขียนว่า ทุกดาราจักรมีดวงดาวมากมายที่แตกสลายไปตลอดเวลา ถ้ามีอารยธรรมต่างดาวในดาวเหล่านั้นจริง ก็ถูกทำลายไปมากมาย “นี่เป็นงานของมือสมัครเล่น” ไม่น่าจะเป็นผลงานของพระเจ้าที่ทรงรู้ว่าจะทำอะไร
คาร์ล เซเกน เขียนว่า “เรามิได้รับบทนำในละครแห่งเอกภพ บางทีคนอื่นอาจได้รับ บางทีอาจไม่มีใครได้รับ ไม่ว่าเป็นกรณีไหน เราก็มีเหตุผลที่ดีที่จะถ่อมตัว”
คาร์ล เซเกน จึงกล่าวว่า “เราเป็นเหมือนผีเสื้อที่ขยับปีกวันเดียว แล้วเชื่อว่ามันคือนิรันดร์”
โฆษณา