Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วินทร์ เลียววาริณ
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
เมื่อวาน เวลา 00:00 • หนังสือ
บทความ Blockdit ผีเสื้อวันเดียว ตอน 5 : ยาชาแห่งศรัทธา
คาร์ล เซเกน เคยเล่าว่าเขาเสียพ่อแม่ตอนเด็ก เขามีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับพ่อแม่ จนเขาอยากจะเชื่อว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนสักแห่งที่เขาสามารถเชื่อมได้ เขายอมสละทุกอย่างเพื่อที่จะได้อยู่กับพ่อแม่สักห้านาทีต่อปี
ดังนั้นหากมีคนทรงเจ้าบอกว่า เขาสามารถเชื่อมกับพ่อแม่เราที่จากไปแล้วได้ เราอาจต้องการพบพ่อแม่มากเสียจนเรายอมเชื่อ โดยหลอกตัวเองว่ามันเป็นความจริง
การหลอกตัวเองทำให้สบายใจ
มนุษย์เรามีจิตใจอ่อน ต้องการที่พึ่ง จึงหันไปหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นอย่างนี้ทุกชาติทุกภาษา
มนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดมาพร้อมความกลัว เราต้องการกำลังใจ เราต้องการความปลอดภัย ทั้งทางกายและใจ จึงไม่แปลกที่คนทุกระดับ ไม่ว่ามีการศึกษาระดับไหน เชื่อเรื่องโหราศาสตร์
คาร์ล เซเกน กล่าวว่า ชีวิตมนุษย์สั้นแสนสั้นและไม่แน่นอน จึงดูเป็นสิ่งที่โหดร้ายเกินไปที่จะปิดกั้นคนไม่ให้ได้รับการปลอบโยนด้วยศรัทธา ในเมื่อวิทยาศาสตร์ไม่สามารถเยียวยาความเจ็บปวดของพวกเขา
แต่เราจะยอมหลอกตัวเองเพื่อให้สบายใจหรือว่ากล้าอยู่กับความจริง? เราจะเลือกชีวิตที่หลอกตัวเองไปเรื่อยๆ ด้วยความไม่รู้ไปได้นานเท่าใดก่อนที่ความฝันนั้นจะพังทลาย?
คนไทยเราโชคดีที่มีหลักพุทธอยู่ ซึ่งแก้ปัญหาทางใจได้ อย่างน้อยก็ในระดับหนึ่ง
1
หลักที่ว่าคืออริยสัจ 4 เมื่อเกิดทุกข์ ก็คนหาต้นเหตุของทุกข์นั้น แล้วใช้สติปัญญาแก้ที่ต้นเหตุ นี่คือวิธีคิดแบบวิทยาศาสตร์
การวิเคราะห์ตัวเอง สิ่งที่ตนเองทำ ผลที่ตามมา สิ่งที่ต้องการ ฯลฯ จึงสำคัญ และต้องทำต่อเนื่อง
ถ้าเราวิเคราะห์สถานการณ์แล้ว แก้ไม่ได้ หมอดูที่ไม่ใช่เราเอง จะแก้ได้อย่างไร อย่างมากก็เอายาชามาโปะแผลของเราให้ลืมความเจ็บชั่วคราว แต่แผลไม่หาย เราต้องเป็นคนรักษาแผลของเราเอง
การมองทุกอย่างในสเกลจักรวาลเปิดโลกทัศน์หลายเรื่อง โดยเฉพาะศาสนา
1
มีคนถาม คาร์ล เซเกน ว่าเขานับถือศาสนาอะไร
เซเกนตอบว่า เราต้องรับผิดชอบตัวเราเอง จะรอให้อำนาจเบื้องบนมาช่วยเราไม่ได้ แต่ถ้าหากมีอำนาจเบื้องบนจริง ก็ไม่เป็นไร เราก็ทำของเราแล้ว
1
เขาว่าคำว่าพระเจ้ากินความกว้าง บ้างหมายถึงคนแก่หนวดเคราขาวนั่งบนบัลลังก์บนท้องฟ้า หรือพระเจ้าของไอน์สไตน์ สปินโนซา ที่คือกฎจักรวาล หรือพระเจ้าที่สร้างจักรวาล แล้วรีไทร์หายไปที่อื่น
ศาสนาของเขาคือความจริง
ชีวิตเรามีความหมายไหม ถ้าไม่มีพระเจ้าหรืออำนาจข้างบน เราเหลืออะไร อยู่ด้วยตัวเอง
ดังนั้น “คุณเชื่อพระเจ้าไหม” เป็นคำถามที่ไร้ประโยชน์ ไม่ได้บอกอะไร มันเป็นแค่บทสนทนาของคนที่เจอกันเท่านั้น มันไม่ได้บอกความจริงอะไร
เราต้องการคำถามที่ชัดเจนกว่านี้
คำตอบก็คือความรู้
ความรู้เป็นเครื่องมือเดียวที่พาเราไปหาความจริง มันเปิดโลกทัศน์ เปิดประตูสู่ดินแดนใหม่ๆ
แม้ความรู้ที่มีอยู่ในโลกตอนนี้ยังไม่พอที่ทำให้เราตอบคำถามเรื่องความจริงทางศาสนาได้อย่างชัดเจน แต่เรารู้ว่ายังมีความรู้ใหม่ๆ ที่รอเราอยู่ วันหนึ่งข้างหน้าความรู้เหล่านั้นอาจเปลี่ยนมนุษยชาติและสรรพชีวิตในโลกในทางที่ดีขึ้น ถ้าเราไม่เลิกแสวงหาความรู้
และการแสวงหาความรู้ที่ดีที่สุดในตอนนี้คือ ด้วยตรรกะและหลักฐาน
เราเรียกการแสวงหาความรู้แบบนี้ว่าวิทยาศาสตร์
โลกเราไม่เคยปลอดคนเชื่อง่ายและคลั่งศาสนา ดังนั้นเราจึงมีลัทธิแปลกๆ ความเชื่อใหม่ๆ ปรากฏขึ้นตลอดเวลาไม่สิ้นสุด เรื่องแบบนี้น่าสนใจกว่าวิทยาศาสตร์ สนุกกว่าการใช้เหตุผลและหลักฐาน
จึงมีคนปฏิเสธหลักฐานที่อยู่ต่อหน้าเสมอ
แต่หากแกนหลักของศาสนาแข็งแรงจริง ก็ย่อมสามารถต้านการล้มล้างทางวิทยาศาสตร์ได้
ครั้งหนึ่ง คาร์ล เซเกน ถามทะไลลามะองค์ปัจจุบัน (องค์ที่ 14) ว่า “จะเกิดอะไรขึ้น หากหลักการความเชื่อของท่านถูกลบล้างด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์?”
องค์ทะไลลามะตอบว่า “งั้นพุทธศาสนาทิเบตก็คงต้องเปลี่ยนแปลง”
“แม้ว่าเป็นหลักใหญ่ อย่างเช่นการเวียนว่ายตายเกิดงั้นหรือ?”
“ใช่ แต่มันยากนะที่จะล้มล้างความจริงของการเกิดใหม่”
1
ประเด็นที่เซเกนว่าคือ ศาสนาที่มีฉนวนหุ้มห่อจากการล้มล้าง ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เพราะความคิดเรื่องที่ว่ามีผู้สร้างจักรวาลนั้นแสดงให้เห็นยากพอๆ กับการล้มล้าง
การหลอกตัวเองอาจทำให้สบายใจ การหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็อาจทำให้สบายใจ แต่ท้ายที่สุดมีแต่ความจริงที่ทำให้ใจของเราสงบ
2
6 บันทึก
37
1
5
6
37
1
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย