ผลกระทบจากแผ่นดินไหว 28 มีนาคม 2568 กับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในการประกันภัยไทย
16 เม.ย. 2025 8
แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 นับเป็นครั้งแรกที่กรุงเทพฯ และหลายจังหวัดทั่วประเทศรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างชัดเจน พร้อมกับความเสียหายที่เกิดขึ้นในวงกว้าง โดยเฉพาะกับอาคารสูงและทรัพย์สินประเภทต่างๆ
จำนวนการแจ้งเคลมที่หลั่งไหลเข้าสู่บริษัทประกันภัยสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมาก แม้ในขณะนี้เรายังไม่สามารถระบุตัวเลขความเสียหายทั้งหมดได้ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการสำรวจภัยและดำเนินการเรียกร้องค่าสินไหม แต่สิ่งหนึ่งที่สามารถคาดการณ์ได้แน่ชัดคือ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการประกันภัย โดยเฉพาะเรื่องความคุ้มครองภัยแผ่นดินไหว
เค.สตรองค์ อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ ขอสรุปมุมมองที่เราเชื่อว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอันใกล้ดังนี้:
1. วงเงินคุ้มครองภัยแผ่นดินไหวจะถูก “จำกัด” มากขึ้น
บริษัทประกันภัยหลายแห่งเริ่มทยอยประกาศ งดใช้แบบประกันภัยทรัพย์สินแบบแพ็กเกจเดิม และมีแนวโน้มว่าจะไม่คุ้มครองภัยแผ่นดินไหวแบบเต็มทุนอีกต่อไป โดยเฉพาะในกรมธรรม์แบบ All Risks หรือ IAR ซึ่งอาจปรับให้ ครอบคลุมเพียงบางส่วนของทุนประกัน เช่นเดียวกับภัยน้ำท่วมในปัจจุบัน
2. “Deductible” หรือความรับผิดส่วนแรกของผู้เอาประกันจะสูงขึ้น
โดยเฉพาะในอาคารสูง ผู้เอาประกันจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายเบื้องต้นด้วยตัวเองมากขึ้นก่อนที่บริษัทประกันจะเข้ามารับภาระต่อ เป็นการกระจายความเสี่ยงที่บริษัทประกันกำลังให้ความสำคัญมากขึ้น
3. ลูกค้าใหม่ที่เพิ่งสนใจประกันภัยแผ่นดินไหว อาจเจอ “กำแพงสูง”
ในช่วงนี้บริษัทประกันภัยจะเน้นการประเมินและเก็บข้อมูลจากความเสียหายที่เกิดขึ้นมากกว่าการรับลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะอาคารที่เสียหายรุนแรง การขอซื้อประกันที่รวมภัยแผ่นดินไหวจะไม่ใช่เรื่องง่าย ในระยะนี้
4. คอนโดมิเนียม และอาคารสูง จะถูกพิจารณาเข้มข้นยิ่งขึ้น
ในอดีต นิติบุคคลอาคารชุดมักขอให้ประกันภัยครอบคลุมถึงทรัพย์สินภายในห้องชุดด้วย ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมา ความเสียหายส่วนใหญ่มักเกิดที่ห้องชุดมากกว่าส่วนกลาง
เมื่อรวมกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ มีโอกาสสูงที่มูลค่าสินไหมจะเกินค่าเบี้ยที่บริษัทเคยได้รับ
ผลที่อาจเกิดขึ้น:
บริษัทประกันปรับเบี้ยขึ้นในการต่ออายุ
หรือในบางกรณีอาจ ไม่รับประกันต่อ หากพบว่าค่าสินไหมในปีนั้นสูงเกินความเสี่ยงที่บริษัทรับได้
5. ส่งผลโดยตรงต่อ “Reinsurance” หรือการประกันภัยต่อ
บริษัทประกันภัยในไทยทุกแห่งต้องต่อสัญญากับบริษัท Reinsurer จากต่างประเทศทุกสิ้นปี
ตัวเลขความเสียหายจากแผ่นดินไหวครั้งนี้จะถูกนำไปใช้ในการพิจารณาเงื่อนไขใหม่ เช่น
อัตราเบี้ยประกันภัย
ขอบเขตความคุ้มครอง
วงเงินสูงสุดที่สามารถรับประกันภัยแผ่นดินไหวได้
แนวโน้มเหล่านี้จะเริ่มชัดเจนมากขึ้น ในช่วงต้นปีหน้า เมื่อกระบวนการต่างๆ ถูกสรุปและนำไปสู่การเจรจากับ Reinsurer ทั่วโลก
เพื่อให้คุณสามารถวางแผนรับมือกับความเสี่ยงจากภัยแผ่นดินไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือคำแนะนำที่เราอยากฝากไว้:
ทบทวนความคุ้มครองในกรมธรรม์ของคุณทันที
ตรวจสอบว่าในกรมธรรม์ประกันภัยทรัพย์สินของคุณ มีการคุ้มครองภัยแผ่นดินไหวหรือไม่ และอยู่ในวงเงินเท่าไร
หากยังไม่มี ให้สอบถามตัวแทนหรือนายหน้าเพื่อปรับขยายความคุ้มครองโดยเร็ว
อย่ารอให้เกิดเหตุการณ์ก่อนค่อยทำประกัน
หลังเกิดเหตุใหญ่ บริษัทประกันอาจระงับการรับประกันชั่วคราว หรือปรับเบี้ยและเงื่อนไขให้เข้มงวดขึ้น การวางแผนล่วงหน้าจึงเป็นการลดความเสี่ยงที่ดีที่สุด
ให้ความสำคัญกับ “Deductible”
อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับความรับผิดส่วนแรก (Deductible) ให้เข้าใจ เพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่คุณต้องรับผิดชอบเองก่อนที่บริษัทประกันจะจ่าย
เก็บข้อมูลและประเมินทรัพย์สินของคุณ
จัดทำทะเบียนทรัพย์สินพร้อมถ่ายภาพไว้ และประเมินมูลค่าปัจจุบัน เพื่อให้การเคลมเป็นไปอย่างราบรื่นหากเกิดเหตุ
หมั่นติดตามข่าวสารจากบริษัทประกันภัย
เพราะสถานการณ์ยังไม่แน่นอน การติดตามความเคลื่อนไหว เช่น การเปลี่ยนแปลงแบบประกันภัย หรือการอัปเดตจากบริษัทประกันภัย/โบรคเกอร์ จะช่วยให้คุณไม่พลาดโอกาสในการปรับตัว
ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
หากไม่แน่ใจเรื่องแบบประกันภัยหรือเงื่อนไขต่างๆ อย่าลังเลที่จะขอคำแนะนำจากนายหน้าประกันภัยมืออาชีพที่มีประสบการณ์ เช่น เค.สตรองค์ อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ ที่พร้อมดูแลคุณอย่างใกล้ชิด
หากต้องการให้เราช่วย วิเคราะห์ความเสี่ยงทรัพย์สินของคุณ หรือประเมินความเหมาะสมของแบบประกันภัยในปัจจุบัน
สามารถติดต่อทีมงานของเราได้ตลอด เรายินดีให้คำปรึกษาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
เค.สตรองค์ อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ เราคือผู้เชี่ยวชาญและมีความรู้จริงเรื่องการประกันภัย เรามีบริการทั้ง
ติดต่อได้ที่
โทร 02-848-9858-9
Line ID : @k.strong
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
