กองทุนลดหย่อนภาษี ปี 2568 ลดหย่อนได้สูงสุดถึง 1.4 ล้านบาท
หลายคนคงพอจะทราบแล้วว่าปีนี้มีกองทุนลดหย่อนภาษีอีกประเภทหนี่งเพิ่มขึ้นมา และวงเงินลดหย่อนภาษีก็ไม่รวมกับกองทุนที่มีอยู่ด้วย จึงทำให้ในปีนี้เพื่อนๆ สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีผ่านกองทุนเหล่านี้ได้สูงสุดถึง 1,400,000 บาทเลยทีเดียว ใครที่รายได้สูงได้โอกาสลดหย่อนภาษีแบบจัดเต็มแล้ว
วันนี้เราจะมาสรุปรายละเอียดกองทุนลดหย่อนภาษีให้อีกครั้ง เพื่อนๆ จะได้เตรียมความพร้อมวางแผนภาษีปีนี้กันตั้งแต่เนิ่นๆ
ปีนี้มีกองทุนที่ใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ทั้งหมด 3 กองทุน ได้แก่
1. กองทุน RMF
2. กองทุน ThaiESG
3. กองทุน ThaiESGX
1. กองทุน RMF หรือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ
สิทธิประโยชน์ทางภาษี : ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้ สูงสุด 500,000 บาท และเมื่อรวมกับสิทธิเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ (กบข. / กองทุนสงเคราะห์ครูฯ / กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ / กองทุนการออมแห่งชาติ / ประกันชีวิตแบบบำนาญ) ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
ระยะเวลาการถือครอง : ต้องลงทุนอย่างน้อย 5 ปี นับจากวันที่ลงทุน โดยจะนับเฉพาะปีที่มีการซื้อหน่วยลงทุน ถือครองจนถึงอายุ 55 ปีบริบูรณ์ และต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี (หรือสามารถเว้นการซื้อได้ 1 ปี)
นโยบายลงทุน : ลงทุนได้ทุกประเภทสินทรัพย์ และทุกกองทุนไม่มีปันผล
2. กองทุน ThaiESG หรือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน
สิทธิประโยชน์ทางภาษี : ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้ และสูงสุด 300,000 บาท
ระยะเวลาการถือครอง : ต้องถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี นับจากวันที่ลงทุน (นับแบบวันชนวัน)
นโยบายลงทุน : ลงทุนในหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทย ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน (ESG) โดยคำนึงถึงการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV
โดยเงื่อนไขใหม่นี้ มีผลบังคับใช้ปี 2567 - 2569 ดังนั้น ใครที่ซื้อไว้เมื่อปี 2566 และซื้อหลังวันที่ 1 มกราคม 2570 เป็นต้นไป จะต้องใช้เงื่อนไขเดิม คือ ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้ สูงสุด 100,000 บาท และต้องถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 8 ปี นับจากวันที่ลงทุน
3. กองทุน ThaiESGX
เป็นกองทุนที่ออกมาพิเศษเฉพาะปี 2568 เท่านั้น เพื่อรองรับการสับเปลี่ยนจากกองทุน LTF และเงินลงทุนใหม่ โดยกองทุน ThaiESGX จะใช้หลักเกณฑ์เดียวกับกองทุน ThaiESG
สิทธิประโยชน์ทางภาษี :
- ส่วนที่ 1 : สำหรับเงินลงทุนใหม่ ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้ และสูงสุด 300,000 บาท
- ส่วนที่ 2 : สำหรับเงินจาก LTF โยกมา ThaiESGX ในปี 2568 ลดหย่อนได้ 300,000 บาท และอีก 4 ปีถัดไป ลดหย่อนได้ปีละ 50,000 บาท
ระยะเวลาลงทุน : วันที่ 1 พฤษภาคม - 30 มิถุนายน 2568 เท่านั้น
ระยะเวลาการถือครอง : ต้องถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแบบวันชนวัน
นโยบายลงทุน : ลงทุนในหุ้นไทย ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน (ESG) โดยคำนึงถึงการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV
สำหรับเงินลงทุนใน LTF ที่จะย้ายมาใน ThaiESGX นั้นจะต้องโอนย้ายมาทั้งหมดที่มี หากย้ายมาทั้งหมดแล้วเกิน 500,000 บาท ก็จะลดหย่อนได้สูงสุดแค่ 500,000 บาทเท่านั้น
ทั้งนี้ แต่ละกองทุนลดหย่อนภาษีมีรายละเอียดที่แตกต่างกันอยู่ อย่าลืมศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจลงทุน
รวมถึงปีนี้วงเงินลดหย่อนภาษีในกองทุนค่อยข้างสูง แต่เพื่อนๆ ไม่จำเป็นต้องซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีให้เต็มวงเงินก็ได้นะ แนะนำให้เลือกซื้อตามเป้าหมายของตนเอง และตามกำลังทรัพย์ที่มี จะได้ไม่กระทบกับแผนการเงินในอนาคต
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
