หากเราฟื้นคืนชีพแมมมอธมาด้วยการดัดแปลงยีนพันธุกรรมจะเป็นอย่างไร
จากซากลูกแมมมอธที่มีทั้งผิวหนัง เส้นขนเล็บของลูกแมมมอธ ที่ถูกแช่แข็งอยู่ในชั้นดินเยือกแข็งที่ละลายในภูมิภาคยาคุเทียอันห่างไกลของไซบีเรียในช่วงฤดูร้อนเป็นเวลาเก่าแก่ถึง 50,000ปี
ซากลูกแมมมอธจากไซบีเรียอายุ50,000ปี
จากการคาดการณ์แล้ว แมมมอธสามารถที่จะชุบชีวิตได้ เนื่องจากDNAของช้างเอเชียใกล้เคียงทางพันธุกรรมกับแมมมอธถึง 99.6% และระยะเวลาการสูญพันธ์ น้อยกว่าไดร์วูลฟ์ที่ห่างกันถึง6,000ปี โดยประมาณ
โดยที่แมมมอธตัวสุดท้ายที่สูญพันธ์จะมีระยะเวลาอยู่ที่3,700ปีก่อน ที่เกาะแรงเกลในทะเลอาร์ติก
กับไดร์วูลฟ์ที่เป็นสายหมาป่า สูญพันธ์เมื่อ10,000ปีก่อน ซึ่งตอนนี้Colossal ได้ทำการฟื้นคืนชีพขึ้นมา3ตัว ตอนนี้คาดว่าจะมีเพียงรูปลักษ์ภายนอกที่เหมือนกับไดร์ฟวูฟเป็นอย่างมาก จึงถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ มากพอที่จะสร้างความตื่นเต้นให้แก่นักวิทยาศาสตร์และผู้คนหลากหลายที่ให้ความสนใจในเรื่องเหล่านี้
ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่เราจะสามารถเห็นสัตว์ในดึกดำบรรพ์เมื่อ10,000ปีก่อนได้มากกว่า1สายพันธ์ ในอนาคต
เนื่องจากเหตุผลที่ว่าช้างแมมมอธกับช้างเอเชียจะมีความใกล้เคียงทางพันธุกรรมถึง 99.6% แต่อาจจะยังหาแม่อุ้มบุญที่เหมาะสมไม่ได้จึงเกิดการล่าช้าก็เป็นได้ แล้วยังเป็นซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ยากมากและยังไม่สมบูรณ์
ทุกคนคิดไหมว่าถ้าหากแมมมอธฟื้นคืนชีพมา แมมมอธจะอยู่ได้ไหมในสภาพแวดล้อมที่ต่างจากยุคน้ำแข็งหรือยุคสมัยที่แมมมอธเคยอยู่?
แมมมอธจำลอง
เนื่องจากแมมมอธเป็นสัตว์ในยุคน้ำแข็งและมีขนปกครุมทั่วตัว ถึงจะไม่ใช่แค่สายพันธุ์เดียวแต่ด้วยความต่างของอุณหภูมิในปัจจุบันจะทำให้แมมมอธสูญพันธุ์อีกหรือไม่?
หรือวิวัฒนาการและปรับสภาพอากาศย้ายถิ่นฐานและมีความคล้ายกับช้างเอเชียอย่างมากแต่ต่างกันที่แมมมอธจะมีตัวที่ใหญ่กว่าและงายาวกว่า?
เนื่องจากแมมมอธนั้นอาจจะวิวัฒนาการให้ตัวเองไม่มีขนและอยู่กับช้างเอเชียทั่วไปได้ ด้วยความที่ว่าตัวใหญ่และมีขนหนางายาว
ขนาดของแมมมอธอาจจะมีขนาดที่เล็กลงกับขนมีบางลงมากขึ้นหลายเท่าเพื่อปรับให้เข้ากับพื้นที่ลุ่มแม่น้ำหรือสภาพแวดล้อมรอบข้าง เพื่อคล้ายความร้อน และอยู่กับช้างขนาดปัจจุบันได้อย่างไม่มีปัญหา
การฟื้นของแมมมอธอาจต้องจำกัดพื้นที่ในเขตควบคุมอุณหภูมิ แมมมอธกลุ่มแรกที่ฟื้นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์แบบ แล้วมีขนหนาเต็มตัว มีความเป็นไปได้สูงมากว่า กลุ่มนี้หากปล่อยสู่ธรรมชาติ ปัจจุบันแมมมอธเหล่านี้จะตายมากจนอาจเหลือเพียง1ตัว จากที่ฟื้นมา4ตัวก็เป็นได้
งาอาจกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความสวยงามของแมมมอธ เพื่อความสวยงามอาจจะมีการแข่งขันภายในฟูงเพื่อให้สาวตัวเมียสนใจงาของตน แต่ถ้าอยู่ในป่าแทนพื้นที่โล่งของดินแดนน้ำแข็ง สำหรับพวกมัน งาคงเป็นอุปกรณ์สำหรับบ้างอย่างเพื่อชีวิตประจำวัน หลังจากที่ได้คู่ครองของตนหรือหลังจากที่มีงายาวขึ้นทุกๆ10ปี บางสายพันธ์อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นได้ว่าจะมีการพลัดงาออกเพื่อใช่ชีวิตได้สะดวกมากขึ้น เช่นเดียวกับกวางที่มีการพลัดเขาทิ้ง
แมมมอธกับช้างเอเชียมีความเป็นไปได้ที่จะแบ่งอณาเขตเป็นของตน เพื่อไม่ให้ลุกลามพื้นที่ของกันและกัน ช้างเอเชียกับแมมมอธไม่สามารถที่จะผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ได้ด้วย ความที่ต่างสายพันธุ์เกินไป
มีการปรับระบบหายใจให้เข้ากับสภาพแวดล้อมมากขึ้น
ช้างเอเชียกับช้างแมมมอธบางสายพันธ์อาจจะมีการอยู่ด้วยกันตามพื้นที่ต่างๆ โดยนักวิทยาศาสตร์จะให้แมมมอธอาศัยอยู่ไซบีเรียก็เป็นได้
แต่นี้เป็นเพียงการสันนิฐานที่ถ้าหากว่าแมมมอธฟื้นคืนชีพขึ้นมาในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน ซึ่งอาจจะไม่สามารถอยู่ได้แล้ววิวัฒนาการเพื่อความอยู่รอดของตนเอง
แต่ก็มีเงื่อนไขว่าการวิวัฒนาการของสัตว์แต่ละชนิด ไม่ว่าจะเป็นยุคน้ำแข็ง,ยุคครีเทเชียสหรือมหายุคมีไซโซอิก ก็ตาม ซึ่งเห็นได้ชัดว่ายุคเหล่านี้มีวิวัฒนาการที่ต่างกันออกไป
ซึ่งอาจมีระยะเวลาวิวัฒนาการของสัตว์ตัวใหญ่อย่างแมมมอธ โดยประมาณ1,000ปี
ดังนั้น นักวิทยาศาสตร์อาจจะมีการปรับแต่งยีนขึ้นมา เพื่อให้แมมมอธวิวัฒธนาการมากขึ้นด้วยการ “ช่วยเร่ง” โดยพันธุวิศวกรรม ที่ทันสมัยและมีเทคโนโลยีมากพอนั้นเอง
อย่างไรก็ตามนี้เป็นเพียงการคาดการณ์ ไม่ใช่ข้อเท็จจริงแต่อย่างใด นี้เป็นเพียงข้อคิดเห็นโดยรวมจากเราเท่านั้น หากมีข้อมูลผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วย
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
