17 เม.ย. เวลา 11:30 • ไลฟ์สไตล์

“เงินเป็นปัจจัยสำคัญในการอยู่รอดบนโลกใบ แต่ว่าเงินไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง”

คริส หอวัง กับบทเรียนที่คนหาเงินเองได้ทุกคนควรอ่าน
ถ้าพูดถึง คริส หอวัง หลายคนอาจนึกถึงดาราหญิงสายแฟฯ ที่ดูพร้อมทุกองศา ทั้งรูปร่าง บุคลิก ไลฟ์สไตล์ หรือแม้แต่ความสามารถที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง พิธีกร ดีเจ หรือแม้แต่เจ้าของค่ายบันเทิงเล็ก ๆ ของตัวเอง
แต่ภายใต้ภาพลักษณ์ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและพลังงานที่ล้นเหลือนั้น ชีวิตของคุณคริส หอวัง ก็ไม่ต่างจากคนทั่วไป ที่มีทั้งช่วงที่ผิดพลาด หลุดโฟกัส และเรียนรู้เรื่องเงินผ่านประสบการณ์จริงที่เจ็บจริงไม่ต่างกับใครหลายๆ คน
ซึ่งวันนี้ aomMONEY ขอหยิบมาแบ่งปันให้ทุกคนได้เรียนรู้ไปพร้อมกัน
[ ที่มาที่ไป ใครคือ คริส หอวัง 👩 ]
คริส หรือ ศิริน หอวัง จบการศึกษาจากโรงเรียนศิลปะแมสซาชูเซตส์ (Walnut Hill School for the Arts, Massachusetts) และต่อยอดด้านศิลปะต่อที่ California Institute of the Arts ประเทศสหรัฐอเมริกา
คุณคริส เล่าผ่านรายการต่างๆ อยู่เสมอว่าตั้งแต่ยังเล็ก เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ชื่นชอบในการเต้นบัลเลต์ตั้งแต่อายุเพียง 5 ขวบ จนคุณพ่อคุณแม่ส่งไปเรียนเฉพาะทางในต่างประเทศ
คุณคริสมีน้องสาวที่หลายๆ คนรู้จักกันดี “คุณพลอย หอวัง” แฟชั่นนิสต้าชื่อดังของไทย หลายคนมักจะเข้าใจผิดว่า คริส หอวัง เป็นเจ้าของโรงเรียนหอวังจนต้องออกมาให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่าไม่ได้เป็นอะไรกับโรงเรียนหอวัง เพียงแค่มีนามสกุลนี้เฉยๆ
คุณคริสเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง โดยเริ่มจากรับงานถ่ายโฆษณา และมีโอกาสเป็นดีเจประจำคลื่น 104.5 แฟตเรดิโอ ควบคู่กับการสอนเต้นรำที่ International School Bangkok (ISB) และยังเป็นพิธีกรในช่องเคเบิลทีวี นอกจากนี้คริสยังมีผลงานอื่น ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ถ่ายแบบ เดินแบบ มิวสิกวิดีโอ พรีเซนเตอร์ ละคร ภาพยนตร์ และเรื่องที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักคือ รถไฟฟ้ามาหานะเธอ
ปัจจุบันคุณคริสเป็นนักแสดงอิสระ และเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยรังสิต และมักจะเป็นไวรัลบ่อยๆ จากคอนเทนต์อัปเดตไลฟ์สไตล์ผ่าน Tiktok ส่วนตัว @crishorwangtiktok และมี Vlog ในยูทูปช่อง @HorwangSistersClub
[ 💳 เงินเดือน 30,000 กับหนี้บัตรเครดิต 500,000 ]
ในพอดแคสต์ #PodCode รายการของคุณโค้ดดี้ คุณคริสเคยเล่าว่า ตอนอายุ 22 ปี เป็นช่วงที่เธอเริ่มต้นทำงานจริงจัง และได้เงินเดือนประมาณ 30,000 บาท ซึ่งถือว่าเยอะมากสำหรับช่วงเวลานั้น เธอรู้สึกภูมิใจและดีใจที่เริ่มมีรายได้ของตัวเอง
แต่เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องการจัดการเงิน คุณคริสเริ่มใช้บัตรเครดิตอย่างสบายใจ รูดใช้เรื่อยๆ และจ่ายแค่ “ขั้นต่ำ” โดยไม่ได้สนใจว่าหนี้จะสะสมทบต้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อเธอหยิบใบแจ้งหนี้ขึ้นมาดูจริงจัง เธอก็พบว่า ตัวเองติดหนี้บัตรเครดิตกว่า 500,000 บาท
“เราโทรหาธนาคาร แล้วก็ตกใจมากว่าเราติดหนี้อยู่ห้าแสน…เพราะจ่ายแต่ขั้นต่ำ ทบไปทบมา” – คริสเล่าในพอดแคสต์
นั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้เธอเริ่มเข้าใจว่า ความไม่รู้ในเรื่องการเงิน อาจมีราคาที่ต้องจ่ายแพงกว่าที่เราคิด และเธอก็เลือกหาเงินทั้งหมดมา “จ่ายทุกบาท” ให้หมด เพื่อจบหนี้ก้อนนั้นในทันที พร้อมบอกกับตัวเองว่า จะไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก
[ บทเรียนจากเงิน และมุมมองชีวิตที่สำคัญกว่าเงินในบัญชี 💡 ]
1. “เงิน” ไม่ได้เป็นตัวแทนของ “ความสุข” เสมอไป
“เงินช่วยได้หลายอย่าง แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง” คุณคริสมักจะพูดให้สัมภาษณ์อยู่เสมอๆ
นั่นเพราะคุณคริสเข้าใจว่าเงินเป็นปัจจัยสำคัญในการอยู่รอดบนโลกใบ แต่ว่าเงินไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง คนที่บอกว่าตัวเองจนมากเลยอาจจะมีความสุขมากกว่าคริสก็ได้ เพราะเงินเยอะไม่ได้แปลว่าสุขมาก เพราะบางทีแค่การได้กินข้าวอร่อยๆ ก็ทำให้เรามีความสุขได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นอาหารหรูหราราคาแพง
2. Say Yes กับโอกาส และรับผิดชอบในทุกบทบาทให้ดีที่สุด
แม้วันนี้หลายคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาคุณคริสเป็นอย่างดี แต่รู้ไหมว่ากว่าที่คุณคริสจะเข้ามาสู่วงการบันเทิงเต็มตัว คุณคริสทำงานเป็นครูที่ ISB จนอายุ 31 ปี คุณคริสบอกว่าชีวิตของเธอก็มีทั้งช่วงที่ต้องล้มลุกคลุกคลาน ก้าวไปข้างหน้า อยู่กับที่ อย่างที่ทุกคนเห็น ทั้งหมดนั้นเต็มไปด้วยโอกาสที่เธอได้รับมา มันก็มีทั้งสิ่งที่เธออยากทำและไม่อยากทำ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ “ถ้ารับมาแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้คนที่เชื่อในตัวเรา”
คุณคริสบอกว่า ไม่ว่าจะใครก็แล้วแต่ถ้ามีโอกาสใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการได้ไปทำงานหรือการได้ไปคุยกับใครก็ให้ลองรับโอกาสนั้นดู
“ชีวิตจะกลิ้งคริสไปไหนไม่รู้ แต่คริสเลือกที่จะ Say Yes กับมัน” – ให้สัมภาษณ์กับ The People
3. รายได้หลายทาง แต่ชัดเจนในเป้าหมาย
แม้ในช่วงที่ทำงานเป็นครูประจำ เธอก็ยังรับงานอื่นควบคู่ ไม่ว่าจะเป็นพิธีกร ถ่ายแบบ หรือแม้แต่โฆษณา รายได้เสริมเหล่านี้แน่นอนว่ามันทำให้เธอมีรายได้หลายทาง และจริงๆ แล้วมันยังต่อยอดมาถึงปัจจุบัน
ในปัจจุบัน คุณคริสเป็นทั้งเจ้าของธุรกิจบันเทิงของตัวเอง มีแบรนด์และโปรเจกต์ที่ทำร่วมกับน้องสาว ผ่านช่องยูทูป “Horwang Sisters Club” และยังอัปเดตไลฟ์สไตล์ผ่าน TikTok ส่วนตัวอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นช่องทางที่ต่อยอดจากตัวตนและความสามารถของเธอเอง
4. เรียนรู้ที่จะเป็นผู้ให้ที่ดีขึ้น
ครั้งหนึ่งคุณคริสเล่าว่า ตอนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจฟองสบู่แตก เธอเรียนอยู่ที่บอสตัน รอบๆ ตัวเธอเป็นลูกนักธุรกิจ ส่วนตัวเธอที่บ้านมีโรงงานเสื้อผ้าแต่ไม่ถึงขั้นเพื่อนๆ ในตอนนั้นเธอก็ใช้ชีวิตเหมือนกับเพื่อนๆ และไม่อยากรู้สึกแตกต่าง และแน่นอน…ไม่อยากให้พ่อแม่ต้องบอกว่า “ห้ามไป” หรือ “ไม่ให้ใช้เงินเลย”
ด้วยความที่ไม่รู้ว่าเศรษฐกิจแย่แค่ไหน แม้เธอจะไม่ได้ฟุ่มเฟือย แต่การใช้เงิน “เท่าเดิม” กับคนที่ “มีมากกว่า” กลับสร้างภาระให้พ่อแม่อย่างเงียบๆ คุณคริสบอกว่า นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้พ่อแม่เสียใจ
จนวันที่โตขึ้น หาเงินได้เอง จึงเริ่มเข้าใจว่าเงินทุกบาทที่เราเคยใช้ อาจแลกมากับความเหนื่อย ความกังวล และน้ำตาของคนที่รักเรา เมื่อหาเงินได้เองเธอก็เลยเอาเงินตรงนี้มาช่วยพ่อแม่ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เพื่อใช้คืนเขาบ้าง เพราะตอนนั้นเขาลำบากเพื่อเธอ
5. พร้อมสำหรับอนาคต เพราะวางแผนมาแล้ว
คุณคริสบอกว่า เมื่อเราเริ่มเข้าใจตัวเอง เราจะรู้ว่าต้องการอะไรจากชีวิต และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการวางแผนสำหรับอนาคต คุณคริสเล่ากับ The People ไว้ว่า “คริสพยายามปูพื้นฐานปัจจัยที่เราจำเป็นต้องใช้เพื่ออยู่บนโลก”
เช่น มีเงินให้เพียงพอที่เราจะใช้ไลฟ์สไตล์แบบที่เราชอบ อยากมีความสุขในเรื่องความรักแบบไหนเราก็ทำตัวให้เหมาะสมเพื่อที่จะได้ความสัมพันธ์แบบนั้น สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนเบาะรองถ้าเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้นในอนาคต
📍 บทสรุป: ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า การวางแผนการเงินไม่ใช่แค่การเก็บเงินเยอะ ๆ แต่คือการเตรียมชีวิตให้พร้อมอยู่ในแบบที่เราชอบ โดยไม่ต้องเป็นภาระของใคร และยังสามารถดูแลตัวเองได้ในระยะยาว
#aomMONEY #คริสหอวัง #คนดังกับการเงิน #บทเรียนการเงินคนดัง
โฆษณา