18 เม.ย. เวลา 15:28 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

Team Autonomy ในยุค AI - เมื่อกระบวนการเดิมๆ เริ่มใช้ไม่ได้

(การเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งแต่ยังไม่ค่อยมีคนพูดถึงแบบจริงจัง)
ในวันที่องค์กรต่างตื่นตัวกับความสามารถของ AI ทั้ง “การเขียนโค้ด สรุปประชุม หรือออกแบบผลิตภัณฑ์” หลายคนมองว่า AI คือ “ตัวช่วย” หรือ “เร่งสปีด” งานให้ทีมทำงานไวขึ้น
แต่น้อยคนนักที่จะพูดถึงมิติที่ลึกซึ้งกว่านั้น นั่นคือ “AI กำลังเปลี่ยนความหมายของคำว่า ทีมอิสระ ไปตลอดกาล”
เพราะในอดีต ต่อให้ทีมได้รับ “อำนาจ” จากผู้บริหารมากแค่ไหน ถ้าขาดความสามารถในการลงมือได้เอง (เช่น ต้องรอทีมอื่นแก้โค้ด / ขอข้อมูลจากแหล่งอื่น / รอขั้นตอนอนุมัติหลายขั้น) ก็ยังถือว่าเป็น ทีมที่ไม่อิสระ
แต่ในยุคนี้ AI กำลังค่อย ๆ ปลดล็อกข้อจำกัดเหล่านั้น ทีละอย่าง ผมจะเล่าให้ฟังเรื่อยๆ (จะมีบทความออกมาเรื่อยๆ)
===
อำนาจ (Empowerment) vs ความเป็นอิสระ (Autonomy) ต่างกันอย่างไร?
ในโลกของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ “อำนาจ” หมายถึงสิทธิในการตัดสินใจ เช่น ทีมเลือกได้ว่าจะใช้ฟีเจอร์ไหน ไปเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มใด หรือออกแบบ UX แบบไหนเพื่อให้ตอบโจทย์เป้าหมาย
แต่ “ความเป็นอิสระ” คือ ความสามารถในการลงมือทำเองได้โดยไม่ต้องรอคนอื่น เช่น มีโค้ดเบสเข้าถึงได้ มีระบบทดสอบของตัวเอง มี data pipeline ที่ไม่ต้องขอจากฝ่ายอื่น
“ทีมที่มีอำนาจ แต่ไม่มีความเป็นอิสระ = ทีมที่มีไอเดีย แต่ทำอะไรไม่ได้”
และนี่คือสิ่งที่ AI เริ่มเข้ามาเปลี่ยน pains นี้
===
AI = “ตัวเร่งที่ทำให้ทีมอิสระจริง ไม่ใช่แค่มีอำนาจตามผังองค์กร”
หลายองค์กรระดับโลกเริ่มนำ AI มาใช้ไม่ใช่แค่เพื่อเร่งงาน แต่เพื่อลด “จุดติดคอ” ระหว่างทีม เช่น
• AI ช่วยวิเคราะห์โค้ดเก่า (legacy code) ที่ไม่มีคนดูแล เช่น GitHub Copilot / CodeWhisperer ทำให้ทีมใหม่สามารถเข้าใจและแก้ไขโค้ดได้โดยไม่ต้องรอทีมเก่า
• AI ช่วยทำ test case / refactor code อัตโนมัติ เช่น Amazon ใช้ AI ตรวจหาจุดเปราะบางในระบบก่อน deploy ได้อย่างแม่นยำ
• AI ช่วยเข้าถึงข้อมูลที่กระจัดกระจาย โดยไม่ต้องรอ BI Developer มาทำ dashboard เช่น Looker, Power BI + Copilot ให้ เป็นต้น
ทั้งหมดนี้นำไปสู่สิ่งเดียวคือ ความเป็นอิสระที่มากขึ้น อย่างแท้จริง — โดยเฉพาะในองค์กรขนาดใหญ่ที่ปกติต้องขอผ่านหลายทีม หลายขั้นตอน
===
AI กำลังทำให้ “กระบวนการทำงานเดิม” เริ่มไม่เป็นไปตามกติกาอีกต่อไป (Process เดิมที่เคย work เริ่มไม่ work ไม่มีประสิทธิภาพ หรือชักช้าไม่ทันใจ)
ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการที่แตกจาก Agile ในแบบต่างๆ (Scrum, Kanban etc.) หรือแม้แต่ Waterfall—all these frameworks were designed with the assumption that people do all the thinking, planning, and executing….
แต่วันนี้ เมื่อ AI สามารถทำงานจำนวนมากแบบอัตโนมัติ ไม่รอรอบ sprint ไม่ต้อง daily standup ไม่ต้อง backlog grooming?
====
คำถามใหม่จึงเกิดขึ้นว่า: “เรายังต้องทำอะไรแบบ Agile ที่ถูกฝึกมาอยู่หรือเปล่า?”
“หลายทีมเริ่ม “ไม่ใช้ Scrum” แบบเป็นทางการอีกต่อไป แต่ปรับให้ flexible ขึ้น โดยให้ AI สร้าง task / ทำ summary / จัด backlog ตามบริบทที่เปลี่ยนได้ทุกวัน”
“บางองค์กรไม่รอ retrospective เป็นรอบ ๆ แต่ใช้ AI วิเคราะห์ feedback ทุกวัน แล้วปรับ process ทันทีแบบ near real-time”
“หลายบริษัทเริ่มทดสอบ “agile ที่ไม่มี sprint” และวัด productivity จาก outcome มากกว่า framework”
สิ่งเหล่านี้บ่งชี้ว่า การทำงานในยุค AI ต้อง “ยืดหยุ่นมากกว่ากรอบ” และผู้นำต้องกล้า “ออกแบบใหม่ทั้งระบบ” แทนที่จะยึดตาม process แบบ checklist
===
ทีมที่อิสระด้วย AI จะไม่แค่เร็วขึ้น… แต่จะ “หงุดหงิดน้อยลง” และ “คิดเป็นระบบมากขึ้น”
งานวิจัยจาก McKinsey ชี้ว่า “ทีมที่ใช้ AI เสริม workflow จะมี productivity สูงขึ้นกว่า 30–40% และสามารถ reskill ทักษะใหม่ให้พนักงานได้เร็วขึ้น 2 เท่า เมื่อเทียบกับทีมที่ยังทำแบบ manual”
แต่อย่างที่หลายองค์กรเริ่มเรียนรู้ ความเร็วไม่ใช่ทุกอย่าง ความหงุดหงิดในทีมที่รู้ว่าตัวเอง “ทำได้ แต่ติดแค่เรื่องเดียว” มักเป็นปัญหาที่บั่นทอนคุณภาพระยะยาว
AI ที่ออกแบบให้ใช้ได้กับคนในทีม จึงเป็นตัวเร่งที่มีคุณค่าทางจิตวิทยา (และวัฒนธรรมองค์กร) สูงกว่าที่หลายคนคาดคิด
===
ข้อดีใหม่ แต่ความท้าทายก็ใหม่ตามมา
เช่น ปัญหาจะเกิดเมื่อทีมสามารถ “แก้โค้ดเอง” ได้แม้จะเป็นของทีมอื่น หรือ “ดึงข้อมูล” เองได้แม้ไม่ได้รับอนุญาตจากระบบกลาง คำถามใหม่ ๆ ก็จะเกิดขึ้น เช่น
• ใครเป็นเจ้าของความรับผิดชอบ เมื่อเกิด bug หรือ downtime?
• ใครเป็นคนอนุมัติการ deploy เมื่อ AI ทำ automation ทั้งหมด?
• จะรักษาความปลอดภัยของข้อมูลได้อย่างไร เมื่อใครก็เข้าถึง AI ได้?
องค์กรที่ก้าวหน้าในประเด็นนี้ เริ่มสร้างสิ่งใหม่ที่เรียกว่า AI Governance Playbook หรือ Autonomy Guardrail เพื่อออกแบบ “รั้ว” ของความเป็นอิสระที่ปลอดภัยและเป็นระบบ
===
ดังนั้น ความเป็นอิสระในทีม = “พลังที่ต้องออกแบบ”
AI กำลังทำให้คำว่า “ทีมที่อิสระ” ไม่ใช่แค่ฝันอีกต่อไป แต่ในขณะเดียวกัน องค์กรก็ต้องเรียนรู้ที่จะ “ออกแบบความอิสระ” ให้ไม่กลายเป็น “ความวุ่นวาย โกลาหล” (Chaos)
“เพราะทีมที่มีอำนาจ + ความอิสระ + เครื่องมือที่เข้าใจง่าย จะกลายเป็นทีมที่ คิดไว ลงมือไว และเรียนรู้ไว กว่าคู่แข่งอย่างชัดเจน”
และนั่นคือ “เป้าหมายใหม่ของการจัดโครงสร้างทีม” ในยุคที่ไม่ใช่แค่คน แต่ยังมี AI อยู่ข้างๆ เรา
แหล่งอ้างอิง
#วันละเรื่องสองเรื่อง
โฆษณา