19 เม.ย. เวลา 01:02 • หุ้น & เศรษฐกิจ

⚠️ “สีทนได้” แต่ “ประชาชนไม่ทนแล้ว?” หลังการประท้วงพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์

👉🏻 การประท้วงเพิ่มขึ้น: ในไตรมาสที่ 4 (ของปี 2024) การประท้วงที่เกิดจากความไม่พอใจด้านการเงินและปัญหาปากท้องในจีน นับเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ถือเป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 3 เดือนนับตั้งแต่ Freedom House (ผ่านหน่วยงาน China Dissent Monitor) เริ่มบันทึกข้อมูลในปี 2022
👉🏻 เกิดก่อนสงครามการค้าครั้งใหม่: การประท้วงที่เพิ่มขึ้นนี้เกิดขึ้น ก่อน ที่สหรัฐฯ ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับมาทำสงครามการค้ากับจีนอีกครั้ง และขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอย่างหนัก ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อตำแหน่งงานหลายล้านตำแหน่ง
👉🏻 สวนทางตัวเลข GDP: น่าสังเกตว่าการประท้วงพุ่งสูงขึ้น แม้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าว เศรษฐกิจจีน (GDP) จะเติบโตเร็วที่สุดในรอบ 6 ไตรมาสก็ตาม ซึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลปักกิ่ง
⚠️ สาเหตุหลัก: การประท้วงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่สิ้นสุดมาตรการโควิดที่เข้มงวดในปี 2022 เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อ อัตราการว่างงานของเยาวชนที่สูงขึ้น วิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ ข้อพิพาทเรื่องค่าจ้าง และความล่าช้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ
‼️ ความกังวลเพิ่มขึ้นจากภาษี: คาดว่าความไม่พอใจทางเศรษฐกิจจะเพิ่มสูงขึ้นอีกเมื่อมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐฯ เริ่มมีผลบังคับใช้ ทำให้เกิดความกังวลเรื่องตำแหน่งงาน การเติบโตของรายได้ และการสูญเสียจากการลงทุน
1
🔻ความเชื่อมั่นผู้บริโภคตกต่ำ: ผลสำรวจล่าสุดโดย Morgan Stanley (หลังการขึ้นภาษีรอบล่าสุด) พบว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวจีนต่อเศรษฐกิจตกต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 โดย 44% ของผู้บริโภคกลัวว่าตนเองหรือสมาชิกในครอบครัวอาจตกงาน
1
🔻ตลาดแรงงานอ่อนแอ: ข้อมูลจาก QuantCube Technology แสดงให้เห็นว่าจำนวนตำแหน่งงานว่างลดลงเกือบ 30% ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา (ต้นปี 2025) เทียบกับปีก่อนหน้า บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานอ่อนแออยู่แล้ว ก่อน ที่จะได้รับผลกระทบจากกำแพงภาษี Goldman Sachs ประเมินว่าแรงงานจีนราว 20 ล้านคน (หรือประมาณ 3% ของแรงงานทั้งหมด) อาจได้รับผลกระทบจากการส่งออกไปสหรัฐฯ
✅ การจับตาของรัฐบาล: แม้ความไม่สงบทางสังคมยังไม่เป็นภัยคุกคามต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน แต่ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะอาจเป็นตัวกระตุ้นให้ต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
⚠️ การติดตามข้อมูลยากขึ้น: การติดตามสถานการณ์การประท้วงในอนาคตอาจทำได้ยากขึ้น เนื่องจากหน่วยงาน China Dissent Monitor ของ Freedom House ถูกตัดงบประมาณสนับสนุนจาก USAID โดยรัฐบาลทรัมป์
🎯สรุปและความเห็นส่วนตัว
การประท้วงทางเศรษฐกิจในจีนเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงปลายปี 2024 จากปัญหาภายในที่สะสมมา และสถานการณ์มีแนวโน้มตึงเครียดมากขึ้นจากผลกระทบของสงครามการค้ารอบใหม่กับสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นและตลาดแรงงานอย่างชัดเจนค่ะ
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า แม้รัฐบาลจีนจะบอกว่าคนจีนทนได้ แต่ประชาชนอาจจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็ได้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้สถานการณ์ยังควบคุมได้อยู่ (เพราะเป็นคอมมิวนิสต์) แต่ในอนาคตไม่รู้เหมือนกัน เพราะเดี๋ยวนี้การปิดกั้นและปกปิดต่างๆ ทำได้ยากขึ้น แม้ว่ารัฐบาลจีนจะเก่งเรื่องทำ Propaganda อยู่ก็ตาม
น่าสนใจมากๆ ว่าระหว่างสหรัฐฯ และ จีน ใครจะทนได้นานกว่ากัน 🤔
โฆษณา