ร้านหนังสือมัน Never Die !!
วันก่อนมีเพจร้านหนังสืออิสระเด้งขึ้นมา ชื่อ "ร้านหนังสือเล็ก ๆ : สารภี เชียงใหม่" ผมจึงคลิกเข้าไปดูข้อมูลเบื้องต้น ร้านเปิดได้ 30 ปี เริ่มที่ถนนพระอาทิตย์ กทม. ก่อนย้ายไปสงขลา และมาเปิดที่เชียงใหม่ได้ 2 ปี มีบทสัมภาษณ์เจ้าของร้านลงในคอลัมภ์ The Cloud
ไม่ธรรมดา ต้องไม่ธรรมดา แน่ ๆ !!
ร้านเน้นขายหนังสือวรรณกรรม อาจมีแบบฮาวทูที่ไม่วิชาการมากปนอยู่ มีหนังสือสำหรับเด็ก มีมุมนั่งหลายจุดในร้าน และยังขายเครื่องดื่มพวกชา กาแฟ นิดหน่อย สอบถามในเพจวันสงกรานต์แบบนี้ร้านยังเปิดอยู่
ผมเลยตัดสินใจไป !!
พอไปถึงไม่น่าเชื่อน่ะครับ !! ร้านตั้งอยู่ในซอยเล็ก ๆ ตรงข้าม รร.สารภีพิทยาคม เป็นเหมือนบ้านที่เปิดร้านหนังสือ ลูกค้าต้องเป็นคนที่ตั้งใจมาจริง ๆ เพราะไม่ได้อยู่ในแหล่งท่องเที่ยว หรือสถานที่ที่มีปัจจัยอื่นเกื้อหนุน
ภายในร้านบรรยากาศดีมาก จัดมุมหนังสือสวยงาม แยกหมวดหมู่ชัดเจน ทุกตู้เปิดดูได้ หนังสือจะแกะซีลเป็นตัวอย่างให้ลูกค้าทดลองอ่าน เมื่อตัดสินใจซื้อก็หยิบเล่มที่ซีลไป ผมว่าพวกนักอ่านขลุกตัวอยู่ได้ทั้งวัน มันเป็นบรรยากาศที่ใฝ่ฝัน เพราะบางคนอยากมีร้านหนังสือ หรือห้องสมุดส่วนตัวอะไรประมาณนั้น
บรรยากาศแบบนี้ พวกนักอ่านเท่านั้นที่เข้าใจ !!
พี่ที่เป็นเจ้าของร้านจะดูแลห่าง ๆ ไม่มาเดินกดดันแบบกลัวลูกค้าขโมยหรือทำหนังสือพัง แต่เมื่อสอบถามก็ให้ข้อมูลตลอด พร้อมกับแนะนำตามความต้องการ หนังสือประเภทไหน เล่มไหน แกเข้าไปหยิบมาให้ดูทุกเล่ม จำจุดที่เก็บได้หมด พี่เจ้าของร้านคงเป็นคนรักหนังสือมาก
ผมอยู่ร้านประมาณ 2 ชม. มีลูกค้ามา 5-6 คน ส่วนใหญ่มาเลือกหนังสือนั่งอ่านมุมต่าง ๆ มีถ่ายรูปเล็กน้อย ผมได้พูดคุยกับเจ้าของร้านแกบอกว่าร้านอยู่ด้วยการขายหนังสืออย่างเดียวไม่พอ ต้องมีอย่างอื่นสนับสนุน ตัวแกเองเขียนวรรณกรรมด้วย ลูกค้าส่วนใหญ่มาจากที่อื่น วันหยุดยาวเลยต้องเปิด คนแถวนี้ไม่เข้าร้านหนังสือเท่าไหร่
พูดคุยซักพักลูกค้าก็มาถามหาหนังสือประเภทต่าง ๆ พี่แกก็กุลีกุจอไปหยิบให้พร้อมแนะนำรายละเอียดต่าง ๆ แต่ผมสังเกตลูกค้าที่เข้ามาตัดสินใจซื้อหมด ตัวผมเองก็เช่นกัน สำหรับประเภทหนังสือ ถ้าสายวรรณกรรมต้องร้านนี้เลย มีแบบออนไลน์สั่งผ่านเพจได้เลย ถ้าเทียบราคาหน้าร้านอาจแพงกว่านิดหน่อย แต่ก็มีคนซื้ออยู่เรื่อย ๆ
ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าร้านจะมีกำไรมาจากไหน ?
เพราะหนังสือที่รับมาขายราคาปก อาจรับมาต่ำกว่านั้นแต่เชื่อว่าไม่ถึง 15 % คิดดูเล่มละ 200 บาท กำไรอยู่ที่ 30 บาท วันหนึ่งขายได้เฉลี่ยน่าจะไม่เกิน 50 เล่ม กำไรอยู่ที่ 1,500 บาท หักต้นทุนค่าไฟสูง เพราะต้องเปิดแอร์ตลอด ค่าใช้จ่ายอื่นอีกจิปาถะ คำนวณแล้วไม่น่าจะกำไรมาก
แถมยังเจอพวกอีบุ๊ก บทความออนไลน์ นิยายออนไลน์ ร้านหนังสือกลุ่มทุนต่าง ๆ ที่เป็นคู่แข่งขันโดยตรง !!
ผมจึงมีคำถามพร้อมคำตอบแบบเดา ๆ ว่า !!
Q : ท่ามกลางกระแส "Digital Disruption" ร้านขายหนังสือยังอยู่ได้เพราะอะไร
Ans : มีเหตุผลดังนี้
1. คนชอบอ่านหนังสือเล่มยาว ๆ ยังไม่ตายหมด ยังเหลืออยู่ เหลือพอให้ร้านได้อยู่รอด
2. คนชอบอ่านหนังสือเล่มเป็นคนรวย และชนชั้นกลาง ที่มีกำลังพอจะซื้อมาอ่านได้ คิดดูเล่มละต่ำๆ 200 - 300 บาท มันเท่าค่าแรงรายวันเลย
3. เจ้าของร้านไม่ได้ทำเพื่อกำไรสูงสุด แต่ประคองตัวพอให้ร้านอยู่รอด อาจด้วยความชอบส่วนตัว ชอบอ่าน ชอบเขียน เลยเปิดร้านขายหนังสือไปด้วย
4. รายได้จากร้านหนังสือไม่ใช่ทางเดียว ผมคิดว่าเจ้าของร้านคงมีรายได้จากทางอื่นด้วย เพราะลำพังกำไรจากร้านหนังสือคงไม่มาก หรืออาจไม่มีเลยก็ได้
5. มีลูกค้าเฉพาะ เจ้าของร้านต้องมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับเครือข่ายกับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ซึ่งจะอุดหนุนกันเป็นประจำ โดยเฉพาะการซื้อในระบบออนไลน์
6. ขายบรรยากาศ : ร้านหนังสือ ≠ ขายหนังสือ แต่ขายบรรยากาศการอ่านหนังสือ ลูกค้าจะเข้ามาดื่มด่ำกับบรรยากาศในร้าน จับหนังสือเล่มนั้นเล่มนี้ดู พลิกไปพลิกมาดมกลิ่นน้ำหมึกก็สุขใจ 555
นี่คือคำตอบเท่าที่คิดได้ว่าท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงร้านหนังสืออิสระนี้ยังดำรงอยู่ได้ สวนทางกับการล้มหายตายจากของสำนักพิมพ์ และร้านหนังสือทั่วไปหลายแห่ง
เอ๊ะ !! หรือนอกจากประโยคที่ว่า
The Old soldiers never die / ทหารเก่าไม่มีวันตาย
แล้ว ยังมี
Bookstores never die / ร้านหนังสือมันไม่มีวันตาย
ด้วย
มันอาจเป็นเช่นนั้นจริง ๆ
#สามารถบันทึก
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
