19 เม.ย. เวลา 16:43 • กีฬา

คืนแรกที่ผมเริ่มรักลิเวอร์พูล

เริ่มจากวัยเด็ก ตอนนั้นยังเป็นเด็กประถมปลาย ชอบเตะฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ เตะบอลกลางวันแสกๆไม่มีบ่นซักคำ แต่ถ้าตอนนี้ขอบายแน่นอน ฮาๆ เริ่มแรกที่ชอบดูฟุตบอลคือตอนนั้นชอบนักเตะในตำนานอย่าง อลัน เชียเรอร์มาก จำได้ว่าทีมแรกที่ชอบดูและตามเชียร์คือ แบล็กเบิร์น โรเวอร์ ช่วงนั้นต้องยอมรับเลยว่า เชียร์เรอร์คือสุดยอดกองหน้าอย่างแท้จริง ยิงประตูเป็นพลุแตกจนได้ตำแหน่งดาวซัลโว โดยยิงไปทั้งหมด 34 ประตู จนพาทีมกุหลาบไฟเถลิงแชมป์ลีกในปี 1994/1995 ได้ในท้ายที่สุด
Alan Shearer
แบบเฉือนยอดทีมอย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไปเพียง 1 แต้ม โดยนัดสุดท้ายทีมกุหลาบไฟไปเยือนแอนฟิลด์และพ่ายแพ้ให้กับทางเจ้าถิ่นไป 2-1 เรียกว่าลิเวอร์พูลจัดให้งามๆแล้ว แต่แมนยูเองก็ดันมาสะดุดเสมอเวสต์แฮมเหมือนกันซะงั้น ทำให้แต้มไม่เพียงพอที่จะแซงคว้าแชมป์ได้ อันนี้ช่วยไม่ได้จริงๆนะ ฮาๆ
ตอนนั้นเริ่มดูฟุตบอลบ่อยมากขึ้น ได้ดูทีมอื่นๆนอกจากทีมกุหลาบไฟ ในช่วงระยะเวลานั้นต้องยอมรับเลยว่าทีมดังอย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมที่ของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คือโดดเด่นและถือเป็นยุครุ่งเรืองมากๆ คว้าแชมป์ลีกได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้คนส่วนใหญ่ในยุคนั้นรวมถึงเพื่อนๆก็กลายร่างไปเป็นเด็กผีกันเกือบหมด จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้เลยจริงๆว่าทำไมตอนนั้นถึงไม่เลือกเชียร์ทีมปีศาจแดงนะ งงตัวเองเหมือนกัน ฮาๆ
จนมาถึงค่ำคืนนึง ปี 1996 (วันพุธที่ 3 เมษายน) จำได้ว่าวันนั้นนั่งดูฟุตบอลกับพี่ชาย เป็นแมตซ์ในความทรงจำที่ไม่เคยลืมเลือน และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมกลายเป็นเด็กหงส์จนทุกวันนี้
คืนนั้นทีมหงส์แดง เปิดแอนฟิลด์ต้อนรับการมาเยือนทีมสาลิกาดง นิวคาสเซิล ตอนนั้นทีมลิเวอร์พูลอยู่ภายใต้การคุมทีมของ รอย อีแวนส์ เจอกับนิวคาสเซิลยุคของ เควิน คีแกน ที่ถือว่าแกร่งมาก (ปี 1995/1996 แชมป์เป็นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่วนนิวคาสเซิลได้ที่สอง และลิเวอร์พูลเป็นอันดับสาม) และในปีนั้นดาวซัลโวยังคงเป็น อลัน เชียร์เรอร์ ที่ยิงไปถึง 31 ประตู และแบล็คเบิร์น โรเวอร์ จบที่อันดับเจ็ดของตาราง
Liverpool vs Newcastle 1995/1996
รูปเกมส์ทั้ง 2 ทีมเปิดเกมส์แลกกันอย่างดุเดือด โดยทางเจ้าถิ่นได้ประตูนำไปก่อนจากร็อบบี้ฟาวเลอร์ ที่ตอนนั้นฟอร์มการถล่มประตูจัดว่าสุดมากคนนึง (จบดาวซัลโวอันดับสอง รองจากเชียร์เรอร์นั่นแหละ) แต่หลังจากนั้นทีมผู้มาเยือนก็ยิงคืน 2 ลูกรวดพลิกขึ้นแซงจาก เลส เฟอร์ดินานด์ และดาวิด ชิโนล่า ทำให้จบครึ่งแรกไปที่สกอร์ 1-2 อย่างสุดมันส์
เริ่มครึ่งหลังมา ทางเจ้าถิ่นเปิดเกมส์บุกหวังประตูตีเสมอให้ได้และก็ได้ผล หลังจากเริ่มครึ่งหลังมาได้เพียง 10 นาที จากคนดีคนเดิม ฟาวเลอร์นั่นเอง แต่ดีใจได้ไม่ถึง 2 นาที ทางทีมเยือนสวนกลับอย่างรวดเร็ว โรเบิร์ต ลี เปิดบอลทะลุให้ทางอัสปริย่า จิ้มบอลไซร้โค้งส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายอย่างสวยงาม กลับมาแซงเจ้าถิ่นอีกครั้งนึง
เกมส์หลังจากนั้นทั้ง 2 ทีมเปิดเกมส์แรกกันดุเดือดมาก มีโอกาสยิงกันหลายครั้ง เดวิด เจมส์ นัดนี้ถือว่าเซฟสวยๆช่วยทีมได้เยอะเหมือนกัน ถึงแม้ช่วงนั้นจะมีลูกเฟอะฟะให้เห็นหลายต่อหลายครั้ง
จนในนาทีที่ 67 เจสัน แม็คเคเทียร์ จ่ายบอลให้ สแตน คอลลีมอร์ ยิงไล่ตีเสมอได้สำเร็จ ทำแอนฟิลด์กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
เกมส์ทำท่าจะจบที่การแบ่งแต้มกันไปในนัดนี้ แต่เหตุการณ์ที่ภาพยังจำติดตามาจนถึงทุกวันนี้…
นาทีที่ 90 ลิเวอร์พูลเปิดเกมส์บุกขึ้นมาจากกลางสนาม ซึ่งเป็นทาง จอห์น บาร์นส์ กองกลางตำนานของลิเวอร์พูลที่สายตาคมดุจเหยี่ยว เหลือบหางตาไปเห็นคอลลีมอร์ที่เสาไกล จึงบรรจงวางบอลไปให้อย่างพอเหมาะพอเจาะ และทางคอลลีมอร์แต่งบอลลงหนึ่งครั้ง ก่อนซัดเปรี้ยงด้วยเท้าซ้ายเต็มแรงเสียบมุมไปอย่างสวยงามหยดย้อย ทำเอาแอนฟิลด์แทบถล่ม ทำให้สุดท้ายลิเวอร์พูลกลับพลิกแซงคว้าชัยชนะไปได้ 4-3 ในท้ายที่สุด แบบดราม่าจัดๆ
Stan Collymore scores in 4-3 Classic at Anfield
เช่นเดียวกับผมที่จังหวะนั้นจำได้ว่าร้องลั่นบ้าน ทั้งๆที่ตอนนั้นยังไม่ได้เชียร์ลิเวอร์พูลเลยด้วยซ้ำ ฮาๆ
หลังเหตุการณ์ดราม่าในคืนนั้นที่แอนฟิลด์ ทำให้ผมรู้สึก “สนุก” และได้ฟิลลิ่งของการดูฟุตบอลอย่างแท้จริง ได้เห็นถึงความใจสู้ ไม่ยอมแพ้จนกว่าจะสิ้นเสียงนกหวีดลง ทำให้เริ่ม “ชอบ” ทีมลิเวอร์พูลตั้งแต่ตอนนั้น จนกลายเป็นความ “หลงไหล” ทำให้หลังจากนั้นก็ได้เริ่มติดตามและดูทีมลิเวอร์พูลมากขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้ได้เห็นฟอร์มการเล่นฟุตบอลของ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ เยอะมากขึ้น นอกจากนั้นยังมี สตีฟแมคมานามาน, เจมี่ เร็ดแนปป์, สแตน คอลลีมอร์, เจสัน แม็คเคเทียร์, จอห์น บาร์นส์, นีล รัดด็อก จนถึงผู้รักษาประตูผีเข้าผีออก อย่าง เดวิด เจมส์
จนเกิดเป็นความ “ผูกพัน” และเริ่มถูกหล่อหลอมขึ้นเรื่อยๆ มากขึ้นๆ จนกลายมาเป็น “เด็กหงส์” เต็มตัว แบบไม่สามารถที่จะเปลี่ยนใจไปเชียร์ทีมอื่นได้อีกแล้ว
Robbie Fowler, Steve McManaman and Jamie Redknapp: Attended 1996 FA Cup final in matching white suits
อย่างที่พวกเราชาว The Kop ทราบกัน ถึงแม้ลิเวอร์พูลจะไม่ได้ประสบความสำเร็จมากมายนัก ถือว่าในช่วงทศวรรษนั้น เป็นรองทางทีมคู่แข่งคู่รักคู่แค้นอย่างผีแดงมาโดยตลอด โดนเพื่อนๆเด็กผีย่ำยีหัวใจอยู่เรื่อยมา ฮาๆ
แต่ก็ไม่รู้ทำไม หัวใจยังคงเชียร์อย่างอดทนตลอดมา จนมีคำพูดที่ได้ยินกันบ่อยๆ คือ เป็นแฟนลิเวอร์พูลต้องอดทน จนถึงทุกวันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ ฮาๆๆ
เอาหละครับ นี่เป็นแมตซ์แห่งความทรงจำที่ไม่เคยลืมเลือน ที่ทำให้ผมกลายเป็น “เด็กหงส์” และเป็น “The Kop” ไปตลอดกาล
แล้วเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาว The Kop เริ่มรักลิเวอร์พูลกันตั้งแต่ตอนไหนหรอครับ คอมเม้นต์มาคุยกันสนุกๆได้เลยนะครับ : ))
ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืมกด Like กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะค๊าบ ❤️
You'll Never Walk Alone
LIVERPOOL TO THE MOON
#liverpooltothemoon #liverpool #thekop #ynwa
โฆษณา