20 เม.ย. เวลา 09:47 • การศึกษา

ทำบุญยังไงให้ใจยิ่งใหญ่

.
เรื่องของการให้ทาน ต้องยกย่องน้ำใจของคนไทย ที่มีความเสียสละช่วยเหลือเกื้อกูลกันด้วยน้ำใจอันดีงามอย่างแท้จริง
.
ยิ่งในยามเกิดภัยพิบัติ เกิดความทุกข์ยากลำบากเดือดร้อนขึ้น ณ ที่ใด สายธารน้ำใจแห่งการบริจาค จะหลั่งไหลไป ณ ที่นั้นอย่างไม่ขาดสาย จนเอ่อนองท่วมท้นเลยทีเดียว
.
จนบางทีก็ทำให้คนใจต่ำบางคนแอบแฝงเข้าไปหาผลประโยชน์ ยักยอกเอาของบริจาคไปขายต่อก็มี ตราบใดที่โลกนี้มีทั้งคนดี คนเลว พฤติกรรมที่ดีและเลวก็ต้องมีเคียงคู่กันไปตราบนั้น ให้ถือเป็นเรื่องธรรมดา ๆ ของโลก มันเป็นมาอย่างนี้ อย่าไปโกรธ อย่าไปเครียดไปแค้น
.
เมื่อตั้งใจจะให้ ก็ให้ไปเถอะ ให้แล้วก็เป็นของเขาแล้ว เขาจะเอาไปทำอะไรก็ช่างเขา คิดดังนี้ซะ! ก็ไม่เดือดร้อนใจ เพียงแต่ถ้าอยากจะให้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ถ้าเห็นคนทำไม่ดี คนเห็นแก่ตัว ทำอะไรน่าเกลียดตำตาตำใจ จะเลี่ยงไม่ให้เสียก็ได้ หรือจะบอกสอนให้เขารู้จักความพอเหมาะพอดีบ้าง ให้เขาได้มีความละอายใจบ้าง ก็เป็นเรื่องที่ควรอยู่
.
และอีกอย่างหนึ่ง ทำดีแล้วไม่ต้องเอาไปเปรียบเทียบกันว่า อะไรดีกว่าอะไร อย่างที่เคยมีดราม่าว่า :-
👉 ทำบุญให้กับโรงพยาบาล ได้ประโยชน์ดีกว่าทำบุญสร้างโบสถ์ สร้างเจดีย์ สร้างวิหารหลังงาม ๆ ที่มีอยู่เยอะแล้ว
👉 ทำบุญกับพ่อแม่ที่เป็นพระในบ้าน ได้บุญดีกว่าทำบุญกับพระสงฆ์ที่อยู่ตามวัดวาอาวาสต่าง ๆ
👉 ทำบุญกับวัดที่ขาดแคลน ดีกว่าทำบุญกับวัดดังที่มีพร้อมทุกอย่างหมดแล้ว
👉 ทำบุญกับพระที่ขาดแคลนดีกว่าทำบุญกับพระดีพระดัง ที่มีคนถวายเยอะแล้ว
.
ฯลฯ อะไรประมาณนี้ การทำบุญแต่ละอย่าง ชื่อว่าบุญ ใครทำก็ดีทั้งนั้น บุญย่อมให้ผลดีแตกต่างกันไป จะเอาไปเปรียบเทียบกันอย่างนั้นไม่ได้
.
ที่ยกมาให้ดู เป็นเรื่องของการคิดแบบมิจฉาทิฏฐิ คือยกอันหนึ่งเพื่อไปเหยียบย่ำอีกอันหนึ่ง ความคิดประเภทนี้ล้วนเป็นความคิดของคนใจต่ำทราม ใจสกปรก ที่จะส่งผลให้เกิดความแตกแยกในสังคม หากได้ยินใครพูดอย่างนั้น ให้หนีให้ห่างไกล มันจะนำความฉิบหายมาให้
.
ชื่อว่า “บุญ” หรือ “ความดี” นั้น เราสามารถทำได้ทั้งหมด เท่าที่เราจะสามารถทำได้ ตามกำลังศรัทธา ตามกำลังทรัพย์ของเรา ไม่จำเป็นต้องเอาไปเปรียบเทียบกัน
.
จริงอยู่ มันอาจจะมีบุญมากบุญน้อย มีดีมากดีน้อยไม่เท่ากัน แต่บุญก็ส่งผลดีทั้งหมด จะดีมากดีน้อยก็ไม่เป็นปัญหา แต่ที่สำคัญคือ โอกาสที่เราจะได้พบปะกับการทำบุญแบบไหนได้ ก็ทำไปเถอะ จะทำมากทำน้อย เขาก็ไม่ได้บังคับ
.
ยิ่งเราทำบุญแบบไม่เจาะจง ใจเราก็ยิ่งใหญ่กว้างขวางพิสดารมากขึ้น ผลบุญที่จะคอยค้ำจุนอุดหนุนเรา ก็มีหลากหลายมากขึ้น ยิ่งเจาะจงมาก ใจเราก็ยิ่งคับแคบมาก ผลบุญก็คับแคบไปตาม
.
ขอแต่ให้เป็นบุญจริงบุญแท้ เป็นความดีจริงดีแท้ ก็ทำไปเถอะ ทำได้ทั้งหมดนั่นแหละ ดีมากก็ทำมาก ดีน้อยก็ทำน้อย ทำมันไปเท่าที่มีโอกาส มีความสามารถที่จะทำได้ ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกัน
.
ถ้าขืนเอาบุญไปเปรียบเทียบกัน ใจเราจะเกิดกิเลส ไปยกบุญอย่างนั้น ไปเหยียบย่ำบุญอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งผู้มีธรรมทั้งหลายท่านไม่ทำกัน เพราะบุญก็มีทั้งบุญหยาบ บุญละเอียดแตกต่างกันไป เจอบุญหยาบเราก็ทำ เจอบุญละเอียดเราก็ทำ จึงเรียกว่า นักบุญแท้ อย่าทำตัวเราให้เป็นนักบุญใจบาป อันนี้ที่ไม่ดี
.
ในธรรมท่านอาจแสดงอานิสงส์ของบุญแต่ละอย่างไว้ ไม่เท่ากัน ก็เพื่อให้รู้ความหมายของการทำบุญ แต่ไม่ได้สอนให้เราไปยึดถือว่า จะต้องทำแต่ที่มีอานิสงส์มาก ๆ เท่านั้น ที่มีอานิสงส์น้อยกว่า จะทำไม่ได้ ไม่ใช่อย่างนั้น
.
เช่น ที่ท่านแสดงว่า ให้ทานมีอานิสงส์น้อยกว่ารักษาศีล หรือให้ทานแก่บุคคลมีอานิสงส์น้อยกว่าให้ทานแก่สงฆ์ เป็นต้น
.
หรือถ้าจะพูดว่า ให้ทานกับคนขอทาน ได้บุญน้อยกว่าทำบุญกับพระสงฆ์ มันก็จริง พูดอีกมันก็ถูกอีก แต่เวลานั้นเราเจอคนขอทาน คนพิการที่ไม่มีข้าวกิน เราสงสารเราก็ให้ทานเขาได้ ถึงบุญน้อยก็ให้ได้ มีโอกาสทำบุญกับพระสงฆ์ได้ ค่อยทำทีหลังอีกก็ไม่เห็นเป็นไร
.
แต่ถ้าเราสงสัยว่า ขอทานนี้อาจจะเป็นขอทานปลอมหรือเปล่านะ ชักไม่แน่ใจ อย่างนี้ เราจะไม่ให้ก็ได้เหมือนกัน
.
มันก็ขึ้นอยู่กับมุมมอง และวิธีคิด Mindset ของแต่ละคน ว่าจะให้ทานอย่างไร ให้เพื่อต้องการอานิสงส์สูงสุด เช่น ทำบุญกับพระอรหันต์ หรือสร้างโบสถ์วิหาร หรือให้ธรรมทาน อย่างนี้ก็ต้องรู้ว่า เป็นบุญชั้นเยี่ยม มีโอกาสก็ต้องทำอยู่แล้ว ถือเป็นการให้เพื่อบูชาคุณงามความดีของพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
.
ส่วนบุญอื่น ๆ ก็มีอานิสงส์ลดหลั่นกันลงไป เป็นการให้เพื่อการสงเคราะห์ช่วยเหลือกันเพื่อมนุษยธรรม ถ้ามีโอกาส ก็ทำได้เช่นกัน เพื่อเสริมให้ใจของเรามีทานบารมีที่ยิ่งใหญ่กว้างขวางยิ่งขึ้น ไม่จำเป็นต้องทำแต่เฉพาะจะเอาอานิสงส์สูงสุดโดยถ่ายเดียว เอาบริษัทบริวาร เอาพวกพ้อง เอาเพื่อนฝูงบ้างก็ได้ ตามแต่โอกาสอำนวย
.
เจอโรงพยาบาลขาดแคลนก็ทำบุญกับโรงพยาบาล เจอวัดขาดแคลนก็ทำบุญกับวัด เจอคนแก่คนยากไร้ต้องการความช่วยเหลือ สงสารก็ทำบุญกับเขาได้
.
เจอพระอรหันต์ก็ทำบุญกับพระอรหันต์ หรือแม้ไม่ใช่พระอรหันต์ ถ้าท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบก็ทำบุญกับท่านได้
.
เจอคนจะเป็นจะตาย ก็ช่วยคนจะเป็นจะตายได้ เจอสัตว์อดอยากก็ช่วยสัตว์ให้หายอด หายอยากได้ ถ้ามัวแต่เลือกอยู่ โอกาสผ่านไปแล้วก็ไม่ได้ทำ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่มีอะไรหยุดอยู่ที่เดิม
.
เรามีโอกาส มีกำลังทรัพย์ที่จะทำดีแบบไหนได้ ก็ทำไปเถอะ ดีทั้งนั้น เจอพระธุดงค์เดือดร้อนก็ทำบุญกับพระธุดงค์ได้
.
ชื่อว่า ความดี มีโอกาส มีศรัทธา ทำได้ก็ทำไปเลย ทำแล้วก็แล้วไป อย่าไปคิดว่า ทำบุญแบบนั้นจะดีกว่าแบบโน้น แต่มันยังไม่มีโอกาสได้ทำ มัวชักช้าลีลาพญาหงส์อยู่ เกิดตายเสียก่อนเลยจะเอาดีไม่ได้สักอย่าง เพราะไม่ได้ทำสักที ไอ้โน่นก็ไม่ดี ไอ้นั่นก็ไม่ดี ไอ้ที่ดีก็ไม่ได้ทำ เฮ้อ! เวรกรรม!
.
นี่! พูดถึงว่าเฉพาะในฝ่ายดีเท่านั้นนะ จะดีมากดีน้อยก็ทำได้ทั้งหมด ไม่ต้องเอามาเปรียบเทียบกัน ให้กิเลสมันงอกที่ใจเรา มันดีคนละอย่าง อานิสงส์ก็คนละอย่าง ยิ่งถ้าเราทำบุญหลากหลาย ก็มีอานิสงส์หลากหลายไปตาม เห็นมีแต่ดีกับดี มีแต่ได้กับได้ ได้มากได้น้อยก็ขอให้ได้
.
ส่วนในฝ่ายเลว ถ้าเรารู้ว่าเลว เลี่ยงได้ก็เลี่ยงไปเสีย ไม่ควรไปส่งเสริมคนทำเลว มิฉะนั้น เราอาจจะพลอยมีเอี่ยว ซวยไปกับเขาด้วย ให้ระวังในส่วนนี้ก็พอ
.
#ดอยแสงธรรม_๒๕๖๘_๐๔
โฆษณา