21 เม.ย. เวลา 01:04 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

A Working Man นรกหยุดนรก

เอ๊ะ ! นึกว่าดูแรมโบ้ภาคใหม่
เมื่อคำนึงว่า A Working Man เป็นหนังที่มีซิลเวสเตอร์ สตอลโลนร่วมเขียนบทกับเดวิด อายเออร์ผู้กำกับหนังแล้ว ก็แทบจะเรียกได้ว่าหนัง A Working Man แทบจะสวมรอยเป็นภาคใหม่ของ Rambo ได้แบบไม่ติดขัด ถ้าเปลี่ยนชื่อตัวเอกจาก Levon Cade ให้เป็น John Rambo หนังมันก็ยังดำเนินเรื่องได้เหมือนแรมโบ้โดยแทบไม่ต้องแก้บทอะไรเลย
ทั้งพื้นฐานตัวละครที่เป็นอดีตทหารผู้พยายามใช้ชีวิตอย่างสงบ แต่เมื่อมีใครบางคนเข้ามาหาเรื่องคนที่เขารัก เขาก็ต้องเรียกทักษะการรบระดับพระกาฬให้ “กลับมา” พร้อมฉากต่อสู้ก็ดิบ โหด ใช้ของรอบตัวเป็นอาวุธ ตั้งแต่ค้อน ถังน้ำ ยันหัวกระโหลกวัว ราวกับเอาวิญญาณของ Rambo: Last Blood มารีไซเคิลใส่เสื้อกั๊กคนงานก่อสร้าง แล้วทาทับบด้วยคำพูดห้วนๆ และแอ็กชันเดือดๆ สไตล์ยุค 90
กลิ่นอายของหนังเรื่องนี้ชัดเจนมากว่ากำลังคารวะหนังแอ็กชันยุค 80 และ 90 แบบเต็มตัว ทั้งการออกแบบฉากบู๊ที่ตรงไปตรงมา การปะทะแบบตัวต่อตัว และตัวร้ายที่มาในรูปแบบแก๊งคนเลวที่ควรถูกจัดการ ทุกอย่างเรียบง่ายแต่ได้อารมณ์เหมือนย้อนเวลากลับไปดูหนังสมัยที่สตอลโลนและซวาทเซเน็กเกอร์ยังครองโลกอยู่
เมื่อทั้งหมดนี้ก็ยังตกอยู่ในมือของเจสัน สเตแธม ที่ไม่ว่าเขาจะรับบทเป็นอะไรก็ตาม สุดท้ายมันก็คือตัวเจสัน สเตแธมคนเดิมที่ไม่ว่าอยู่ในหนังเรื่องอะไรก็ไม่เคยเปลี่ยนบุคลิค เหมือนกับภาพของดาราแอ็กชั่นยุคเก่าที่หลุดรอดมาถึงวันนี้ ทุกครั้งที่เจสันอยู่ในหนังไม่ว่าเขาจะเป็นคนขับรถส่งของ นักฆ่า อดีตทหาร หัวหน้าคนงาน หรือสายลับ มาเฟีย ฯลฯ เขาก็ยังเดินนิ่งๆ พูดน้อยๆ โทนเสียงต่ำ แววตานิ่งแบบพร้อมระเบิด และใช้หมัด เท้า ศอก เข่า ประเคนใส่คู่ต่อสู้
ถ้าจะเรียกแบบไม่เกรงใจคงต้องบอกว่าพี่เจสันแกเป็นเหมือนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ที่ไม่ว่าเปิดซองไหนก็มีรสเดียวทุกซอง แต่ถ้าคุณชอบรสนั้น คุณก็รู้ว่ามันถูกใจคุณแน่ๆ และมันพร้อมเสิร์ฟแบบไม่ทำให้แฟนเกนตายของพี่แกผิดหวัง
น่าสนใจว่าผลงานนี้คือหนึ่งในงานที่ดู “เข้าตา” ที่สุดของผู้กำกับ David Ayer ในรอบหลายปี เพราะหลังจาก Suicide Squad ที่เละเทะอย่างน่าใจหาย และ The Beekeeper ที่แม้จะมี Statham แต่ก็ดูไม่มีอะไรให้จดจำมากไปกว่าท่าทางเดิมๆ ของเขาเอง A Working Man กลับจัดองค์ประกอบได้กระชับ ตรงประเด็น และมีจังหวะที่คุมอยู่พอสมควร ไม่ใช่หนังชั้นเยี่ยมแต่ก็เป็นงานแอ็กชันที่ “รู้ว่าตัวเองคืออะไร” และไม่พยายามเป็นมากกว่านั้น ซึ่งบางทีตรงนี้แหละที่ทำให้มันเวิร์ก
ท้ายที่สุดแล้ว A Working Man ก็ไม่ใช่หนังที่มีอะไรใหม่ แต่เป็นหนังที่รู้หน้าที่ตัวเองดี มันคือเครื่องจักรแอ็กชันที่ทำงานตามสูตรได้อย่างแม่นยำ สำหรับคนที่ชอบดูเจสัน สเตแธม เป็นเจสัน สเตแธม กับฉากต่อสู้ลุยแหลกแบบไม่ต้องคิดมาก เรื่องนี้ก็ตอบโจทย์ได้ชัดเจน และยังเป็นเครื่องเตือนใจว่าแอ็กชันเรียบง่ายแต่ดุดัน ยังมีที่ยืนในโลกภาพยนตร์ยุคปัจจุบัน ที่ซับซ้อนมากขึ้น
แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดในหนังเรื่องนี้สำหรับผม คือ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลนที่มาเขียนบทให้นั้น ผมสึกว่าแกพยายามทำให้เจสันกลายเป็นตัวตายตัวแทนของแกให้ได้ ด้วยรูปลักษณ์นักสู้จากข้างถนน คนธรรมดาๆ คล้ายกน เพราะตั้งแต่ The Expendables เป็นต้นมา เราเห็นได้ชัดว่าสตอลโลนผลักดันเจสัน สเตแธมอย่างชัดเจน เหมือนกำลังมอบไม้ต่อให้รุ่นน้องที่ถือภาพลักษณ์ แอ็กชันแมนสายจริงจัง ต่อไปในยุคต่อไป
ใน The Expendables สเตแธมก็ถูกปั้นให้โดดเด่นกว่าคนอื่น มีฉากต่อสู้เดี่ยวเท่ๆ พูดน้อยแต่โหด มีความคล่องตัวแบบนักฆ่าสมัยใหม่ แต่ก็ยังดิบและตรงไปตรงมาในแบบที่สตอลโลนเองเคยเป็น นอกจากนั้นโปรเจกต์ที่สเตแธม อย่าง The Beekeeper, หรือ A Working Man ต่างก็มีลายเซ็นแบบเดียวกันหมด คือ เอาโครงสร้างหนังแอ็กชันคลาสสิกของสตอลโลนมาหล่อหลอมใส่ตัวสเตแธม ทั้งบทพูด ท่าที การแก้ปัญหาด้วยหมัดแทนปาก
มันเหมือนเป็นความพยายามจะสร้าง "ตัวตายตัวแทน" ของ Stallone ที่ยังคงจิตวิญญาณยุค 80–90 ไว้แต่ปรับโฉมให้ทันสมัยขึ้น ซึ่งก็น่าจะเป็นเหตุผลว่าทำไม A Working Man ถึงดูทั้งคุ้นเคยและร่วมสมัยในเวลาเดียวกัน
6.5/10
โฆษณา