22 เม.ย. เวลา 11:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

🌌**"เมื่อ 'อวกาศ' อาจเกิดจาก 'เวลา'—ไอเดียใหม่ที่ท้าทายทุกสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับจักรวาล"**⏳🔬

ลองจินตนาการดูว่า...ถ้าทุกอย่างที่เราเคยเชื่อเกี่ยวกับจักรวาลนั้น "ผิด" มาตลอด? ถ้าความจริงแล้ว "อวกาศ" ไม่ใช่รากฐานของโลกใบนี้ แต่เป็นสิ่งที่ เกิดขึ้นภายหลัง จาก "เวลา" และข้อมูลควอนตัม? 🤯
ฟังดูเหมือนนิยายไซไฟใช่ไหม? แต่นี่คือทฤษฎีจริง ที่เกิดจากการศึกษาทางฟิสิกส์ควอนตัมอย่างเข้มข้น โดยนักฟิสิกส์ชื่อสองคน Vlatko Vedral แห่ง University of Oxford และ James Fullwood จาก Hainan University ประเทศจีน พวกเขาพบว่าพฤติกรรมของ "คิวบิต" (qubit) ซึ่งเป็นหน่วยพื้นฐานของข้อมูลในโลกควอนตัม อาจซ่อนรหัสลับของ "ปริภูมิ" ไว้ทั้งหมด
และที่น่าทึ่งยิ่งกว่า…พวกเขาค้นพบสิ่งนี้ ผ่านการวิเคราะห์แค่คิวบิตเดียว เท่านั้น 🤯🧠
🌀คิวบิตคืออะไร แล้วเกี่ยวอะไรกับอวกาศ?
คิวบิต (Quantum Bit) คือหน่วยข้อมูลที่สามารถอยู่ได้ในสองสถานะ เช่น สปินขึ้นกับสปินลง แต่ที่เจ๋งคือ มันสามารถอยู่ใน "Superposition" หรือการรวมของทั้งสองสถานะในเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นคุณสมบัติเฉพาะของโลกควอนตัมเท่านั้น
นักฟิสิกส์สังเกตว่าคณิตศาสตร์ที่ใช้อธิบายสถานะของคิวบิตมีลักษณะที่ชวนให้นึกถึงเรขาคณิตของ "ปริภูมิ" มานานแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครแสดงให้เห็นว่าปริภูมิสามมิติสามารถ "โผล่ออกมา" จากพฤติกรรมของคิวบิตเพียงตัวเดียวได้ — จนกระทั่งงานวิจัยชิ้นใหม่นี้เกิดขึ้น
📏จากเวลา...สู่ระยะทาง: เมื่อคณิตศาสตร์ชี้ว่าอวกาศอาจเป็นผลพลอยได้ของเวลา
Vedral และ Fullwood เริ่มต้นด้วยการใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์กับคิวบิตตัวหนึ่ง แล้วจำลองว่าถ้ามีการวัดคิวบิตนี้หลายครั้งต่อเนื่องในช่วงเวลาต่าง ๆ — เช่น วัดตอนนี้ แล้วดูความเกี่ยวข้องกับผลลัพธ์เมื่อ 24 ชั่วโมงก่อน 48 ชั่วโมงก่อน หรือมากกว่านั้น
พวกเขาพบว่า "โครงสร้างของความสัมพันธ์ระหว่างผลการวัดในช่วงเวลาต่าง ๆ นั้น มีลักษณะทางคณิตศาสตร์คล้ายกับปริภูมิสามมิติ" โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขาได้สูตรสำหรับ "ระยะทางแบบยุคลิด" (Euclidean Metric) ซึ่งเป็นวิธีวัดระยะทางที่เราใช้กันอยู่ในโลกจริงของเรา (แบบเดียวกับที่ใช้ในระบบพิกัด X Y Z)
นี่คือจุดเปลี่ยนของทุกสิ่ง: ถ้าการสังเกตพฤติกรรมของคิวบิตในมิติเวลา สามารถสร้างสูตรสำหรับวัดระยะทางในอวกาศได้ งั้นอวกาศอาจไม่ใช่มิติพื้นฐานเลย แต่เป็นสิ่งที่ "โผล่มา" จากข้อมูลควอนตัมผ่านมิติเวลาก็เป็นได้! 🌌
🚫เมื่อปริภูมิ-เวลา อาจจะไม่ได้เชื่อมโยงกันอย่างที่ไอน์สไตน์เคยเชื่อ
นี่คือประเด็นใหญ่ของงานวิจัยนี้ — มันทำให้เกิดความเป็นไปได้ที่ "เวลา" และ "ปริภูมิ" อาจไม่ใช่สิ่งเดียวกัน หรือเป็นมิติที่รวมกันเป็น "สเปซไทม์" ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์อีกต่อไป
Vedral ชี้ว่า ถ้าเราสามารถดึงเอาปริภูมิสามมิติออกมาจากแค่คิวบิตเดียวได้ โดยไม่รู้สถานะเริ่มต้นใด ๆ เลย แสดงว่า "เวลา" อาจมีสถานะที่เป็นพื้นฐานยิ่งกว่าอวกาศ — และถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ล่ะก็ ทฤษฎีสัมพัทธภาพอาจต้องถูกทบทวนใหม่ทั้งหมด ⚠️
ถึงแม้มันจะฟังดูขัดกับหลักฟิสิกส์ที่เรายึดถือกันมานาน แต่นักฟิสิกส์บางคนก็เสนอแนวคิดคล้าย ๆ กันมาก่อน เช่น Lee Smolin จากสถาบัน Perimeter Institute ในแคนาดา เขาเสนอว่า "เวลา" เป็นสิ่งที่มีอยู่จริงโดยไม่ต้องมีโครงสร้างใด ๆ มารองรับ และไม่สามารถถูกนิยามด้วยสมการเหมือนที่ใช้ในงานวิจัยชิ้นนี้
Smolin มองว่าเวลาไม่ใช่สิ่งที่หยุดนิ่งหรือควบคุมได้ด้วยสูตรทางคณิตศาสตร์ แต่มันคือ "การต่อเนื่องของช่วงเวลาปัจจุบัน" ที่ไม่มีอดีตหรืออนาคตอย่างมีนัยยะทางฟิสิกส์เลย
🧪เราจะทดสอบไอเดียนี้ได้ไหม? แล้วมันนำไปสู่อะไรต่อ?
Thomas Galley จาก Institute for Quantum Optics and Quantum Information ในออสเตรีย มองว่าสิ่งที่ทำให้แนวคิดนี้น่าตื่นเต้นคือ ความรู้สึกของมนุษย์ที่สัมผัสได้ว่า "เวลา" แตกต่างจาก "อวกาศ" ในชีวิตประจำวันจริง ๆ แต่ก็ยังขาดคำอธิบายที่แม่นยำว่า ความแตกต่างนั้นหมายถึงอะไรในแง่ของคณิตศาสตร์
Galley ยังตั้งคำถามด้วยว่า ถ้าเราสามารถได้เรขาคณิตแบบยุคลิด (Euclidean geometry) จากคิวบิต+เวลา แล้วทำไมจะไม่สามารถใช้วัตถุควอนตัมอื่นที่ซับซ้อนกว่านี้ เพื่อให้ได้ผลคล้ายกัน? หรือพูดอีกอย่างคือ “คิวบิต + เวลา = อวกาศ” อาจไม่ใช่สูตรเฉพาะตัวก็ได้
Vedral เองก็ยอมรับว่ายังมีคำถามอีกมากที่ต้องตอบ เขาเสนอว่างานในอนาคตอาจใช้วัตถุควอนตัมที่เย็นจัด (ultracold quantum objects) หรือแม้กระทั่งคิวบิตจริง ๆ จากควอนตัมคอมพิวเตอร์ มาทดสอบแนวคิดนี้
แต่คำถามใหญ่ยังคงอยู่: ถ้าปริภูมิ-เวลาเป็นเพียง เครื่องมือที่เราสร้างขึ้นเพื่อเข้าใจจักรวาล เท่านั้นล่ะ? ถ้ามันไม่มีอยู่จริงในความหมายทางฟิสิกส์เลยล่ะ?
Vedral ทิ้งท้ายอย่างเร้าใจว่า “มันอาจเป็นไปได้ว่า ปริภูมิ-เวลา เป็นเพียงเรื่องแต่ง… เป็นเครื่องมือที่สะดวกในการอธิบายสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในจักรวาล แต่เมื่อเราวิเคราะห์ลึกถึงที่สุด เราอาจไม่ต้องการมันอีกต่อไปก็ได้”
🧠แล้วคุณล่ะ คิดว่า ‘เวลา’ กับ ‘อวกาศ’ ใครเป็นของจริง? ใครเป็นมายา?
Ref.
โฆษณา