23 เม.ย. เวลา 05:39 • ประวัติศาสตร์

​อาทิตย์หนึ่งหลังจากเวลาที่ได้กล่าวแล้ว เวลาเย็นมีชายคนหนึ่ง นุ่งผ้าม่วงสีน้ำเงินสวมเสื้อขาว มือถือกระเป๋าลงจากรถม้าเช่าที่ตรงประตูบ้าน ที่มีกำแพงทาสีน้ำเงินล้อมรอบอยู่ เขาหยุดยืนทอดสายตามองดูรอบตัว แล้วก็เปิดประตูเล็กของบ้านนั้น เดินเข้าไปภายใน ที่หน้าตึกมิมีใครอยู่ แต่ได้ยินเสียงพูดแลเสียงหัวเราะมาจากทางหลังบ้าน ชายแปลกหน้านั้นเดินตรงไปที่บันไดหน้ามุข วางกระเป๋าและหมวกลงแล้วนั่งอยู่เงียบๆ
​ประมาณห้านาทีจึงได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินมาทางในห้อง แล้วเปิดบังตาออกมาข้างนอก ชายกลางคนรูปร่างค่อนข้างอ้วนแต่ภาคภูมิ ใช้สายตาซึ่งอยู่ภายในกระจกจ้องดูชายหนุ่มเป็นที่ถามอย่างประหลาดใจ ส่วนเขากราบลงกับบันไดแล้วควักจดหมายฉบับหนึ่งออกส่งให้ท่าน
“อ้อ! พ่อเห็นจะมาจากสวรรคโลกกระมัง” เจ้าคุณว่าขณะที่รับจดหมาย
“ขอรับกระผม”
“หาบ้านฉันยากไหม ?”
“กระผมเคยรู้จักมาก่อนแล้ว”
“อ้อ! - เอ๊ะ ทำไมฉันไม่รู้จักพ่อล่ะ”
“กระผมรู้จักบ้านใต้เท้าเพราะเคยอยู่”
“ยังงั้นหรือ ! เมื่อไหร่น่ะ ?”
“เมื่อใต้เท้าอยู่อเมริกา และเจ้าคุณบำรุงมา​อาศัยอยู่ที่นี่”
“อ้อ ๆ เข้าใจละ ไปอาบน้ำอาบท่าเสียให้สบาย แล้วกลับมาหาฉันที่นี่-เฮ้ย ! อ้ายแปลก! นี่มันหายไปไหนกันหมดนะ อ้ายแปลก! อ้ายแปลกโว้ย”
เสียงครับผมดังลั่น เสียงฝีเท้าวิ่ง แล้วเด็กหนุ่มหน้าตาคมคายออกมานั่งสำรวมอยู่
“พาคุณนี่ไปห้องที่ข้าจัดไว้ให้เขา แล้วเอ็งคอยรับใช้” เจ้าคุณสั่ง
นายแปลก พาชายหนุ่มไปยังเรือนสองชั้นไม้สักซึ่งเมื่อ ๑๐ ปีก่อนเคยเป็นที่อาศัยของแม่นมประสงค์ เรือนนี้เจ้าคุณบำรุงปลูกเอง ครั้นเมื่อท่านไปอยู่สวรรคโลก ก็เลยละไว้ให้เป็นสมบัติของเจ้าของบ้าน ชายหนุ่มมองดูที่ ๆ ตนจะอาศัยอยู่ชั่วคราว ซ่อนยิ้มไว้ภายใต้หนวดอันดกดำ ซึ่งทำให้ดวงหน้าเขาเค็มอย่างที่เรียกกันว่าใส่เกลือไว้
เจ็ดไห เรือนนั้น​มีสามห้องด้วยกัน ห้องหนึ่งจัดเป็นห้องนอนอยู่ริมเปิดหน้าต่างเห็นโรงรถ หน้าต่างด้านหลังตรงหัวนอนเตียงนั้นมองเห็นทุ่งนา ห้องที่สองคือห้องกลาง มีตู้สำหรับใส่หนังสือแต่ไม่มีหนังสืออยู่ตู้หนึ่ง โต๊ะเขียนหนังสือกับเก้าอี้ ๒-๓ ตัว ห้องมุมติดกับเฉลียงไม่มีอะไรหมด นอกจากพรมปูไว้เฉย ๆ ส่วนที่เฉลียงมีเก้าอี้โยกกับเก้าอี้ยาวอย่างละตัว ชายหนุ่มเที่ยวเปิดโน่นเปิดนี่จนทั่วแล้ว ก็กลับเข้าห้องนอนจัดการผลัดเครื่องแต่งตัวแล้วก็อาบน้ำ เมื่อเสร็จแล้ว เขาถามแปลกว่า
“รู้ไหมฉันจะต้องกินข้าวที่ไหน ?” พูดแล้วเอามือลูบท้อง
เจ้าแปลกอ้อมแอ้มตอบได้ความว่า “ไม่ทราบ” แต่ถ้าหิวมันจะไปหาขนมปังให้รับประทาน
“ขอบใจแกมากไม่ต้องหรอก” ชายหนุ่มตอบ เขาฉวยเสื้อผ้ายัดเข้าตู้ใส่กุญแจ ใจมุ่งจะรีบไปพบกับเจ้าคุณ
​ท่านนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวที่สนาม จ้องดูเขาเดินมาแต่ไกล ท่วงทีที่เดินเห็นได้ชัดว่าเป็นผู้มีสกุล ศีรษะตั้งตรง ก้าวเท้ามั่นคง พอถึงตรงที่ท่านนั่งอยู่ เขาลดตัวลงที่สนามแล้วนั่งตัวตรงอยู่
“อ้าวนั่งบนนี้สิ” เจ้าคุณไมตรี ฯ บอก พลางขยับที่ให้เขา “ใส่เสื้อชั้นนอกเข้าไว้ทำไมน่ะ ดูเกือกก็ไม่ใส่ แล้วไม่จำเป็นต้องนุ่งผ้า ทีหลังนุ่งกางเกงได้ ถนอมเขาเลี้ยงแกเหมือนลูก ฉันก็จะเลี้ยงเหมือนหลานสนิท แกชื่อประสมหรือในจดหมายถนอมบอกว่าดังนั้น”
“ครับผม”
“ทีหลังไม่ต้องมีคำว่า ‘ผม’ - ‘ครับ’ เฉย ๆ ก็พอ”
“ขอรับ”
“มานั่งด้วยกันบนนี้เถอะ อย่าเกรงใจเลย”
“ผมนั่งที่นี่สบายแล้วครับ” ประสมถนอม​เสียงตอบ
เจ้าคุณพอใจในมารยาทสงบเสงี่ยมของประสม ท่านถามเขาว่าเห็นห้องเป็นอย่างไร ถามถึงอายุ การศึกษา และลงท้ายถึงบิดามารดา
“เจ้าคุณและคุณหญิงบำรุงคือบิดามารดาที่นับถือของผมครับ”
เจ้าคุณอึ้งไม่กล้าถามต่อไป คำตอบของเขาคล้ายกับจะหมายความว่า เมื่อเจ้าคุณบำรุงรับเป็นลูกแล้ว จะต้องไปยุ่งกับบิดามารดาทำไมอีกเล่า
“พรุ่งนี้เช้าฉันจะพาแกไปที่ร้าน และแกจะได้เริ่มเรียนการงานทีเดียว”
ประสมไม่ตอบว่ากระไร ขณะนั้นพอดีเสียงแตรรถยนต์ดังขึ้น มีชายคนใช้วิ่งไปเปิดบานประตูเผยทางให้รถอาร์มสตรองค์สี่สูบแล่นเข้ามา
ผู้ที่นั่งในรถมีสตรีสาว หน้านวลเป็นใย ​แก้มทั้งสองข้างเต่งตั่ง ตาคม มองดูห่าง ๆ เห็นเป็นสีดำ ถ้าเข้าใกล้จะเห็นว่ามีสีน้ำเงินเจืออยู่ ผมดำมีสีน้ำตาลแกม ตัดสั้นเพียงคอนั้น หยิกเป็นคลื่น และมีลูกผมตกอยู่ตามหน้าผาก จมูกโด่ง ปากน่าเอ็นดู แต่ลักษณะแห่งรอยจีบบอกนิสัยข้างดื้อ เจ้าหล่อนลงจากรถยนต์ด้วยกิริยากระปรี้กระเปร่า วิ่งมาที่สนาม แขนทั้งสองโอบรอบคอบิดาแต่ตามองข้ามศีรษะหงอกประปรายของท่านไป
“อะไรกลับจนค่ำมืดมยุรี ไปคนเดียวควรจะกลับให้วันกว่านี้” เจ้าคุณพูดเสียงเชิงติเตียน
“ก็แหม คุยกันสนุกนี่คะ ! คุณละออจะมาส่งแล้ว แต่ลูกไม่ยอม ไม่อยากกวนเธอ ค่ำวันนี้ลูกจะไปดูหนังนะคะ”
“เออ ! กลับมาหยก ๆ พูดถึงไปอีกแล้ว นี่แน่เลขานุการคนใหม่ที่พ่อบอกเจ้า”
ท่านทอดสายตาลงต่ำเมื่อหันมาข้างหน้าหวัง​จะเห็นประสมนั่งพับเพียบเอียนละเมียนอยู่ แต่กลับได้เห็นแต่เท้าทั้งสองของเขา ท่านเงยหน้าขึ้นพูดว่า
“พ่อประสม นี่ลูกสาวฉัน มยุรีรู้จักกันไว้ เพราะจะต้องอยู่บ้านเดียวกัน” ท่านหวังที่ขณะพูด ว่าจะเห็นประสมโค้งตัวลงยกมือไหว้อย่างงามสมกิริยาอันละมุนละม่อมของเขา แต่ผิดคาดอีก ชายหนุ่มโค้งกายและก้มศีรษะ ประกอบด้วยผมหยักโศกเป็นมันลงเพียงเล็กน้อย มยุรีผงกศีรษะพอเป็นที
ขณะนั้นเป็นเวลาพลบ เจ้าคุณลุกไปแล้ว เดินไปทางมุมสนาม เมื่อเปิดไฟ มยุรีไขว่ห้าง เปิดกระเป๋าหยิบกลักบุหรี่ออกจุดพูดลอย ๆ ว่า
“อากาศที่สวรรคโลกเห็นจะดี”
ประสมพูดเสียงต่ำ “พอใช้”
มยุรีฉุนกึก นี่หรือเลขานุการคนใหม่ ? หัวสูงเหลือประมาณ พูดไม่มีหางเสียง หล่อน​สะกดใจพูดต่อไป วางน้ำเสียงเป็นสง่า “เห็นจะอยู่ที่นั่นมานาน”
“ใคร”
“นายประสมน่ะซี”
“นาน”
มยุรียังถือขันติ “เมื่ออยู่ที่โน่นมีหน้าที่ทำอะไร ?”
“ทุกอย่าง”
“อะไรเป็นต้น ?”
“โต้ตอบจดหมายแผนกต่างประเทศ”
“งานของ เรา ต้องการคนมีความชำนาญทางนั้น ถ้าขยันดี เรา จะให้เงินเดือนขึ้นโดยเร็ว”
หล่อนใส่น้ำหนักที่ตรง “เรา” ทุกทีเพื่อให้ลูกจ้างคนใหม่ รู้สึกว่าหล่อนกับบิดาเป็นคนเดียวกัน พ่อเป็นนายลูกก็เป็นด้วย
“เราทุกคนที่ทำงานบริษัทป่าไม้สวรรคโลก​ย่อมขยัน”
“ดีละ ขอเตือนว่า นายในบางกอกไม่เหมือนนายตามบ้านนอก บ้านเรายังมีจ้าว มีขุนนาง มีผู้ดี มีไพร่ มีบ่าว มีนาย”
“อ้อ เพิ่งทราบ
“ออกจะโง่ ถ้าเช่นนั้น ที่นี่ไม่ใช่อเมริกา จะได้ถือว่าเสมอกันได้หมด”
เคราะห์ดีที่เจ้าคุณไมตรีพิทักษ์เดินเข้ามาใกล้ มิฉะนั้นน่ากลัวหนุ่มสาวผู้เย่อหยิ่งทั้งสอง จะต้องวางมวยกันทั้ง ๆ ที่คนหนึ่งเป็นเพศอ่อนแอ ท่านพูดด้วยเสียงใจดีตามเคย “พ่อประสมคงหิวข้าว มยุรีจะอาบน้ำเสียก่อนไหมลูก อาบก็ไปเร็ว ๆ”
“ไม่อาบละค่ะ ลูกอาบเมื่อก่อนไปแล้ว รับประทานแล้วลูกจะแต่งตัวไปดูหนัง”
“ไปกับพยอมหรือ ?”
“ค่ะ”
​“พ่อละออเป็นคนขับตามเคย”
“ค่ะ” มยุรีตอบแล้วหัวเราะน้อย ๆ
“มยุรีชอบดูหนังมาก ชอบมาแต่เล็ก ๆ ทีเดียว” เจ้าคุณหันมาทางนายประสม ท่านแถมว่า “ฉันคิดว่ามยุรีกับแกคงจะชอบกันนะ”
“ชายที่รู้จักอ่อนน้อม ย่อมเป็นที่ชอบของคนทั่วไป” มยุรีไม่ได้แถมว่า “แต่คนที่เย่อหยิ่งย่อมเป็นที่รังเกียจ”
แต่ประสมเข้าใจความหมายของหล่อน เขาพูดคล้ายกับเจ้าคุณ
“หญิงที่มีมารยาท ละมุนละม่อมย่อมเป็นที่ชอบของคนทั่วไป” มยุรีเดาประโยคที่ซ่อนอยู่ได้เหมือนกัน แต่เจ้าคุณไมตรี ฯ คาดว่าทั้งสองกำลังยอกันอยู่ ท่านอมยิ้มสั่งให้มยุรีไปบอกคนใช้ให้ยกข้าว
ขณะที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งสำหรับแต่ง​ตัวเพื่อไปดูภาพยนตร์ มยุรีมีตาลอยแสดงว่ากำลังนึกถึงอะไรเพลินอยู่ และน่าประหลาดไหม ? หล่อนนึกถึงพ่อเลขานุการคนใหม่นั่นเอง ในเวลารับประทานอาหารเมื่อแสงไฟจับเขาเต็มหน้า หล่อนลอบพิศดูเขา เห็นว่าทั้งเครื่องหน้าและใบหน้าจะหาที่ติไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ตาก็ดำสนิท คิ้วก็โก่ง ผมหยักโศก ฟันดีปากดี แต่หนวด ! โอ ! มันทำให้หน้าเขาเค็มจนน่ากลัว หล่อนรำพึงว่า ถ้าเขาเอาหนวดออกเสียจะดีไม่น้อย แต่เขาไม่ยิ้มเสียเลย หน้าถมึงทึง แววตาไม่
อ่อนหวาน ถ้าจะพูดที่จริงเขาเป็นคนกระด้างที่สุด อย่างไรก็ดี ถ้าเมื่อแรกถูกแนะนำ เขายกมือไหว้หล่อนสักนิด หล่อนกับเขาก็คงเป็นสหายกันเสียแล้ว แต่นี่เขาโค้งอย่างไว้ตัว เออ ! ชายทั้งหลายที่หล่อนได้พบมา ทั้งฝรั่งและไทยแรกแนะนำทุกคน​ก็โค้งให้หล่อนต่ำกว่านี้มาก ๆ ทีเดียว นี่เขาอวดดีอย่างไรจึงวางท่าเย่อหยิ่งดังนั้น หรือเขาจะแสดงให้หล่อนเห็นแต่แรกพบทีเดียวว่า เขายอมให้แต่บิดาเท่านั้น ส่วนหล่อนจะมีอำนาจเหนือเขาไม่ได้ ดีละ หล่อนจะไม่ยอมแพ้เหมือนกัน คืนนั้นหล่อนแต่ง
ตัวอย่างประณีต เลือกซิ่นอย่างงามตัวที่หล่อนโปรด เสื้อสีเข้ากันเชี้ยบ ถุงเท้ารองเท้า ตลอดทั้งตุ้มหู อาภรณ์สิ่งเดียวที่หล่อนใช้ เป็นสีเนื้อเข้ากันหมด เมื่อแสงไฟจับทำให้เห็นเนื้อเป็นนวล น่ารักยิ่งนัก หล่อนมองดูเงาของตัวในกระจก สาวใช้ยืนพัดอยู่ข้าง ๆ หล่อนหันซ้ายขวาหน้าหลัง จนเป็นที่พอใจแล้ว ก็ขยี้แป้งผัดหน้าอีกแต่พอนวล มิให้ขาวออกมานอกผิวเนื้อ เสร็จแล้วมองดูกระจกเป็นครั้งสุดท้าย นวยนาดลงมายังห้องที่บิดากับประสมนั่งอยู่
​พอหล่อนย่างเข้าไป ประสมลุกจากที่นั่งไปยืนข้างตู้ หล่อนชำเลืองดูเขาและเสียใจที่หน้าของเขาบังเงาอยู่ หาเห็นดวงตาและสีหน้าของเขาไม่ หล่อนนั่งลงบนเก้าอี้ตรงกันข้ามกับเขานั่งอยู่ เมื่อครู่ก่อน แล้วมองดูนาฬิกา
“จะไปโรงไหนนะวันนี้ ถึงแต่งตัวเสียสวยเช้ง” ท่านบิดาถาม
“พัฒนากรค่ะ เอ๊ะ เมื่อคุณพ่อนั่งอยู่คนเดียวหรือคะ ?”
“นั่งอยู่กับพ่อประสม อ้าว! แน่ะไปยืนแอบอยู่โน่นมานี่ซิ นั่งกับลูกสาวฉันเป็นอะไรไป มาเถอะพวกเราไม่ถือ”
ประสมค่อย ๆ เดินมานั่งที่เดิม มยุรีมองอย่างไม่แยแสแต่ในใจนึกว่า
“เขาจะจ้องดูไหมนะ คงจ้อง เขาจะนึกอย่างไรนะ ?”
​ท่านผู้อ่านที่รักของข้าพเจ้า ถ้าท่านเป็นเพศชายควรถามภรรยา หรือน้อง หรือพี่ที่เป็นหญิงดูว่า เรื่องที่ข้าพเจ้าจะบอกต่อไปนี้เป็นจริงหรือไม่ ถ้าท่านเป็นหญิงโปรดถามตัวท่านเองดู ข้าพเจ้าว่าหญิงสาวเกือบทุกคน และหญิงที่รู้ว่าตัวมีความสวยทุกคน หากว่ามีชายคนหนึ่งมาบังอาจดูถูกหล่อนด้วยตา ด้วยวาจา ด้วยท่า อย่างใด
อย่างหนึ่ง กล่าวคือแสดงการไม่แยแส และเหยียดหล่อน ผู้นั้นอยาก - อยากที่สุด - ที่จะทำตัวให้เป็นที่ถูกใจเขาอยากให้เขานิยมในความงาม ความหรู ความน่ารัก หรืออะไรก็ตาม อยากให้เขากล่าวชม ถ้ายิ่งหลงรักหล่อนด้วยก็ยิ่งดี แล้วและหล่อนจะได้ปัดความรักของเขา ด้วยคำพูดและกิริยาว่า หล่อนเห็นเขาดีกว่าแมวที่ผอมโซนิดหน่อยเท่านั้น เพียงเป็นการแก้แค้นทดแทนการดูถูกของเขา
ความตั้งใจของมยุรีจะสำเร็จหรือไม่ก็ยาก​ที่จะเดา ประสมก็ไม่ได้แสดงกิริยาอย่างอื่นนอกจากนั่งประสานมือ ทอดสายตาข้ามศีรษะหล่อนไปจับจ้องอยู่กับอะไรสิ่งหนึ่ง อาการนี้ทำให้สีหน้าเบิกบานของหญิงสาวสลดลงเล็กน้อย แต่หล่อนฝืนให้แช่มชื่นด้วยความมานะ ขณะนั้นพอดีนาฬิกาตี ๘ ทีได้โอกาสที่จะปล่อยความฉุนออกมาได้หล่อนพูดว่า
“ตาย – พยอมผิดนัด ! เกลียดจริงไอ้เรื่องไม่ตรงเวลา !”
“ใจร้อนจริงลูก ! เขานัดสองทุ่มหรือ ?”
“ก็นี่มันสองทุ่มตรง ประเดี๋ยวก็มา หนังเรื่องดีหรือ ?”
“ลูกไม่ได้ดูโปรแกรมดอกค่ะแล้วไม่ได้กลัวดูไม่ทัน แต่เรื่องคอยละลูกเกลียดจริง.... อากาศมัน ร้อน ออกจะหงุดหงิด” หล่อนพูดยิ้มเก้อ ๆ อย่างที่​รู้สึกตัวว่าทำกิริยาไม่ดี
ประสมมองดูหล่อน แล้วมองดูพัดลมที่อยู่เหนือศีรษะ
“ผมยุ่ง” มยุรีพูดเฉย ๆ
ประสมเงยหน้า ทอดสายตาไปยังที่เดิม เสียงแตรรถดังขึ้นทันใด แล้วเสียงรถแล่นใกล้เข้ามาทุกที เสียงเปิดประตู มยุรีปราดออกไปรับ
ผู้ที่เข้ามาใหม่ เป็นหญิงคนหนึ่งชายคนหนึ่ง หญิงมีผิวเนื้อขาว จมูกดี แต่ปากเชิดสูงกว่ามยุรีเล็กน้อย ชายปากดีกว่าน้องสาวแต่ตาเล็กแลล่อกแล่ก จมูกค่อนข้างใหญ่แต่เมื่อดูรวม ๆ กัน เขาก็จัดว่าเป็นคนค่อนข้างสวย เขาสวมแว่นตากรอบกระขนาดเขื่องข่มจมูกให้ย่อมลงเล็กน้อย
ประสมใช้เงาบังตัว ยืนจับจ้องดูอิริยาบถของคนทั้งสี่คนด้วยเอาใจใส่ การทักทายรวมทั้ง ชมเชยเครื่องแต่งกาย และความงามของมยุรีกิน​เวลาสัก ๕ นาทีเศษ เจ้าคุณพิทักษ์ ฯ จึงนึกถึงเลขานุการขึ้นมาได้ ท่านเหลียวหาเขาพอพบก็พูดว่า
“พ่อประสม อะไรคอยหลบเข้าเงามานี่แน่ะ รู้จักกันไว้”
ประสมก้าวขาออกมาตามคำสั่ง ในวงหน้าอันคมขำมิได้มีอะไรเลยเฉยคล้ายหน้าหุ่น มยุรีมองดูด้วยใฝ่ใจ
“นี่นายละออ แพทย์ประกาศนียบัตร นี่แม่พยอมน้องสาว ทั้งสองคนเป็นเพื่อนรักของมยุรี -- นี่ พ่อประสมหลานชายของฉัน”
ริมฝีปากภายใต้หนวดดกนั้นยิ้มเผยอนิดหนึ่ง เมื่อประสมยกมือพนมรับไหว้พยอมแล้ว หันมาทางละออ ประสมมองดูตัวแต่ศีรษะจนถึงปลายเท้า เคราะห์ดีละออไม่ใช่คนช่างจับไหวพริบเขาก้มศีรษะลงทำความเคารพ ซึ่งประสมรับอย่างมึนชา
“คุณหายไปไหนมา ผมมาที่นี่เกือบทุกวัน​ตั้งแต่กลับจากอเมริกาไม่เห็นพบ เราเห็นจะชอบกันได้ ผมกับมยุรีรักกันมาก ไม่ใช่ หมายความว่า พยอมกับมยุรีรักกันมาก และผมเป็นพี่พยอม”
ประสมไม่ปริปากตอบ นอกจากจับสายตาผู้พูดเฉยอยู่ อาการนั้นทำให้มยุรีฉุนแทน หล่อนฉวยข้อมือพยอมพลางพูดว่า
“ไปเถอะ เดี๋ยวจะดึก”
ละออหยุดอธิบาย หันมาคล้อยตาม
“จริงละ ผมลาคุณประสม วันหลังพบกันใหม่ แน่ะ ผ้าห่มของเธอมยุรี”
สามคนทำความเคารพเจ้าของบ้าน แล้วพากันไปขึ้นรถ พอรถออกจากบ้านสักหน่อยมยุรีพูดกับเพื่อนสาวว่า
“พยอม เธอไหว้ประสมทำไมนะ ?”
“อ้าว ! ก็เขาเป็นพี่ของเธอมิใช่หรือ ?”
​“พี่เพ่ออะไร ทีหลังอย่าไหว้นะ คุณพ่อท่านเลอะ ลูกใครก็ไม่รู้ หลาน หลาน”
ละออได้ยินเสียงพึมพำหันหน้ามาถาม
“พยอมค่ะ ไหว้กระทั่งเลขานุการ มืออ่อนจนเกินเหตุ”
“อ้าว! ก็เขาเป็นหลานคุณพ่อเธอไม่ใช่หรือ?”
“ไม่ใช่หลาน” มยุรกระแทกเสียงตอบ “เป็นแต่เจ้าคุณบำรุงเพื่อนของคุณพ่อเคยเลี้ยงอย่างลูกเท่านั้น”
“เอ้อเฮอ! ฉันเห็นท่าเขาราวกับพระองค์เจ้า”
มยุรีเค้นหัวเราะสั่น ๆ ออกมา
โฆษณา