23 เม.ย. เวลา 13:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

สองภาพนี้ถ่ายวันเดียวกัน​ คนละปี

ต่างกันอย่างไร​⁉️ ใครตอบได้บ้าง
หินอ่อนสีน้ำเงิน​ 5️⃣0️⃣ ปี​ 🌏🌐
แห่งความเปราะบางและความมหัศจรรย์
||||¦¦¦¦¦¦||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||¦¦|||||||||||||||||||||||||||||||||¦|||||||||||||||||||||
สรุปความต่าง​🌏
ภาพแรกโดยมนุษย์ (นักบินอวกาศ Apollo 17), ภาพที่สองโดยดาวเทียม DSCOVR
อุปกรณ์​ ภาพแรกใช้ Hasselblad + ฟิล์ม
ภาพที่สองใช้กล้อง EPIC ดิจิทัล
ตำแหน่งการถ่าย▪️◾ภาพแรกจากระหว่างทางไป
ดวงจันทร์ ประมาณ 29,000 กิโลเมตรจากโลก
ภาพที่สองจากจุด L1 1 ล้านไมล์จากโลก
ช่วงเวลาห่างกัน 50 ปี เปรียบเทีย
การเปลี่ยนแปลงโลกได้ชัดเจน
วัตถุประสงค์​ภาพแรกเพื่อบันทึกโลกจากอวกาศ
โดยมนุษย์​ ภาพที่สองเพื่อการติดตามภูมิอากาศ
และสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
|||||||¦¦¦|||||||||||||¦¦¦¦¦¦||||||||||||||||||||||¦|||||||||||||||||||¦|¦¦|||||||||||||||||||||||||||||||||||
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2515 ลูกเรือของ
ยานอพอลโล 17 กำลังพุ่งทะยานสู่อวกาศ มุ่งหน้า
สู่ดวงจันทร์ในภารกิจสุดท้ายที่มีมนุษย์ไปเยือน
ดวงจันทร์ แฮร์ริสัน “แจ็ค” ชมิตต์ นักบินอวกาศ
บนยาน มองออกไปนอกหน้าต่างแล้วตะโกนด้วยความตื่นเต้น
‼️ บ็อบ! ฉันเห็นแสงไฟจากแคลิฟอร์เนียตอนใต้
ได้เลย!” เขาคุยกับศูนย์ควบคุมภาคพื้นดิน
ราวกับเด็กที่เพิ่งเจอของเล่นชิ้นใหม่​ ดวงดาว
บนโลกนี่มันสู้กับท้องฟ้าได้เลยนะ​ ‼️
และในวันนั้นเอง โลกของเราถูกบันทึกภาพ
ในมุมมองที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ภาพถ่าย
“หินอ่อนสีน้ำเงิน” (The Blue Marble)
ภาพแรกที่เผยให้เห็นโลกทั้งใบ ลอยเด่นเป็น
ลูกแก้วสีฟ้าสดใสท่ามกลางความมืดมิดของอวกาศ
ภาพนี้ไม่ใช่แค่สวยงาม แต่ยังทำให้มนุษย์ทั่วโลกตระหนักว่า ดาวเคราะห์ของเราช่างเปราะบาง
และมีเพียงหนึ่งเดียว
จากกล้อง HASSELBLAD​ 500 EL
https://researchportal.port.ac.uk/en/publications/the-fascination-of-the-photograph ลูกเรืออพอลโล 17 มีกล้อง
คล้ายกล้องฟิล์มโบราณที่อาจเคยเห็นในพิพิธภัณฑ์ แต่เจ้ากล้องนี้ถูกดัดแปลงสุดล้ำเพื่อใช้ในอวกาศ! กล้องต้องทนความร้อนและเย็นจัดในอวกาศให้ได้ ปุ่มชัตเตอร์ก็ทำใหญ่โตเพื่อให้กดได้แม้สวมถุงมือชุดอวกาศหนาเตอะ แถมไม่มีช่องมองภาพด้วย!
นักบินอวกาศต้องเดาว่าถ่ายอะไรอยู่!”
แฮร์ริสันเล่าถึงโมเมนต์นั้นว่า​▪️▪️◾⬛
‼️ตอนเราห่างโลกไปเกือบ 29,000 กิโลเมตร
ดวงอาทิตย์ส่องแสงสว่างเต็มที่ โลกทั้งใบเหมือน
ถูกจุดไฟให้เปล่งประกาย ผมยกกล้องขึ้น ถ่ายไป
แบบลุ้นๆ เพราะแสงจากแอนตาร์กติกานี่สว่าง
จ​นต้องใส่แว่นกันแดดดู!” ▪️ ‼️‼️
ผลลัพธ์คือภาพหินอ่อนสีน้ำเงินที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของความงามและความเปราะบาง
โลกเปลี่ยนไปใน 50 ปี
▪️▪️◾💢🌏
ผ่านไป 50 ปี วันที่ 7 ธันวาคม 2565 ดาวเทียม
ที่โคจรห่างจากโลก 1.6 ล้านกิโลเมตร​ ณ​ จุด​ L1
(Lagrange Point​ คืออะไร▪️❓❓)​
จับภาพหินอ่อนสีน้ำเงินชุดใหม่ได้สำเร็จ!
คราวนี้ไม่ใช่กล้องฟิล์ม แต่เป็นกล้อง EPIC (Earth Polychromatic Imaging Camera) ของนาซ่า
ที่ถ่ายภาพโลกได้คมชัดราวกับนั่งดูหนัง 4K
นักวิทยาศาสตร์จากโครงการ DSCOVR
จะถ่ายภาพทุก 15 นาที โลกหมุนไป 100 กิโลเมตร
ในแต่ละช็อต ราวกับได้เห็นโลกเต้นระบำในอวกาศ!
แต่เมื่อเปรียบเทียบภาพเก่ากับภาพใหม่
สิ่งที่ทำให้ประหลาด​ใจคือการเปลี่ยนแปลงบนผิว นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศ ถ่ายถอดถึงสิ่งที่
เห็นว่า▪️▪️◾
‼️แผ่นน้ำแข็งในแอนตาร์กติกาหดตัวลงชัดเจน
เหมือนน้ำแข็งในแก้วน้ำที่ละลายหายไป! ทะเล
ิ​ ทรายซาฮาราขยายใหญ่ขึ้น ส่วนป่าฝน
แอฟริกากลางลดน้อยลง กลายเป็นสีน้ำตาล
แห้งแล้งแทนสีเขียวชอุ่ม▪️‼️‼️
การตัดไม้ทำลายป่า มลพิษ และก๊าซเรือนกระจก
ที่เปล่อยออกไป เปลี่ยนหน้าตาโลกของเรา
ในเวลาแค่ 50 ปี​
โลกที่เปราะบางภาพหินอ่อนสีน้ำเงินไม่ได้แค่
ทำให้เราทึ่ง​ แต่ยังจุดประกายสิ่งที่เรียกว่า
“เอฟเฟกต์ภาพรวม” (Overview Effect)
คือ​▪️▪️◾ประสบการณ์ทางจิตใจและอารมณ์ที่ลึกซึ้ง เกิดขึ้นเมื่อนักบินอวกาศมองโลกจากอวกาศและเห็นดาวเคราะห์ของเราเป็นลูกแก้วสีน้ำเงินที่ลอยอยู่ในความมืดมิดของจักรวาลทำให้ตระหนัก
ถึงความเปราะบาง ความงดงาม และความเป็นหนึ่งเดียวของโลก ผู้ที่สัมผัสประสบการณ์นี้มักรู้สึก
เชื่อมโยงกับมนุษยชาติและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น พร้อมความรู้สึกอยากปกป้องโลกจากอันตราย
โลกเปลี่ยนเพราะเรา
▪️▪️◾💢🌏
ในรอบ 50 ปี โลกของเราเปลี่ยนไปมาก ไม่ใช่แค่เพราะธรรมชาติ แต่เพราะฝีมือมนุษย์ด้วย ดาวเทียมที่ถ่ายภาพด้านมืดของโลกเผยให้เห็นแสงไฟจากเมืองที่ขยายตัวราวกับดอกไม้ไฟยามค่ำคืน การขนส่งทางทะเลที่คึกคัก และไฟป่าที่ลุกลามมากขึ้นเป็นสองเท่าใน 20 ปี!
ภาพโลกตอนกลางคืนเมื่อ 50 ปีก่อน มืดสนิทในหลายพื้นที่ แต่ตอนนี้แสงไฟจากเมืองใหญ่สว่าง
จนเห็นจากอวกาศได้ชัด
แต่แสงไฟที่สวยงามนี้มาพร้อมราคา การขยายตัวของเมือง การตัดไม้ทำลายป่า และมลพิษ ทำให้โลกของเราดู “เหนื่อยล้า” มากขึ้น ภาพถ่ายใหม่จากดาวเทียม DSCOVR แสดงให้เห็นเมฆที่บางลง
ในบางพื้นที่ สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่รุนแรงขึ้น
โลกคือบ้านเดียวของเรา
▪️▪️◾💢🌏
ภาพถ่าย “หินอ่อนสีน้ำเงิน” จากปี 1972 คือภาพแรกและภาพเดียวที่มนุษย์เคยถ่ายโลกทั้งใบด้วยสายตาของตัวเองจากอวกาศ ห้าสิบปีต่อมา ภาพใหม่จากดาวเทียมยังคงเผยให้เห็นความงดงาม
ของโลก แต่ก็สะท้อนความเปราะบางของดาวเคราะห์สีฟ้าลูกนี้เช่นกัน
โลกของเราเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ไม่มีดาวเคราะห์ดวงที่สองให้ย้ายไปอยู่ เมื่อทรัพยากรธรรมชาติถูกใช้ไป ป่าไม้ลดลง มลพิษเพิ่มขึ้น อุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้น ความเสี่ยงต่อภัยธรรมชาติก็เพิ่มขึ้นตาม
ในปี 2569 โครงการ Artemis II​
จะพามนุษย์ออกจากวงโคจรโลกอีกครั้ง
(ความคืบหน้า​ Artermis​II 🚀)​
และเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 50 ปี ที่มนุษย์
จะได้มองโลกจากระยะไกลด้วยตาเปล่าไม่ใช่
เพียงกล้องจากดาวเทียม ภารกิจนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการกลับไปสำรวจดวงจันทร์ และปูทางสู่การเดินทางไปดาวอังคาร
การได้เห็นภาพโลกทั้งใบจากอวกาศ
ย้ำเตือนเราว่า▪️▪️◾
"โลกนี้คือบ้านเดียวที่มีอยู่"
ไม่มีที่ไหนเหมือน และไม่มีที่ใดรอเราอยู่
➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖➖
Earth day 2025 📅🌍
(ฉันสามารถยุติการถกเถียง
เรื่องการลงจอดบนดวงจันทร์ได้​ 🌔)​
(ไปมาแล้ว 50 กว่าปี 🌓
ไม่เห็นมีอะไรเลย จริงหรือ❓❓)​
ทำไมเราต้องกลับไปดวงจันทร์​ 🌓🧑‍🚀
โฆษณา