26 เม.ย. เวลา 06:55 • หนังสือ

เลออน เพื่อนรักแห่งรุ่งอรุณ

หนังสือเล่มนี้เดินทางมาถึงมือเรา 1 วันหลังจากหมาพันธุ์บางแก้วสีน้ำตาลขาวที่เราเลี้ยงมา 15 ปีจากไป บังเอิญอีกอย่างคือลายของมันเหมือนกับรูปของเจ้าหมาบนหน้าปกเปี๊ยบเลย นี่คงเป็นเหตุผลที่เราเลือกหยิบเล่มนี้มาอ่านก่อนทั้งที่วางคิวหนังสือที่อยากอ่านไว้แล้ว ทั้งหมดก็เพื่อที่จะอ่านเล่มนี้ให้จบและลงรีวิวให้ได้ในวันนี้ วันที่ครบรอบ 1 สัปดาห์พอดีที่หมาของเราไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว 🐶
#เลออนเพื่อนรักแห่งรุ่งอรุณ จาก Page Publishing คือเรื่องราวของ "มิซากิ ไซโตะ" เด็กสาววัยประถมปลายที่มีความคิดในหัวเต็มไปหมด แต่ไม่สามารถเปล่งออกมาให้เป็นคำพูดได้ ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่มีเพื่อนเลยสักคน มีเพียงแค่ "เลออน" หมาที่ครอบครัวเลี้ยงไว้เท่านั้นที่เหมือนจะได้ยินเสียงที่อยู่ในใจของเธอ เลออนจึงเป็นเสมือนเซฟโซนเดียวของมิซากิ ให้ความรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้
แต่แล้ววันหนึ่งเลออนก็ได้จากไป มิซากิรู้สึกเหมือนโลกของเธอพลันดับมืดลง ไม่มีใครที่เข้าใจเธอได้ดีไปกว่าเลออนอีกแล้ว แม้เวลาจะผ่านไปเกือบปีเธอก็ยังคงโศกเศร้าอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งได้พบกับหมาที่เหมือนเลออนอย่างกับฝาแฝด! หมาตัวนี้มี "พี่สาว" เจ้าของร้านดอกไม้ในละแวกโรงเรียนของมิซากิเป็นเจ้าของ และเพราะหมาตัวนี้นี่เอง มิซากิจึงได้เรียนรู้ที่จะยอมรับความสูญเสียและก้าวต่อไปเพื่อเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ผมอยากให้มิซากิพูดออกมาจากปากตัวเอง
ตอนอ่านช่วงแรกนี่แอบขัดใจตัวละครนี้มาก คือมิซากิไม่ใช่เด็กที่เป็นใบ้เลยไม่สามารถพูดได้ แต่เธอขาดความมั่นใจในตัวเองจนไม่กล้าที่จะพูดออกมา มีหลายจังหวะมากที่แค่เธอยอมพูดชีวิตก็จะง่ายขึ้นเยอะ แต่มิซากิเลือกที่จะเงียบ ยอมทำอะไรก็ได้ขอแค่ไม่ต้องพูด โดยเฉพาะกับคนนอกครอบครัว แม้กระทั่งจะใช้ชีวิตประจำวันอย่างไปซื้อของหรือคุยกับคนในบ้าน เธอไม่ยอมเอ่ยปาก ต้องให้พ่อ แม่ หรือพี่ชายเป็นคนเดาความคิด และจัดการทุกอย่างให้
บางทีอาจจะมีเหตุผลที่นักเขียนเลือกสร้างตัวละครขึ้นมาแบบนี้ เช่น เป็นสัญลักษณ์ของการเติบโต ก้าวออกจากเซฟโซน อะไรทำนองนั้น แต่เราเข้าไม่ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังตรงนั้น เลยขอเล่าในมุมมองทั่วๆไปของคนที่อ่านหนังสือแล้วกัน 55555 ส่วนตัวมองว่าหนังสือเล่มนี้ค่อนข้างดี เรียบง่าย ตรงไปตรงมา ใช้เวลาอ่านไม่นาน แค่ต้องอดทนกับนิสัยแปลกๆของตัวละครให้ได้ก่อน เพราะถึงแม้เราจะเข้าใจในความเป็นเด็ก แต่แอบคิดว่าตัวละครนี้มีความเห็นแก่ตัวและมักง่ายไปหน่อย
มนุษย์นั้นเป็นสัตว์สังคม และเราจำเป็นจะต้องมีการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นเพื่อดำรงชีวิต คนที่คิดแต่จะให้คนอื่นอ่านใจตัวเองและคอยตอบสนองความต้องการของตนให้ได้ เรามองว่าเป็นคนที่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลเกินไป เพราะในความเป็นจริงนั้นทุกคนควรใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเอง ไม่ควรคาดหวังว่าคนอื่นจะต้องคอยมาทำหน้าที่ต่างๆแทนตนอยู่ตลอดเวลา ความคิดของใครคนนั้นก็ควรจะเป็นคนถ่ายทอดมันออกมาจึงจะถูกต้องแม่นยำที่สุด
เก็บเอาไว้ในกล่องสมบัติความรู้สึก เพียงแค่มองไม่เห็นเท่านั้น
กลับกันมาที่ประเด็นหลักของเรื่องบ้าง หนังสือได้สะท้อนให้เห็นว่าการที่เราเลิกเสียใจกับความสูญเสียที่ผ่านไปแล้วนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผิดเลย เพราะการก้าวต่อไปข้างหน้าไม่ใช่การลืมเลือนอดีต เราเพียงแค่กักเก็บความทรงจำและความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ในกล่องเล็กๆใบหนึ่ง และเมื่อไหร่ที่คิดถึงเราก็ยังสามารถกลับมาเปิดดูอีกครั้งได้เสมอ
กลับกันการเลือกที่จะเหนี่ยวรั้งความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเอาไว้ให้นานที่สุดต่างหากที่ไม่ส่งผลดีกับตัวเอง ต่อให้เราจะจมอยู่กับความเสียใจนี้ไปอีกนานแค่ไหน มันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าสิ่งที่สูญเสียไปนั้นไม่อาจหวนคืนกลับมาหาเราได้อีกแล้ว การไม่ปล่อยวางนี้จึงไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้กับเรา มิหนำซ้ำยังมีแต่จะบดบังเราจากความสุขอื่นๆที่ยังรออยู่ข้างหน้าอีกด้วย
ดั่งเช่นที่มิซากิเอาแต่ยึดติดอยู่กับเลออน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหม่นหมองตลอดเวลา และโกรธขึ้งต่อคนอื่นในครอบครัวที่คิดจะหาหมาตัวใหม่มาเลี้ยง ด้วยรู้สึกว่าทุกคนลืมความทรงจำที่มีต่อเลออนไปแล้ว จนกระทั่งในตอนท้ายของเรื่องที่เธอได้ตระหนักว่าทุกคนเองก็ยังคงเสียใจต่อการจากไปของเลออนและคิดถึงมันอยู่เสมอ เพียงแต่พวกเขาเลือกที่จะเก็บความรู้สึกนี้ไว้ลึกๆในใจ เพื่อให้ตัวเองสามารถมีชีวิตต่อไปได้
เพราะไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น คนที่ยังอยู่ก็ต้องเดินต่อไป แม้จะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม 💔
แต่ยังไงก็ยังรู้สึกว่าราคาแพงไปนิดเทียบกับขนาดและจำนวนหน้าของหนังสือ 😅 ถ้าจะซื้อแนะนำช่วงมีโค้ดลดเยอะๆ น่าจะได้ราคาดีค่ะ https://s.shopee.co.th/5pv4xnG4Tx
โฆษณา