24 เม.ย. เวลา 00:07 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ทำไมดอกเบี้ยลง ส่งผลให้มูลค่าตราสารหนี้เดิมเพิ่มขึ้น เมื่อดอกเบี้ยขึ้น มูลค่าตราสารหนี้เดิมลดลง

ธนาคารกลางของแต่ละประเทศ จะดูแลภาวะเงินเฟ้อ และภาวะเศรษฐกิจ ผ่านอาวุธสำคัญคือ อัตราดอกเบี้ยนโยบาย การปรับเพิ่มหรือลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และดอกเบี้ยเงินฝากในตลาดให้เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกันกับการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
เมื่อเศรษฐกิจชะลอตัว เงินเฟ้อต่ำ ธนาคารกลางจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะส่งผ่านไปยังสถาบันการเงินต่าง ๆ ให้ทยอยปรับลดดอกเบี้ยเงินฝาก และดอกเบี้ยเงินกู้ เมื่อดอกเบี้ยเงินฝากลดลง คนจะเริ่มนำเงินออกไปหาผลตอบแทนที่สูงกว่า หรือไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เพื่อหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น หรือกู้เงินออกไปใช้จ่ายมากขึ้น
การคำนวณราคาตราสารหนี้ จะใช้เรื่องของมูลค่าของเงินตามเวลา ที่เรารู้จักกันดี
FV = PV (1+r)^t
FV คือเงินในอนาคต PV เงินปัจจุบัน r ผลตอบแทนที่ได้รับ t คือเวลา
ถ้าต้องการปรับเงินในอนาคตกลับมาเป้ฯปัจจุบัน ก็จะทำได้แบบนี้
PV = FV/ (1+r)^t
ซึ่งการลงทุนตราสารหนี้นั้น จะได้รับดอกเบี้ยในแต่ละปี และได้เงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ยที่ปีสุดท้าย
สามารถนำมาประเมินมูลค่าตราสารหนี้ได้
โดยคิดดอกเบี้ยที่ได้รับแต่ละปี ปรับมูลค่าของเงินตามเวลา โดยสิ้นปีสุดท้าย จะได้เงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ยปีสุดท้าย และนำทั้งหมดบวกรวมกัน
จากสูตร ราคาจะขึ้นกับ
1. กระแสเงินสดที่ได้รับในแต่ละปี ก็คือเงินดอกเบี้ยที่ได้รับในอนาคตว่า จะได้เท่าไหร่ ได้กี่ปี
2. ตัว r หรือ เรียกว่า อัตราคิดลด หรือผลตอบแทนที่คาดหวังที่เราจะได้รับ
ตัวอย่าง ราคาหน้าตั๋ว 1,000 บ. จ่ายดอกเบี้ยปีละครั้ง 4% ต่อปี และจ่ายเงินต้นคืน เมื่อสิ้นปีที่ 3 อัตราคิดลด หรือ r คือ 4%
เราก็จะปรับเงินที่ได้รับปีละ 40 บ. ซึ่งคิดจาก 4% ของ 1,000 บ. นะ และปีสุดท้ายจะได้เงิน 1,040 บ. ปรับด้วยมูลค่าของเงินตามเวลา ถ้าอัตราคิดลดหรือ r หรือผลตอบแทนที่ต้องการ เท่ากับ ดอกเบี้ยที่ระบุไว้ คือ 4% ก็จะคิดราคาตราสารหนี้ได้ 1,000 บ.
แต่ถ้าคาดการณ์ ดอกเบี้ยจะลดลง และต้องการ r ที่ 3% จะทำให้มูลค่าตราสารหนี้เพิ่มขึ้นเป็น 1,028 บ.
อธิบายอย่างง่ายคือ ถ้าตราสารหนี้เดิมที่เราถืออยู่ ได้ดอกเบี้ย 4% แต่ตอนนี้อัตราดอกเบี้ยในตลาด อยู่ที่ 3% จะเห็นว่าของเดิมของเราได้อัตราดอกเบี้ยดีกว่า ถ้าเราต้องขายตราสารหนี้เดิมออกมา เราก็สามาถขายได้สูงกว่าราคาหน้าตั๋วได้ เพื่อคนที่มาซื้อ ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของอัตราดอกบี้ยในตลาด (ลองดูตัวอย่างการคิดมูลค่าตราสารหนี้ในรูปนะ ซึ่งการคิดจะใช้สมการเรื่องของมูลค่าของเงินตามเวลา)
แต่ถ้าเราไม่ขาย ถือจนครบกำหนดอายุ เราก็ได้ดอกเบี้ยตามที่กำหนดไว้และได้เงินคืนตามที่กำหนดไว้ในตราสารหนี้ที่เราซื้อมา
ราคาของตราสารนี้ ขึ้นกับกระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับ และอัตราการคิดลดนะ และจากตัวอย่างจะเห็นว่า เมื่อแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง จะทำให้มูลค่าตราสารหนี้เพิ่มได้ และถ้าแนวโน้มดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น มูลค่าตราสารหนี้เดิมก็จะลดลง
ดังนั้นมูลค่าตราสารหนี้ในตลาดจะมีการปรับขึ้นลงได้ ตามการคาดการณ์เศรษฐกิจ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของนักลงทุน และกองทุนราวมตราสารหนี้ NAV ก็จะปรับขึ้นลงได้ เนื่องจากจะมีการ Mark to market ของสินทรัพย์ที่กองลงทุน ถึงแม้ไม่ได้มีการขายตราสารหนี้นั้นออกมา
#ตราสารหนี้ #ลงทุนตราสารหนี้ #อัตราดอกเเบี้ย #ดอกเบี้ย #ดอกเบี้ยนโยบาย #หมอยุ่งอยากมีเวลา #หุ้นกู้ #กองทุนรวม #MutualFunds
โฆษณา