24 เม.ย. เวลา 06:33 • หนังสือ

🔥อุปนิสัยแห่งชัยชนะในตลาดหุ้น 23 ประการ จากนักลงทุนในตำนาน "บัฟเฟตต์-โซรอส" 🇺🇸

✴️อุปนิสัยแห่งชัยชนะ #1 “จงรักษาเงินต้นไว้ให้ได้เสมอ”
“มีเงินอยู่เท่าไหร่ รักษาเอาไว้ก่อน” นักลงทุนมืออาชีพมีทัศนคติว่า สิ่งสำคัญที่สุดในกระบวนการลงทุนคือความพยายามที่จะรักษาเงินต้นเอาไว้ให้ได้ พวกเขาเป็นบุคคลจำพวกที่ไม่ยอมเสียเงินอย่างสุดขั้ว การรักษาเงินต้นคือรากฐานของทุกๆการกระทำในตลาดการเงิน ในขณะที่คนทั่วไปมีเป้าหมายการลงทุนเพียงข้อเดียวคือการทำเงินให้ได้มากที่สุด สุดท้ายพวกเขาจึงมักเสียเงินอยู่เสมอ “การอยู่ให้ไกลจากปัญหา ง่ายกว่าการหาทางออกจากปัญหาในภายหลัง” เพราะฉะนั้นจงอย่าขาดทุน
📌“กฎแห่งการลงทุนข้อแรก จงอย่าขาดทุน กฎแห่งการลงทุนข้อที่สอง จงอย่าลืมกฎข้อแรก” : วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett)
✴️อุปนิสัยแห่งชัยชนะ #2 “มุ่งมั่นที่จะลดความเสี่ยง”
คุณควรมองหาหนทางเพื่อหลีกหนีความเสี่ยงอยู่เสมอ ความเสี่ยงเป็นเพียงองค์ประกอบภายนอกที่สามารถคำนวณ บริหารจัดการ และหลีกเลี่ยงได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณต้องรู้ว่า “คุณกำลังทำอะไรอยู่ คุณรู้อะไร และไม่รู้อะไร”
ผู้คนทั่วไปมักเชื่อว่าการจะทำกำไรให้ได้มากๆ ต้องมาจากการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงๆเท่านั้น ยิ่งเสี่ยงมากเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากขึ้น ความเชื่อเช่นนี้ตรงกันข้ามกับนักลงทุนมืออาชีพ ซึ่งมิได้เชื่ออย่างสนิทใจว่าความเสี่ยงและอัตราผลตอบแทนคือสิ่งที่สัมพันธ์กัน นักลงทุนมืออาชีพจะเลือกลงทุนในสิ่งที่สามารถคาดการณ์ได้ว่ากำไรโดยเฉลี่ยจะเป็นบวก โดยที่ความเสี่ยงมีน้อยมากๆหรือไม่มีเลย
📌“ไม่ใช่เรื่องเสี่ยงเลย ที่จะซื้อสินทรัพย์ในราคาแค่เสี้ยวหนึ่งจากมูลค่าของมัน” : วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett)
✴️อุปนิสัยแห่งชัยชนะ #3 “สร้างปรัชญาการลงทุนอันมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง”
ปรัชญาการลงทุนนั้นสามารถบ่งบอกถึงความสามารถ บุคลิก รสนิยม และเป้าหมายในชีวิต จากประวัติศาสตร์การลงทุนนั้นไม่มีนักลงทุนมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จคนใดมีปรัชญาการลงทุนที่เหมือนจนราวถอดแบบกันออกมา ในขณะที่คนทั่วไปไม่เคยมีปรัชญาการลงทุนเป็นของตนเอง หรืออย่างมากก็ไปหยิบฉวยใช้ปรัชญาของคนอื่น
ปรัชญานั้นสะท้อนความเชื่อของคุณที่มีต่อโลกภายนอก มันจะสะท้อนความคิดว่าคุณมองโลกแห่งการลงทุนตามความเป็นจริงอย่างไร และเป็นตัวกำหนดแนวทางในการคัดเลือก ตัดสินใจ ไปจนถึงการลงมือทำ ความเชื่อนั้นส่งผลต่อชีวิตการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ นักลงทุนมืออาชีพเชื่อว่าพวกเขาสมควรที่จะได้เงินและประสบความสำเร็จในโลกการลงทุน และยังเชื่อว่าพวกเขาจำเป็นต้องรับผิดชอบชะตาอนาคตด้านการเงินของตนเอง “ด้วยตนเอง”
📌“ผู้คนมากมายยอมตายเสียดีกว่าที่จะต้องใช้ความคิด มีคนประเภทนั้นอยู่เยอะจริงๆ” : เบอร์ทรานด์ รัสเซลล์ (Bertrand Russell)
✴️อุปนิสัยแห่งชัยชนะ #4 “พัฒนากระบวนการลงทุน การคัดเลือก ซื้อ ถือ และขาย อันเป็นแบบฉบับของตนเอง”
นักลงทุนมืออาชีพจะมุ่งมั่นพัฒนาและทดสอบระบบหรือกระบวนการลงทุนที่มีความเฉพาะตัวอยู่เสมอ ในขณะที่คนทั่วไปไม่มีระบบอะไรทั้งนั้น หรือไม่ก็เอาระบบของคนอื่นมาใช้โดยไม่มีกระบวนการทดสอบสิ่งใด ไม่มีการประยุกต์หรือปรับเปลี่ยนให้เข้ากับบุคลิกของตนเอง ผลลัพธ์ก็คือความล้มเหลว จากนั้นก็ไปหาระบบอื่นมาใช้เรื่อยๆ ซึ่งสุดท้ายก็ไม่ได้ผลอยู่ดี
ระบบการลงทุนที่สมบูรณ์ควรสอดคล้องกับปรัชญาและบุคลิกของคุณ ระบบหรือกระบวนการนั้นๆ จะเข้ามากำหนดโครงสร้างว่าคุณจะลงทุนในสิ่งใด ธรรมชาติของสินทรัพย์เป็นอย่างไร และจะซื้อขายเมื่อใด
📌“เคล็ดลับก็คือนักลงทุนต้องพัฒนาระบบซึ่งเหมาะสมกับตนเองเพียงคนเดียว” : เอ็ด เซย์โกตา (Ed Seykota)
✴️อุปนิสัยแห่งชัยชนะ #5 “การกระจายการลงทุนเป็นเรื่องของพวกมือสมัครเล่น”
ผู้คนทั่วไปมักไม่ค่อยมีความมั่นใจอะไรเลย ไม่ว่าพวกเขาจะนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดก็ตาม ภูมิปัญญาดั้งเดิมนั้นเทศนาสั่งสอนต่อกันเป็นทอดๆว่า จงกลัวความเสี่ยงและกระจายการลงทุนให้มากพอ แน่นอนว่ามันเป็นวิธีที่ถูกต้องหากคุณต้องการลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด แต่ผลข้างเคียงอันไม่พึงปรารถนาก็คือมันจะลดผลกำไรของคุณให้เหลือน้อยที่สุดเช่นกัน หากคุณต้องการสร้างความแตกต่างให้เหนือกว่าค่าเฉลี่ยนั้น
คุณจำเป็นที่จะต้องมุ่งเน้น นักลงทุนมืออาชีพมิได้ตั้งใจที่จะถือหุ้นน้อยตัวแต่อย่างใด หากแต่กระบวนการลงทุนของพวกเขาบีบบังคับให้ต้องทำเช่นนั้น นักลงทุนมืออาชีพไม่สนใจหรอกว่าพอร์ตการลงทุนจะสวยงามหรือไม่ พวกเขาแค่ต้องการทำเงินเท่านั้น
📌“คุณจะทำผิดหรือถูกนั้นไม่สำคัญหรอก สิ่งสำคัญคือคุณทำเงินได้เท่าไหร่เวลาที่ทำถูก และเสียเงินไปเท่าไหร่เวลาที่ทำผิดต่างหาก” : จอร์จ โซรอส (George Soros)
📌“การกระจายการลงทุนเป็นวิธีปกป้องตัวเองสำหรับคนที่ไม่มีความเอาใจใส่ มันไม่ได้จำเป็นเลยสำหรับคนที่รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่” : วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett)
✴️อุปนิสัยแห่งชัยชนะ #6 “ให้ความสำคัญกับผลตอบแทนหลังหักภาษี”
นักลงทุนมืออาชีพเกลียดการจ่ายภาษีและค่าธรรมเนียมยิบย่อยต่างๆ พวกเขาจึงหาช่องทางที่ถูกกฎหมายเพื่อจำกัดรายจ่ายพวกนั้นให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนต่อปีสูงที่สุดจากอัตราการทบต้นและทวีมูลค่าขึ้นไปเรื่อยๆ
ขณะที่ผู้คนทั่วไปละเลยและให้ความสนใจแต่ผลกำไรจากการซื้อขายสินทรัพย์การลงทุนเป็นรายครั้งไป จำนวนเงินเล็กๆน้อยๆ ที่คุณสามารถประหยัดได้ในวันนี้ จะส่งผลอย่างมหาศาลต่อความมั่งคั่งของคุณในระยะยาว นี่คือผลลัพธ์จากความมหัศจรรย์ของผลตอบแทนทบต้น นักลงทุนมืออาชีพทุกคนต่างรู้และเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี
📌“อะไรคือพลังงานอันรุนแรงที่สุดในจักรวาลน่ะหรือ ก็อัตราผลตอบแทนทบต้นยังไงล่ะ” : อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein)
✴️อุปนิสัยแห่งชัยชนะ #7 “ลงทุนในสิ่งที่คุณเข้าใจเท่านั้น”
คนทั่วไปมิได้ตระหนักเลยว่า ความเข้าใจในสิ่งที่ตนเองทำนั้นคือปัจจัยสำคัญอันปูทางนำไปสู่ความสำเร็จ โอกาสในการลงทุนที่ดีจะจำกัดอยู่เฉพาะในสิ่งที่คุณเชี่ยวชาญเท่านั้น คนที่ประสบความสำเร็จล้วนมีความถนัดเฉพาะทางของตนเอง ความเชื่อผิดๆอย่างร้ายแรงที่สุดก็คือการคิดว่า “การลงทุนเป็นเรื่องง่าย และความสามารถในการทำนายตลาดได้คือกุญแจสู่ความสำเร็จ”
คุณควรตีกรอบความสนใจในการลงทุนของตัวเองและมุ่งมั่นไปที่สิ่งนั้น จงหยุดเสียเวลาให้กับสิ่งที่คุณไม่เข้าใจมันมากพอ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณฉลาดหรือรู้มากแค่ไหน แต่อยู่ที่ว่าคุณขีดเส้นวงล้อมแห่งความชำนาญของคุณได้ชัดเจนเพียงใดต่างหาก
📌“ตลาดหุ้นก็เหมือนกับพระเจ้า ซึ่งพร้อมจะมอบสิ่งตอบแทนแก่ผู้ที่รู้จักช่วยเหลือตนเองก่อน แต่อีกทางหนึ่งตลาดหุ้นไม่เหมือนกับพระเจ้าตรงที่จะไม่ให้อภัยแก่ผู้ที่ไม่รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่” : วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett)
✴️อุปนิสัยแห่งชัยชนะ #8 “จงปฏิเสธการลงทุนในสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับเกณฑ์การลงทุนของคุณ”
นักลงทุนมืออาชีพจะปฏิเสธการลงทุนในสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับปรัชญาและเกณฑ์การลงทุนของตนเองอย่างแข็งขันและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ขณะที่คนทั่วไปซึ่งไม่มีเกณฑ์การลงทุนเป็นของตัวเอง หรือไปเอาเกณฑ์คนอื่นมาใช้ มักลงเอยด้วยการใช้วิจารณญาณอย่างไม่เหมาะสม สุดท้ายก็ไม่สามารถปฏิเสธความโลภของตนเองได้ ไม่สามารถอธิบายการลงทุนของตนเองอย่างเป็นเหตุเป็นผลออกมาได้
นักลงทุนมืออาชีพนั้นชัดเจนกับตนเองมากทีเดียวว่าพวกเขาเข้าใจหรือไม่เข้าใจสิ่งใด และเมื่อต้องเผชิญกับการลงทุนที่ไม่เข้าใจ ก็เพียงแค่ไม่ให้ความสนใจเท่านั้นเอง “ฉันสนใจอะไร ฉันรู้อะไรในตอนนี้ อะไรที่ฉันอยากรู้และพร้อมที่จะเรียนรู้” คุณต้องตอบคำถามข้อนี้ให้ได้ จึงจะสามารถค้นพบความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในการลงทุน และเข้าใจขีดจำกัดของตนเองอย่างถ่องแท้
📌“ถ้าคุณไม่เข้าใจในสิ่งนั้น ก็อย่าทำ” : วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett)
✴️อุปนิสัยแห่งชัยชนะ #9 “จงศึกษาหาข้อมูลด้วยตนเอง”
นักลงทุนมืออาชีพจะขุดคุ้ยค้นหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับเกณฑ์การลงทุนของตนเองอย่างต่อเนื่อง และเอาจริงเอาจังกับการศึกษาหาข้อมูลด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งมีแนวโน้มที่จะใส่ใจฟังเฉพาะนักวิเคราะห์หรือนักลงทุนที่มีเหตุผลอันลึกซึ้ง ซึ่งควรค่าแก่การนับถือเท่านั้น
ในขณะที่คนทั่วไปนั้นเฝ้ามองหาโอกาสที่จะเกิดความโชคดีแบบบุญหล่นทับ พวกเขาจึงชอบทำตามคำแนะนำของผู้อื่น เชื่ออย่างสนิทใจในความเห็นของทุกคนที่ถูกใครก็ไม่รู้ยกให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ โดยไม่เคยศึกษาหาข้อมูลสิ่งใดให้ลึกซึ้งก่อนเลย การศึกษาหาข้อมูลของคนทั่วไปจึงหมายถึงการซื้อหุ้นทีเด็ดที่ได้มาโดยบังเอิญจากนักวิเคราะห์ และการอ่านหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นฉบับของเมื่อวานเท่านั้น
📌“การค้นพบ คือการเห็นในสิ่งที่ทุกคนเคยเห็น แต่คิดในสิ่งที่ไม่มีใครเคยคิด” : อัลเบิร์ต เซนต์-จอร์จี้ (Albert Szent-Györgyi)
✴️อุปนิสัยแห่งชัยชนะ #10 “มีความอดทนอย่างไม่สิ้นสุด”
นักลงทุนมืออาชีพนั้นเมื่อพวกเขายังไม่สามารถพบเจอกับการลงทุนที่สอดคล้องกับเกณฑ์ของตนเอง พวกเขาจะมีความอดทนเพียงพอเพื่อรอคอยต่อไปอย่างไม่มีกำหนดที่แน่ชัด นักลงทุนมืออาชีพรู้ดีว่าผลของการยึดถือระบบการลงทุนเฉพาะตัวอย่างเคร่งครัดนั้นย่อมเป็นเรื่องปกติที่ในบางช่วงเวลาจะไม่สามารถค้นหาการลงทุนที่น่าสนใจได้เลย ซึ่งบางครั้งก็กินเวลาอย่างยาวนาน
สิ่งเดียวที่นักลงทุนมืออาชีพลงมือทำนอกเหนือไปจากหมกมุ่นค้นหาการลงทุนใหม่ๆ คือการนำเงินที่มีไปพักไว้ที่ไหนสักแห่ง ซึ่งเป็นที่ที่ปลอดภัยและพร้อมจะหยิบฉวยมาใช้ได้ทันทีเมื่อโอกาสดีๆวิ่งเข้าใส่
ขณะที่คนทั่วไปมักรู้สึกว่าตนเองต้องทำอะไรบางอย่างในตลาดอยู่ตลอดเวลา การรอคอยเป็นสิ่งแปลกประหลาดในความคิดของพวกเขา เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าตนเองกำลังเฝ้ารออะไรอยู่ มันทำให้คนทั่วไปรู้สึกว่าฉันไม่ได้กำลังลงทุน ฉันไม่ใช่นักลงทุน “จงอยู่เฉยๆ อย่าทำอะไรทั้งนั้น จนกว่าจะมีอะไรให้ทำ”
📌“การที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น คุณต้องอย่ารีบร้อน ต้องมีเวลาให้ตัวเองมากๆ” : จอร์จ โซรอส (George Soros)
✴️อุปนิสัยแห่งชัยชนะ #11 “ลงมือทำทันที”
นักลงทุนมืออาชีพจะลงมือทำทันทีหากการลงทุนนั้นได้ผ่านกระบวนการตัดสินใจมาอย่างดีแล้ว ขณะที่คนทั่วไปมักผัดวันประกันพรุ่ง เมื่อคุณพบเจอการลงทุนที่เข้าเกณฑ์ทุกอย่าง รู้ว่าต้องซื้อเมื่อไหร่ ขายเมื่อไหร่ มีเงิน ประสบการณ์ และผ่านการคิดพิจารณามาอย่างถี่ถ้วน ก็ไม่มีสิ่งใดที่คุณจำเป็นต้องกังวลอีกต่อไป แล้วคุณยังจะรออะไรอีก
คนทั่วไปซึ่งไม่มีเกณฑ์การลงทุนเป็นของตนเองมักจมปลักอยู่กับความกังวลและความสงสัยในตนเอง ไม่มีทางที่พวกเขาจะสามารถหาข้อสรุปสุดท้ายแห่งกระบวนการตัดสินใจได้เลย ไม่มีทางมั่นใจได้เลยว่าจะคิดถูกหรือไม่ การตัดสินใจทางการลงทุนก็เหมือนกับการเลือกสีระหว่างขาวกับดำ ไม่มีอะไรเป็นสีเทาๆ กระบวนการลงทุนในแต่ละครั้งนั้นถ้าไม่ผ่านเกณฑ์ก็คือสอบตก แต่ถ้าผ่านก็ลุยเข้าไปเลย
📌“เวลาเจอสิ่งใดที่ดูเข้าท่า เราจะลงมือทำทันที ด้วยความรวดเร็วและใส่ให้เต็มที่” : วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett)
✴️อุปนิสัยแห่งชัยชนะ #12 “รู้ว่าจะขายเมื่อไหร่ ก่อนที่จะซื้อ”
นักลงทุนมืออาชีพจะอยู่กับการลงทุนที่มีแนวโน้มว่าจะได้รับชัยชนะไปเรื่อยๆ จนกว่าเหตุผลที่สมควรขายซึ่งได้คิดไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้วจะอุบัติขึ้น ขณะที่คนทั่วไปมักไม่ค่อยมีการตระเตรียมเกณฑ์การลงทุนใดๆ มาก่อนล่วงหน้าเลย พวกเขามักหวาดกลัวว่าผลกำไรเล็กๆน้อยๆจะกลับกลายเป็นผลขาดทุน จึงต้องรีบขายทำกำไร สุดท้ายก็พลาดโอกาสที่จะได้รับเงินก้อนโตอยู่เสมอ
ในโลกการลงทุนนั้นไม่ว่าคุณจะทุ่มเทเวลา พลังงาน และความตั้งใจมากมายเพียงใด ทุกอย่างอาจสูญเปล่า หากคุณไม่ได้เตรียมกลยุทธ์การออกเอาไว้ล่วงหน้า นั่นคือสาเหตุที่ว่า เหตุใดนักลงทุนมืออาชีพจึงไม่ยอมลงทุนเลยหากพวกเขาไม่ได้ค้นหาเหตุผลเสียก่อนว่าเหตุการณ์อะไรที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะทำให้เขาจำเป็นต้องขายการลงทุนนั้นๆออกไป
กลยุทธ์ในการขายนั้นควรต้องสอดคล้องกับกับเกณฑ์ในการเข้าซื้อ อะไรคือปัจจัยสำคัญที่หากเกิดขึ้นแล้วคุณจะตัดสินใจขายหุ้นทันทีเพื่อทำกำไรหรือตัดขาดทุน อาการกระวนกระวายใจของคนส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นเมื่อพวกเขากังวลและสับสน แต่จำเป็นต้องตัดสินใจลงมือกระทำบางสิ่ง วิธีเดียวที่จะหลีกเลี่ยงอาการเช่นนี้ได้ก็คือ “การมีปรัชญาและหลักเกณฑ์ในการลงทุนที่เป็นระบบและชัดเจน”
📌“ผมรู้ว่าจะออกอย่างไร ก่อนที่จะเข้าซื้อเสียอีก” : บรูซ โคฟเนอร์ (Bruce Kovner)
✴️อุปนิสัยแห่งชัยชนะ #13 “จงทำตามกฎเกณฑ์การลงทุนของตนเองด้วยความศรัทธา”
ในขณะที่คนทั่วไปมักชอบหาข้ออ้างให้กับตัวเองไปเรื่อยเปื่อย เมื่อไม่อยากทำตามกฎเกณฑ์หรือระบบ (ถ้าคุณมีนะ) และมักจะเปลี่ยนระบบหรือเปลี่ยนเป้าหมายเพื่อเฉไฉว่า “ฉันน่ะไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” แต่นักลงทุนมืออาชีพนั้นจะจดจ่ออยู่กับกฎเกณฑ์การลงทุนของพวกเขาด้วยความศรัทธา คุณอาจล้มเหลวแน่นอนหากนำระบบที่ไม่ตรงกับจริต หรือไม่เข้ากันกับบุคลิกของตนเองมาใช้งาน ถึงแม้ว่าระบบนั้นจะใช้ได้อย่างดีเยี่ยมกับคนอื่นก็ตาม
แม้สุดท้ายคุณจะสามารถทำผลงานได้ดีอยู่บ้าง แต่ทว่าคุณก็คงจะต้องต่อสู้กับความรู้สึกภายในจิตใจตนเองต่อไปเรื่อยๆ และหาเหตุผลมาอ้างกับตนเองเพื่อที่จะได้ไม่ต้องทำตามระบบอยู่ดี
📌“ในระยะยาว ผมคิดว่าผลการลงทุนน่าจะดีที่สุดถ้าทำตามระบบของตนเองโดยไม่มีข้อโตแย้งใดๆ” : ทอม บาสโซ (Thomas F.Basso)
✴️อุปนิสัยแห่งชัยชนะ #14 “ยอมรับความผิดพลาด และแก้ไขทันที”
นักลงทุนมืออาชีพตระหนักอยู่เสมอว่าความผิดพลาดย่อมเกิดขึ้นได้ และต้องรีบแก้ไขโดยทันทีเมื่อมันปรากฏขึ้นมา ขณะที่คนทั่วไปมักอดทนถลำลึกไปกับการลงทุนอันผิดพลาดต่อไปอย่างไม่มีเป้าหมาย โดยตั้งความหวังลมๆแล้งๆว่าจะได้ทุนคืน สุดท้ายจึงมักขาดทุนหนักๆอยู่เสมอ บางครั้งเราอาจกล่าวได้ว่าความสำเร็จมักเกิดขึ้นจากกระบวนการหลีกเลี่ยงความผิดพลาดนั่นเอง การสนใจแต่ผลกำไรไม่ใช่อุปนิสัยของนักลงทุนมืออาชีพ
คุณควรให้ความสำคัญกับการศึกษาความผิดพลาดมากกว่าความสำเร็จอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจหรือแง่มุมอื่นใดในชีวิตก็ตาม เมื่ออยู่ในป่ารกทึบกว้างใหญ่ เราน่าจะหลีกเลี่ยงสิงโตได้ดีกว่าการพยายามลงมือฆ่ามันเสียอีก จงสำรวจตรวจสอบตนเองอยู่เสมอว่าคุณได้ทำอะไรผิดพลาดไปบ้าง จงลงมือแก้ไขทันที อย่าเสียเวลามานั่งคร่ำครวญอยู่เลย
📌“นักลงทุนไม่ต้องทำอะไรมากนักหรอก ตราบใดที่พวกเขารู้จักหลีกเลี่ยงการทำผิดพลาดครั้งใหญ่” : วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett)
📌“ความเชี่ยวชาญที่สุดของผมก็คือการรู้ตัวทันทีเมื่อทำผิดพลาด นี่คือเคล็ดลับแห่งความสำเร็จ” : จอร์จ โซรอส (George Soros)
📌“ผมอยากรู้แค่ว่าจะตายที่ไหน ผมจะได้ไม่ไปที่นั่น” : ชาร์ลี มังเกอร์ (Charlie Munger)
✴️อุปนิสัยแห่งชัยชนะ #15 “เรียนรู้จากความผิดพลาด”
นักลงทุนมืออาชีพจะมองความผิดพลาดเป็นประสบการณ์เสมอ ขณะที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยยึดหลักแนวทางการลงทุนใดๆได้นานมากพอที่จะเรียนรู้ ปรับปรุงและแก้ไขมัน ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่ไม่มีวันหลีกเลี่ยงได้เลยในตลาดหุ้น แต่คนทั่วไปกลับมัวแต่กล่าวโทษที่ปรึกษาการลงทุน นักวิเคราะห์ หรือโทษว่าตลาดมันแย่ เฝ้าแต่มองหาข้อแก้ตัวให้ตนเอง และพร่ำบอกว่า “มันไม่ใช่ความผิดของฉันหรอกนะ นายนั่นแหล่ะที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้” เสมือนเด็กน้อยไม่ประสีประสาคนหนึ่ง สุดท้ายความผิดพลาดก็ยังคงวนเวียนกลับมาอย่างไม่รู้จักจบสิ้น
หากแต่นักลงทุนมืออาชีพจะตอบสนองต่อความผิดพลาดด้วยการนั่งลงและพิจารณามัน พวกเขาจะยอมรับความผิดพลาดของตนเองและลงมือแก้ไขทันที เพื่อบรรเทาไม่ให้ผลกระทบจากความผิดพลาดนั้นรุนแรงเกินไปกว่าที่เป็นอยู่ พวกเขาพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อความผิดพลาดและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตามมาด้วยตนเองแต่เพียงผู้เดียวทุกประการ
📌“ความแตกต่างระหว่างคนโง่กับคนฉลาดก็คือ คนฉลาดเรียนรู้จากความผิดพลาด ส่วนคนโง่ไม่เคยทำเช่นนั้นเลย” : ฟิลลิป เอ ฟิชเชอร์ (Philip A. Fisher)
✴️อุปนิสัยแห่งชัยชนะ #16 “ลงทุนลงแรง”
นักลงทุนมืออาชีพนั้นเมื่อมีประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น ผลตอบแทนก็มักเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะใช้เวลาในการลงแรงน้อยลงเพื่อทำเงินได้มากขึ้น เพราะได้ลงทุนลงแรงไปมากแล้ว ส่วนคนทั่วไปไม่เคยรู้สึกว่าต้องลงทุนลงแรงอะไร ไม่ค่อยเรียนรู้จากประสบการณ์ มีแนวโน้มทำผิดพลาดซ้ำๆ จนกว่าจะหมดตัวและหายออกจากตลาดไป เหตุใดผู้คนจึงชอบคิดกันว่าเพียงแค่เดินดุ่มๆ ไปเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกับโบรคเกอร์แล้วเอาเงินไปวางไว้ ก็จะสามารถทำผลตอบแทนได้เหมือนกับบัฟเฟตต์และโซรอสล่ะ
มายาคติที่ว่าการลงทุนเป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องเสียเวลาฝึกฝนอะไร คงเป็นสิ่งที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจของนักลงทุนส่วนใหญ่ เมื่อพวกเขาได้เห็นมือสมัครเล่นบางคนบังเอิญได้กำไรก้อนโตจากการแห่ตามฝูงชน การลงทุนลงแรงคือกระบวนการที่ใช้เวลาอันยาวนานและแสนจากเหน็ดเหนื่อย ค่อยๆเรียนรู้ไปทีละขั้นตอน คุณลองไปพูดกับใครสักคนดูสิว่า คุณสามารถเดินลงสนามกอล์ฟที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ แล้วตีกอล์ฟแข่งกับไทเกอร์ วู้ดส์ “คงมีแต่คนบ้าเท่านั้นแหล่ะที่เชื่อว่าคุณจะชนะ”
📌“คนที่ใช้เวลาหนึ่งวันฝันว่าจะร่ำรวย เขาจะจนไปอีกหนึ่งปี” : ลีโอนาร์โด ดาวินชี (Leonardo Da Vichi)
✴️อุปนิสัยแห่งชัยชนะ #17 “อย่าพูดถึงสิ่งที่ตัวเองทำ”
นักลงทุนมืออาชีพแทบจะไม่บอกใครเลยว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ และไม่สนใจด้วยว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับกระบวนการตัดสินใจในการลงทุนของตน ขณะที่คนทั่วไปมักคุยโม้โอ้อวดเกี่ยวกับการลงทุนของพวกเขาอยู่เสมอ มักชอบทดสอบการลงทุนของตัวเองด้วยวิธีการถามไถ่หาความคิดเห็นจากผู้อื่น แทนที่จะดูเอาเองจากความเป็นจริง คำพูดติดปากของเหล่ามือสมัครเล่นส่วนใหญ่จะมาในทำนองที่ว่า “ฉันเพิ่งซื้อหุ้นตัวนี้ไป” และมักปิดท้ายประโยคด้วยคำว่า “ฉันทำถูกไหม หรือจะทำอย่างไรต่อดีล่ะ”
หากคุณรู้จักตนเองดีพอว่ากำลังทำอะไรอยู่ ก็ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาช่วยยืนยันการตัดสินใจแต่อย่างใด คุณจะถูกหรือจะผิดมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคนอื่นเห็นด้วยกับคุณหรือไม่ หากคุณจะถูกก็เป็นเพราะข้อเท็จจริงและเหตุผลของคุณนั้นถูก ซึ่งนั่นคือสิ่งเดียวที่จะทำให้คุณถูกต้อง
📌“วิธีการตัดสินใจเป็นกลุ่มที่ดีที่สุดในความคิดของผมคือ มองไปที่กระจก” : วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett)
✴️อุปนิสัยแห่งชัยชนะ #18 “รู้จักวิธีกระจายงานที่จำเป็นต้องทำ”
นักลงทุนมืออาชีพมักแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบบางส่วนหรือทั้งหมดให้กับคนอื่น ขณะที่คนทั่วไปจะเลือกที่ปรึกษาการลงทุนด้วยวิธีการเดียวกับที่พวกเขาตัดสินใจลงทุน สำหรับทุกๆการลงทุนคือการกระจายงาน พึงระลึกเสมอว่าคุณกำลังนำเอาอนาคตทางการเงินของตนเองไปให้คนอื่นดูแล คุณควรมอบหน้าที่นี้ให้กับคนที่คุณไว้ใจและน่านับถือเท่านั้น ความสำเร็จด้านการลงทุนล้วนมาจากการทำงานเป็นทีม
เมื่อคุณเปิดบัญชีหุ้นกับโบรคเกอร์ คุณกำลังกระจายหน้าที่ในการดูแลเงินและจัดการคำสั่งซื้อขายให้พวกเขา เมื่อคุณลงทุนในกองทุนรวม เท่ากับคุณกำลังกระจายงานให้ผู้จัดการกองทุน นั่นคือการตัดสินใจและดูแลเงิน เมื่อคุณซื้อหุ้นบริษัทใดก็ตาม เท่ากับคุณกำลังกระจายงานด้านการดูแลอนาคตทางการเงินของคุณ ให้กับผู้บริหารของบริษัทนั้นๆ
ไม่ว่าคุณจะลงทุนในสินทรัพย์ใดก็ตาม นั่นหมายความว่าคุณกำลังกระจายอำนาจแห่งการควบคุมเงินให้กับ “นายตลาด” (Mr. Market) ไม่ว่าเหตุผลในการกระจายงานของคุณจะคืออะไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการได้ปลดปล่อยความคิดให้เป็นอิสระ เพื่อให้คุณมีเวลามุ่งเน้นทำในสิ่งที่ตัวคุณเองทำได้ดีที่สุดนั่นเอง
📌“ในการประเมินคน คุณควรมองหาคุณสมบัติสามประการในตัวเขาคือ ความซื่อสัตย์ ความฉลาด และความกระตือรือร้น ซึ่งหากเขาไม่มีข้อแรกล่ะก็ อีกสองข้อที่เหลือจะฆ่าคุณทั้งเป็น” : วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett)
📌“ผมพร้อมที่จะให้คนอื่นลงทุนให้โดยใช้แนวทางที่แตกต่างออกไป ตราบใดที่เขามีความซื่อสัตย์มากเพียงพอ” : จอร์จ โซรอส (George Soros)
✴️อุปนิสัยแห่งชัยชนะ #19 “จงใช้ชีวิตให้ต่ำกว่าฐานะของคุณ”
“ไม่ว่าคุณจะมีเท่าไหร่ ก็ใช้ให้มันน้อยๆหน่อย” นักลงทุนมืออาชีพมักจะใช้ชีวิตต่ำกว่าฐานะของตนเองอย่างมาก ขณะที่คนทั่วไป (จำนวนมากเสียด้วย) ใช้ชีวิตเกิดฐานะของตัวเอง หากคุณไม่ได้เป็นบุคคลประเภทที่โชคดีเกิดมาบนกองเงินกองทอง วิธีเดียวที่จะสามารถสะสมเงินเพื่อนำไปลงทุนได้ก็คือ การใช้จ่ายให้ต่ำกว่าฐานะของตนเอง ความร่ำรวยไม่เคยทำให้ค่านิยมหลักในการใช้ชีวิตของบัฟเฟตต์และโซรอสเปลี่ยนแปลงไปได้เลย
โซรอสเคยกล่าวถึงความร่ำรวยของตัวเขาเองอยู่ประโยคหนึ่งว่า “ประโยชน์ของการประสบความสำเร็จก็คือ มันทำให้ผมมีเงินมากพอที่จะซื้ออะไรก็ตามที่อยากได้ แต่ผมไม่ได้มีรสนิยมหรูหรา ผมชอบการใช้ชีวิตในระดับต่ำกว่าทรัพยากรทางการเงินที่ผมมีเสมอ”
คนส่วนใหญ่อยากรวยเพื่อที่จะได้นั่งเครื่องบินชั้นหนึ่ง พักโรงแรมสุดหรู ช็อปปิ้งไปเรื่อยๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลกับวงเงินในบัตรเครดิต ปัญหาก็คือคนที่มีทัศนคติต่อเงินในลักษณะเช่นนี้จะไม่มีทางรอจนกว่าตัวเองจะรวย เพื่อที่จะได้ลิ้มรสสิ่งฟุ้งเฟ้อเหล่านั้น พวกเขากลับเลือกเส้นทางการใช้ชีวิตอยู่บนกองหนี้แบบชนชั้นกลางทั่วๆไป
นักลงทุนมืออาชีพนั้นหลังจากที่พวกเขาต้องฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการจนได้มาซึ่งอิสรภาพทางการเงินแล้ว สิ่งสุดท้ายที่นักลงทุนมืออาชีพจะทำ คือยอมให้อิสรภาพนั้นสั่นคลอนด้วยการใช้เงินทั้งหมดไปอย่างโง่ๆ
📌“ประโยชน์ที่จับต้องได้มากที่สุดจากการเป็นมหาเศรษฐี น่าจะเป็นการได้เล่นเทนนิสสนุกๆ” : จอร์จ โซรอส (George Soros)
📌“ผมมีแรงปรารถนาที่จะร่ำรวยอยู่พอสมควร ไม่ใช่เพราะผมอยากขับเฟอร์รารี่ แต่เพราะผมอยากมีอิสรภาพ ผมอยากมีอิสระมากจริงๆ” : ชาร์ลี มังเกอร์ (Charlie Munger)
✴️อุปนิสัยแห่งชัยชนะ #20 “เงินไม่ใช่ประเด็นสำคัญ”
นักลงทุนมืออาชีพทำงานที่ทำอยู่ เพราะว่างานเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาอยากตื่นเช้าขึ้นมาในทุกๆวัน งานเหล่านั้นคือความหมายของการมีชีวิตอยู่ พวกเขาไม่ได้ทำงานเพื่อเงินเพียงอย่างเดียว ขณะที่คนทั่วไปทำงานด้วยแรงผลักดันจากเงินเท่านั้น และคิดฝังหัวอยู่ตลอดเวลาว่าการลงทุนคือทางลัดสู่ความร่ำรวย
ในทุกวันนี้ทั้งบัฟเฟตต์และโซรอสมีเงินมากพอจนไม่ต้องลุกออกจากเตียงไปทำงานก็ได้ถ้าพวกเขาไม่อยากทำ แล้วอะไรคือแรงผลักดันให้พวกเขาทำงานหาเงินกันอย่างไม่หยุดไม่หย่อนล่ะ ทั้งสองคนไม่มีวันที่จะใช้เงินของตัวเองหมดด้วยซ้ำในชาตินี้ “การทำเงินคือวิธีการไปสู่เป้าหมาย แต่ไม่ใช่เป้าหมายโดยตัวของมันเอง”
📌“ผมจะลงทุนต่อไป ตราบเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่” : วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett)
✴️อุปนิสัยแห่งชัยชนะ #21 “รักในสิ่งที่ทำ ไม่ใช่สิ่งที่มี”
นักลงทุนมืออาชีพจะผูกพันและพึงพอใจไปกับกระบวนการในการลงทุน สามารถปฏิเสธหรือล้มเลิกการลงทุนใดๆได้อย่างง่ายดาย หากการลงทุนนั้นผิดไปจากเงื่อนไขในกระบวนการของพวกเขา ขณะที่คนทั่วไปมักหลงรักในสิ่งที่ตัวเองได้ลงทุนไปแล้ว นักลงทุนมืออาชีพต่างมุ่งมั่นที่จะเป็นเลิศในแนวทางของตนเอง บางครั้งพวกเขาอาจจะไม่สนด้วยซ้ำว่าตัวเองร่ำรวยมากหรือน้อยแค่ไหน การประสบความสำเร็จในกระบวนการคือสิ่งที่ทำให้นักลงทุนมืออาชีพหลงใหลหมกมุ่นไปกับโลกแห่งการลงทุน
การลงทุนอาจคล้ายกับจิตรกรคนหนึ่งที่ชอบวาดภาพด้วยสีน้ำมัน สิ่งที่เขารักคือการวาดภาพ ไม่ใช่สีน้ำมัน การซื้อและขายหุ้นคือขั้นตอนที่คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ ส่วนการค้นหาและเฝ้าดูคือกระบวนการที่ต้องใช้เวลามากที่สุดและไม่มีวันจบสิ้น จึงมีเพียงแต่ผู้ที่ค้นหาความสุขจากกิจกรรมเหล่านี้ได้เท่านั้นที่จะยินยอมทุ่มเทเวลาและใช้พลังงานไปกับมันอย่างมากมาย จนกระทั่งผลักดันให้ตนเองกลายเป็นนักลงทุนมืออาชีพได้สำเร็จ
หากคุณเดินไปถามนักลงทุนมืออาชีพว่าเขามีความสุขกับกำไรที่ได้มาหรือไม่ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมมีความสุข แต่ความสุขที่แท้จริงของพวกเขาคือการเข้าไปเกี่ยวข้องกับ “กระบวนการ” ของการลงทุน สิ่งสำคัญที่สุดไม่ได้อยู่ในสิ่งที่ได้ลงทุนไป แต่อยู่ที่หลักเกณฑ์ซึ่งใช้ในการลงทุนต่างหาก
📌“ผมสนุกกับกระบวนการหาเงิน มากกว่าผลลัพธ์ของมันเสียอีก แม้ผมได้เรียนรู้แล้วว่าจะอยู่กับเงินทองมากมายอย่างไร” : วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett)
✴️อุปนิสัยแห่งชัยชนะ #22 “หายใจเข้าออกเป็นการลงทุนตลอดเวลา”
การลงทุนคือวิถีชีวิตของนักลงทุนมืออาชีพ ขณะที่คนส่วนใหญ่ (ที่เรียกตัวเองว่านักลงทุน) ไม่ได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อบรรลุเป้าหมายทางการลงทุน แม้จะรู้ว่าเป้าหมายของตนเองคืออะไรก็ตาม เหตุผลหนึ่งที่นักลงทุนมืออาชีพประสบความสำเร็จก็เพราะว่าการลงทุนคือสิ่งเดียวที่พวกเขาทำ มันไม่ใช่แค่อาชีพ แต่มันคือชีวิต
ไม่มีใครเป็นแชมป์ได้โดยใช้เวลาฝึกซ้อมเมื่อมีเวลาว่างหรอก ถึงแม้คุณจะไม่ได้ลงทุนเป็นอาชีพ แต่ก็ควรเอาเยี่ยงอย่างนักลงทุนมืออาชีพในเรื่องการทุ่มเทฝึกฝนทักษะเอาไว้บ้าง ไม่มีสิ่งใดในโลกจะมาแทนที่ความพยายามได้หรอก ทักษะและความฉลาดก็ทดแทนไม่ได้ สิ่งที่เราเห็นได้บ่อยครั้งที่สุดในโลกใบนี้ก็คือคนฉลาดที่ไม่ประสบความสำเร็จ คนมีการศึกษาที่ล้มเหลว ความพยายามและความมุ่งมั่นเท่านั้นที่จะนำพาชีวิตคุณให้เดินออกไปได้จนตลอดรอดฝั่ง
📌“บัฟเฟตต์คิดเรื่องการลงทุนวันละ 24 ชั่วโมง” : พนักงานคนหนึ่งในเครือบริษัท Berkshire Hathaway
✴️อุปนิสัยแห่งชัยชนะ #23 “เอาเงินของคุณใส่ลงไปด้วย”
นักลงทุนมืออาชีพจะมีเงินของตนเองอยู่ในสิ่งที่พวกเขาบริหารจัดการอยู่เสมอ ตัวอย่างเช่นทรัพย์สินทั้งหมด 99 เปอร์เซ็นต์ของบัฟเฟตต์อยู่ในหุ้นบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮทาเวย์ (Berkshire Hathaway) และโซรอสก็เช่นกัน เขานำเงินส่วนใหญ่ของตนเองใส่ไว้ในกองทุนควอนตัมที่เขาบริหารอยู่ ชะตากรรมทางการเงินของทั้งสองคนจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับคนที่นำเงินมาให้พวกเขาบริหาร
ขณะที่พวกมือสมัครเล่นนั้นการลงทุนไม่ได้ทำให้ร่ำรวยขึ้นเท่าไหร่นัก แต่กลับส่งผลในทางลบมากกว่าด้วยซ้ำไป พวกเขามักนำเงินจากแหล่งอื่นมาลงทุนเพิ่มเข้าไปอีกเพื่อชดเชยผลขาดทุนที่เกิดขึ้นไปแล้ว ซึ่งคงไม่ต่างไปจากเหล่ากูรูด้านการลงทุนที่มักอวดอ้างตนเองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ
คุณจะพบว่าผู้เชี่ยวชาญที่กินอาหารซึ่งตัวเองทำนั้นมีน้อยมากๆ นี่เป็นสัญญาณบ่งชี้สำคัญที่แยกนักลงทุนมืออาชีพออกไปจากกูรูด้านการลงทุน นักลงทุนมืออาชีพคือนักลงทุน กูรูด้านการลงทุนคือคนขายดวง พวกเขาขายความคิดเห็น ไม่ได้ขายการลงทุนที่ได้กำไร กูรูด้านการลงทุนอาจดูน่าเชื่อถือและคุยสนุกเวลาอยู่ในสื่อต่างๆ คำถามที่คุณควรจะถามเหล่ากูรูทั้งหลายเมื่อคุณสนใจอยากจะหาใครมาบริหารเงินให้ก็คือ “เหล่าผู้เชี่ยวชาญเอาเงินของตัวเองไปกองไว้ที่ไหนกันล่ะ”
จากนั้นก็ย้อนกลับมาถามตัวคุณเองว่า คุณนำเงินเป็นสัดส่วนเท่าไหร่จากความมั่งคั่งทั้งหมดมาลงทุนไปตามกลยุทธ์ของคุณเอง คำตอบที่ได้จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าคุณมั่นใจในสิ่งที่ตนเองกำลังทำอยู่ขนาดไหน
📌“ผมบริหารกองทุนควอนตัมเหมือนกับเงินของตัวเอง อันที่จริงมันก็เป็นเงินของผมมากพอดูเลยล่ะ” : จอร์จ โซรอส (George Soros)
📌“ที่นี่ เรากินอาหารที่ตัวเองทำเสมอ” : วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett)
ขอให้มีความสุขกับการลงทุนในทุกๆวันนะครับ 😊
🙏ขอขอบคุณเนื้อหาบางส่วนจากหนังสือ "บัฟเฟตต์-โซรอส ลงทุนถูกนิสัย ยังไงก็ชนะ : อัจฉริยะภาพการลงทุนของนักลงทุนที่รวยที่สุดในโลก"
🖋️ผู้เขียน : มาร์ก เทียร์ (Mark Tier)
📖ผู้แปล : ชัชวนันท์ สันธิเดช
🏢สำนักพิมพ์ : ซีเอ็ดยูเคชั่น, 2022
🌟คุณผู้อ่านที่สนใจสั่งซื้อหนังสือราคาพิเศษ ‘บัฟเฟตต์-โซรอส ลงทุนถูกนิสัย ยังไงก็ชนะ’ สามารถเข้าไปสั่งซื้อตามช่องทางด้านล่างนี้ได้เลยนะครับ
โฆษณา