24 เม.ย. เวลา 06:51 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

นี่คือตำนานของชายผู้มีนามว่า “คิง ฮู”

แม้ชื่อเขาจะถูกจารึกลงในบันทึกแห่งยุทธภพโลกมายาว่าเป็น “ยอดฝีมือผู้กำกับ”
แต่เขา…ไม่เคยยอมรับหนังเรื่องนี้ว่าเป็นผลงานของตนเองเลย
เดือนพฤษภาคม ปี 1962 คิง ฮูพกพาหัวใจพองโตด้วยยินดี เมื่อทราบข่าวที่เฝ้ารอมานานหลังจากอยู่ร่วมชายคาชอว์บราเดอร์สมาหลายปี ข่าวนั้นก็คือเขาได้รับโอกาสให้เป็นผู้กำกับหนังเสียที หัวใจเขาเต้นแรงด้วยความหวัง นี่คือวันแรกที่ความฝันกำลังจะแตะต้องความจริง เขาย้อนนึกไปถึงทางเลือกของชีวิตที่เคยได้รับข้อเสนอให้ทำงานกับ Voice of America แบบพนักงานประจำและย้ายไปอเมริกา แต่เขาปฏิเสธความมั่นคงทางอาชีพนี้ เมื่อเส้าอี้ฟู้นายใหญ่ของชอว์สัญญาว่าจะดันให้เขาเป็นผู้กำกับหนัง
แต่ความฝันเป็นผู้กำกับหนังของคิง ฮู ต้องรอจนกว่าอดีตเจ้านายของเขาที่ Voice of America อย่างเรย์มอนด์ เชา ซึ่งเข้ามาเป็นผู้บริหารระดับสูงของชอว์ บราเดอร์ส ได้ผลักดกันเขา และไปบรรลุข้อตกลงร่วมผลิตภาพยนตร์กับบริษัทภาพยนตร์ไต้หวัน Taiying ในโปรเจกต์เรื่อง Hong huzi หรือ Red Beard โดยที่คิง ฮูจะได้รับหน้าที่กำกับหนัง เขียนบท และแสดงนำ
แต่เหนือกว่าเรย์มอนด์ เชายังมีเส้าอี้ฟู่
แม้เรื่องราวและเป็นเช่นนี้ แต่เส้าอี้ฟู่ก็ยังไม่อาจไว้วางใจคนไร้ประสบการณ์กำกับหนัง หรืออาจจะเพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพและความเรียบร้อยของผลงาน เขาจึงดึงเหยียนจวิน ซึ่งเป็นทั้งนักแสดงนำและผู้กำกับหนัง รวมทั้งเคยเป็นที่ปรึกษาการแสดงของคิง ฮู ช่วงที่ฮูยังเป็นนักแสดงประกอบให้เหยียนจวินมาร่วมรับหน้าที่เป็นผู้กำกับร่วม
คิง ฮูเดินทางไปไต้หวันเพื่อสำรวจสถานที่ถ่ายทำด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยไฟฝัน แต่แล้ว เพียงไม่นาน…โปรเจกต์ก็ถูกสั่ง “พับเก็บ” โดยไม่มีคำอธิบาย นอกจากคำว่า “ไม่มั่นใจในความสามารถ”
โอกาสที่สอง หรือกับดักใหม่
ในปีเดียวกันนั้นเอง เขาได้รับโอกาสใหม่จากเส้าอี้ฟู๋ให้ดัดแปลง The Story of Sue San เรื่องราวโศกนาฏกรรมแห่งยุคราชวงศ์หมิง ซึ่งถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในสี่ภาพยนตร์แนวเพลงฮวงเหมย ที่จะใช้เทคโนโลยีใหม่อย่างฟิล์มสี Eastman Color และระบบ Shawscope โดยให้หลี่ฮั่นเสียง ผู้เป็นกัลยณมิตรของคิงฮูมาควบคุมงาน ซึ่งงานนี้ชอว์จะสร้างหนังเพลงในเวลาเดียวกันถึง 4 เรื่อง เพราะเล็งเห็นว่าสามารถใช้ทรัพยากรร่วมกันเพื่อลดต้นทุนได้
ฟังดูน่าตื่นเต้น แต่มันไม่ใช่โอกาสที่เปิดกว้าง เพราะทุกอย่างต้องอยู่ในสายตาของเส้าอี้ฟู่ ผู้ไม่เคยปล่อยให้ฟุตเทจหลุดจากมือโดยไม่ผ่านสายตา หลี่ฮั่นเสียงเคยเขียนถึงการทำงานของเส้าอี้ฟู่ว่า เขาจะมาถึงบริษัทเจ็ดโมงเช้า และสิ่งแรกที่ทำคือตรวจฟุตเทจของหนังที่ถ่ายทำไปเมื่อวาน
โปรเจกต์นี้เหมือนจะปลอดภัย เพราะเส้าอี้ฟู้ควบคุมงบงานสร้างได้ เขาสั่งให้คิง ฮูถ่ายทำใน Movietown สตูดิโอในฮ่องกง ไม่ต้องเดินทางไกล ไม่ต้องเสี่ยง ซึ่งว่ากันว่าหนังเคราแดงที่น่าจะเป็นหนังเรื่องแรกของคิง ฮูต้องระงับการสร้างนั้น เพราะว่ามันต้องยกกองไปไต้หวัน ต้องใช้เงินมากกว่าปกติ
แต่เมื่อเริ่มถ่ายทำ ปัญหาก็ถาโถมอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เล่อตี้ นักแสดงนำหญิงตั้งครรภ์ ถ่ายไม่ได้เป็นเดือน เจ้าเหล่ยนักแสดงชายไม่ต่อสัญญากับชอว์กลางคัน ฮูต้องถ่ายฉากซ้ำไปซ้ำมา บางครั้งเพราะความละเอียดเกินไป บางครั้งเพราะความไม่แน่ใจในตัวเอง ทุกการล่าช้าคือ “ต้นทุน” ที่ชอว์ไม่ยินดีจะจ่าย
เมื่อการถ่ายทำเดินหน้าได้ราว 70% คำสั่งเดิมของเส้าอี้ฟู่ก็กลับมาอีกครั้ง
“ระงับการผลิต”
สองโปรเจกต์ สองความฝัน และสองครั้งที่มันถูกทำลายก่อนเสร็จสิ้น คิง ฮูยืนอยู่ท่ามกลางเถ้าถ่านของความผิดหวัง เขาเงียบงัน ไม่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ไม่โวยวาย มีเพียงเงาสะท้อนในดวงตาที่แสดงถึงคำถามว่า “ผมยังเป็นผู้กำกับได้จริงหรือไม่”
แต่ฟ้ากลับเล่นตลกอีกครั้ง… เมื่อหลี่ฮั่นเสียงแตกหักกับชอว์ และช่วงนั้นชอว์ทำหนังเพลงแข่งกับหนังไต้หวันที่หลี่ฮั่นเสียงย้ายไปทำงานด้วย มีหนังสองเรื่องที่คิง ฮู เข้าไปร่วมกำกับและสามารถปิดกล้องได้เร็วมาก รวมทั้งหนังก็ทำเงิน เส้าอี้ฟู่จึงตัดสินใจให้เขากลับมาทำ The Story of Sue San ต่อ คิง ฮูก็ถูกดึงกลับเข้าสู่กองถ่ายด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครรู้แน่ชัด หากให้เดาทางเจ้าสัวก็คือคงมองเห็นอนาคตและอยากให้เงินที่ลงทุนไปแล้วไม่เสียเปล่า
และหนังก็ออกฉายในเดือนตุลาคม 1964 ทำรายได้ดี
แต่… ในอีกมุมหนึ่ง คิง ฮู ไม่ยอมรับว่านี่คือผลงานของเขา
เขาไม่เคยถือว่านี่คือผลงานกำกับชิ้นแรกของเขาเลย
ครั้งหนึ่งในการบรรยาย คิง ฮู ได้วิจารณ์เรื่องนี้ว่า
"The Story of Sue San เป็นหนังที่บริษัทเข้ามาควบคุมการตัดต่อโดยสมบูรณ์ ผมถ่ายทำมันด้วยความไม่เต็มใจ ทว่าหนังก็ทำรายได้ค่อนข้างดี แม้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่ผมได้รับเครดิตในฐานะผู้กำกับ แต่ผมก็ไม่ถือว่ามันเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของผม เรื่องแรกของผมควรจะเป็น Sons of Good Earth "
โฆษณา