Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
aomMONEY
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
24 เม.ย. เวลา 13:00 • ไลฟ์สไตล์
JACK THE GHOST จากเด็กปั๊ม สู่พิธีกรรายการเล่าเรื่องผีอันดับหนึ่งของไทย
และบทเรียนการเงินจากคนที่ประสบความสำเร็จได้ แม้ต้นทุนจะไม่สูง
ต่อให้คุณจะชอบเรื่องผีหรือไม่ คงไม่มีใครไม่รู้จักชื่อ "พี่แจ๊ค The Ghost" หรือ JACK THE GHOST ที่เสียงของเขาอยู่คู่ไมค์มาหลายปี และพาให้รายการ The Ghost Radio กลายเป็นหนึ่งในคอนเทนต์ผียอดนิยมที่มียอดวิวทะลุล้านเป็นประจำ
แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ พี่แจ๊ค หรือ คุณวัชรพล ฝึกใจดี ต้องผ่านชีวิตที่เต็มไปด้วยการดิ้นรน พลิกผัน และความกล้าหาญที่ไม่ใช่แค่การเล่าเรื่องผี แต่คือความกล้าที่จะไม่ยอมแพ้แม้ไม่มีอะไรเลย และวันนี้ aomMONEY ได้ไปรวบรวมบทสัมภาษณ์ของพี่แจ๊คมาสรุปเป็นบทเรียนการเงินให้ทุกคนได้อ่านกัน ในคืนวันอาทิตย์ …
[ ที่มาที่ไป ใครคือ แจ็ค The Ghost 🧐 ]
JACK THE GHOST หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ "พี่แจ็ค" ชื่อจริงของเขาคือ วัชรพล ฝึกใจดี ชีวิตของพี่แจ๊คไม่ได้เริ่มต้นจากจุดที่ง่ายเลย เขาเติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะยากจน สิ่งที่บ้านหลังเล็ก ๆ ของเขามีให้ไม่ใช่เงินทองหรือโอกาส แต่คือบทเรียนชีวิตที่ล้ำค่าจากพ่อแม่
"คุณพ่อคุณแม่สอนว่า ถ้าเราจะมีกิน เราต้องทำงาน ไม่เลือกงาน อะไรก็ได้ที่มันเป็นงาน เป็นเงินที่มันเข้ามา ถ้าเขามาจ้างเรา เราก็ไปทำ ผมก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ ตั้งใจทำงานมาตั้งแต่เด็กๆ" – พี่แจ๊คพูดไว้ในรายการ #ป๋าเต็ดทอล์ก
ตั้งแต่ยังเล็ก พี่แจ๊คก็เรียนรู้ว่าความอดทนคือกุญแจสำคัญของการอยู่รอด ไม่ว่าชีวิตจะโยนเขาไปอยู่ตรงไหน เขาก็ไม่เคยปฏิเสธงานที่เข้ามาในชีวิต พี่แจ๊คในวันนั้น เขาทำมาแล้วแทบทุกอย่างตั้งแต่ เด็กเสิร์ฟ เด็กปั๊ม เด็กยกน้ำ ขายบะหมี่ ซ่อมคอมฯ ไปจนถึงงานที่ใครบางคนอาจมองข้าม แต่สำหรับเขา ทุกงานมีค่าเท่ากันหมด เพราะมันแลกมาด้วยเงิน และเงินคือความอยู่รอดของครอบครัว
ในวัยเรียน พี่แจ๊คอาศัยอยู่ที่บางลำพู แต่ต้องเดินทางไกลไปเรียนที่ห้วยขวาง ชีวิตประจำวันเริ่มต้นตั้งแต่ตี 4 เพื่อขึ้นรถเมล์ไปโรงเรียน และกลับถึงบ้านในช่วงค่ำ ด้วยฐานะทางบ้านที่ขัดสน เขาจึงต้องหยุดเรียนหลังจบ ป.6 เพื่อออกมาหางานทำทันที
พี่แจ็คเล่าไว้ว่า "ผมไม่เคยมีความฝันที่วางไว้ว่าวันหนึ่งเราจะต้องเป็นแบบนี้ อย่างนั้น ผมแค่ใช้ชีวิตทำงานไปวันๆ เพื่อให้มีเงิน..."
[ เคยหลงทาง เคยพลาด แต่ไม่เคยหยุดเดิน 🚶♂️ ]
พอถึงจุดหนึ่ง พี่แจ็คก็ย้ายที่อยู่อีกครั้ง ไปยังจังหวัดจันทบุรี เพราะเงินจากร้านก๋วยเตี๋ยวเริ่มไม่พอจุนเจือครอบครัว จนได้งานที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง พี่แจ็คเล่าไว้ว่าตอนนั้น นั่นคือการทำงานที่เป็นกิจจะลักษณะครั้งแรก กล่าวคือมีเงินเดือน มีที่พัก มียูนิฟอร์ม ทำงานหกโมงเช้าถึงหกโมงเย็น พี่แจ็คทำงานเป็นเด็กปั๊มอยู่เกือบสองปี
ซึ่งในช่วงเวลานั้น เข้าก็เข้าไปพัวพันกับยาเสพติด “ตอนทำงาน ปั๊ม มันเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราเห็นโลกมากขึ้น มีทั้งเพื่อนที่ดีและไม่ดี – เราได้ไปสัมผัสได้ไปเจอกับยาเสพติด และเข้าไปในวังวนนั้น ด้วยความอยากรู้ อยากลอง”
พี่แจ็คเล่าว่า นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ไปทดลองใช้ พี่แจ็คที่ต้องทำงานเป็นเด็กปั๊มในช่วงกลางคืนรู้สึกว่าตัวเองขยันขึ้น ทำงานกวาดปั๊ม วิ่ง แรงเยอะ ไม่หลับไม่นอนทั้งคืนยังได้ พี่แจ็คบอกว่าใช้มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง จนย้ายไปทำงานที่โรงงานกระเป๋า ในจังหวัดนนทบุรี ก็ยังไม่เลิก
พี่แจ็คบอกว่าสมัยนั้น ตัวเองดิ่งหนักลงไปในวังวนของยาเสพติด เสพจนหน้าตอบ และถึงขนาดไปขโมยของเพื่อนำไปแลกกับยาเสพติด
“วันหนึ่งผมก็ไปส่องกระจกแล้วผมก็เห็นหน้าตัวเอง หน้าตอบและดำ น้ำก็ไม่ค่อยอาบ เห็นหน้าตัวเองแล้วตกใจมาก ตอนนั้นหน้าพ่อหน้าแม่ลอยขึ้นมาก่อนและคิดไปถึงว่า ถ้าวันนั้นผมโดนจับขึ้นมา พ่อแม่จะอยู่ยังไง” ซึ่งวันนั้นก็เป็นวันที่พี่แจ็ค ยอมเลิกยาเสพติดแบบหักดิบทันที
หลังจากทำงานในโรงงานกระเป๋าได้เกือบสองปี พี่แจ็คก็ย้ายมาทำงานที่โรงงานน้ำดื่ม รับหน้าที่เป็นคนขนหน้าจนหลังยอก และหมอสั่งให้หยุดทำงานนี้ไม่อย่างนั้น เขาอาจจะพิการได้
“ตอนนั้นเราก็ลาออก และกลับไปอยู่กับพ่อแม่ที่แฟลต” พี่แจ็คเล่าว่าตอนนั้นไปอยู่กับเขาก็เหมือนไปเป็นภาระเพราะว่าตัวเองยังไม่มีเงินเก็บ แม้จะทำงานมาหลายปี จนถึงจุดหนึ่งรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ก็เลยขอพ่อแม่ว่าจะไปทำงาน
และก็ได้ไปหางานทำที่พันธุ์ทิพย์พลาซ่าเพราะมีพี่สาวทำงานในร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ จนได้ทำงานเป็นคนส่งคอมพิวเตอร์ และได้ทำงานเป็นช่างซ่อมคอมฯ
[ จุดเปลี่ยน จากช่างซ่อมคอมฯ เป็นคนไร้บ้าน จนได้เป็นพิธีกร The Shock 🔍 ]
พี่แจ็คเล่าว่าทำงานในร้านซ่อมคอมมาระยะหนึ่ง วันหนึ่งช่างก็ไม่พอ แต่พี่แจ็คมีสกิลจากการที่เขาครูพักลักจำ ทำให้เขารู้วิธีทำงานของช่าง รู้วิธีลงโปรแกรมและประกอบคอมพิวเตอร์ เมื่อช่างซ่อมขาดพี่แจ็คก็ได้รับโอกาสให้ได้ทำงานเป็นช่างคอมฯ ทันที
แต่ก็มีอยู่วันหนึ่งที่เจ้าของร้านหายตัวไป แต่ร้านค้ายังเปิดอยู่ พี่แจ็คและคนในร้านก็เลยกลายเป็นเจ้าของร้านกันไปแบบงงๆ และแม้จะทำเงินได้มากมายจากการขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และ CD แต่เขาก็ยังไม่ได้รู้จักวิธีการบริหารจัดการเงินที่ดี เลิกงานก็ไปเที่ยวผับ และเมื่อสัญญาของร้านที่เจ้าของร้านทำกับห้างหมดลง เขาก็ต่อสัญญาไม่ได้ทำให้ร้านต้องปิดไป
พี่แจ็คกลับมาอยู่จุดเดิมที่ ‘ไม่มีเงินเก็บ’ แต่ที่แย่ยิ่งกว่าคือครั้งนี้เขาไม่มีที่อยู่อาศัยจนต้องอาศัยนอนที่ม้าหินใต้ห้าง รับจ้างเก็บร้าน ล้างแก้ว กวาดล้าง เพื่อหาเงินประทังชีวิตไปวันๆ
จนกระทั่งได้ไปช่วยงานที่ร้านขายเทปมือสองร้านหนึ่ง ซึ่งร้านนั้นเป็นร้านของพี่แฮงค์ หรือแฮงค์โอเวอร์ ซึ่งเป็นทีมงานของรายการ The Shock และนั่นก็เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเขา เพราะพี่แฮงค์ The Shock ที่เขาไปขอช่วยงานในร้านได้แนะนำให้เขารู้จักกับ พี่ป๋อง กพล นักเล่าเรื่องผีรุ่นบุกเบิก ในช่วงที่พี่ป๋องกำลังจะเปิดร้าน The Shock Club วันนั้นพี่แจ็คก็ตามพี่ป๋องไปช่วยทำงานในฐานะพนักงานเสิร์ฟ หวังแค่มีที่อยู่ ที่กินและมีเงินเดือน
พี่แจ็คเล่าว่าตอนทำงานที่ร้านพี่ป๋องจะมาถามพนักงานในร้าน ตอนใกล้จะปิดร้านว่า มีใครอยากไปช่วยงานต่อที่สถานีไหม ซึ่งพี่แจ็คเป็นคนขยันอยู่แล้ว เขาก็เลยอาสาจะไปด้วยแทบทุกครั้ง เพราะเขาอยากไปเห็นว่าห้องจัดรายการเป็นยังไง พี่ป๋องจัดรายการเป็นยังไง
“ตอนนั้นแค่อยากอยู่ใกล้ดารา แค่ไปอยู่ข้างๆ ดูเขาจัดรายการก็เป็นความสุขของผม” ไปช่วยทำงานเบื้องหลังอยู่ร่วมปีก็มีโอกาสได้ไปแจมไมค์ และมีโอกาสได้ไปออกนอกสถานที่ไปดูบรรยากาศบ้านร้างอะไรอยู่บ่อยครั้ง
นานวันเข้า พี่ป๋องก็ตั้งชื่อให้ว่า "แจ๊ค สายสิญจน์" และเริ่มมีโอกาสจัดรายการคู่กับพี่ป๋องบ่อยขึ้น จนกระทั่งมีโอกาสได้จัดรายการเดี่ยวแทนพี่ป๋อง ในวันแรกๆ เขาก็โดนด่าหนักมาก ซึ่งเขาก็รับมาและปรับปรุง
“ผมฝึกกับพี่ป๋องอยู่นานพอสมควร ทำให้น้ำเสียงในการจัดรายการ ท่าทางมือไม้ ผมได้มาจากพี่ป๋องหมด พี่ป๋องพูดยังไง เว้นวรรคแบบไหน ผมได้มาจากพ่อป๋องหมด”
แต่เมื่อโอกาสมาถึง ความประมาทก็เข้ามาด้วย พอได้ทำรายการและเริ่มมีชื่อเสียง เขาก็ลืมความเป็น ‘ไอ้แจ็ค’
“เราเริ่มมีอีโก้มากขึ้น เราลืมความเป็นตัวเราเอง เวลาแฟนรายการมาหาก็ไม่ยอมออกไปหา งานก็ไม่ทำ พี่ป๋องให้ไปทำงานประสานงาน ติดต่อลูกค้าอะไรก็ไม่ยอมไปทำ ผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย คิดว่าตัวเองทำงานเยอะ งานเช้าก็ไม่อยากไปทำ ในขณะที่พี่ป๋องเองก็ยังตื่นเช้าไปหาลูกค้า แต่ตัวเราไม่ จนกระทั่งปัญหามันสะสมมาเรื่อยๆ”
ตอนแรกพี่ป๋องก็แค่เรียกมาตำหนิ และพอถูกตำหนิบ่อยครั้งพี่แจ็คก็ยังไม่ปรับปรุงตัว แม้ว่าทุกการด่าพี่ป๋องจะไม่เคยไล่ออกเลย จนสุดท้ายเขาก็เข้าใจว่าพี่ป๋องไม่ต้องการเขาแล้ว พี่แจ็คจึงตัดสินใจลาออกด้วยตัวเอง
[ The Ghost Radio ที่เริ่มกลับมาทำเพราะรัก 📻 ]
หลังจากนั้น ชีวิตก็วนกลับไปสู่จุดเริ่มต้น ต้องขายรถพร้อมทะเบียนเลข 13 ที่พี่ป๋องซื้อให้มาใช้หนี้บัตรเครดิตและหนี้บ้าน เพื่อหาเงินประทังชีวิต และเปลี่ยนอาชีพมาเป็นคนขายของในตลาดนัด
จนกระทั่ง วันหนึ่งมีลูกค้าคนมาหาเพราะจำได้ว่าเขาคือ "แจ็ค สายสิญจน์" ซึ่งแฟนคลับคนนี้เคยไปหาตั้งแต่ตอนจัดรายการกับพี่ป๋อง แต่วันนั้นพี่แจ็คไม่ได้ออกมา ทำให้พี่แจ็คฉุกคิดได้ว่าที่ผ่านมาตนเองเคยทำตัวแย่มาก แต่ก็ยังไม่ได้คิดจะกลับไปทำรายการแม้จะรู้ว่าตัวเองถนัดมาก
สิ่งที่ทำให้เขาอยากกลับไปทำรายการจริงๆ คือวันที่เขาขายของอยู่แล้วพี่ป๋องก็เข้ามาอุดหนุนซื้อของในร้านเขา
“ตอนนั้นคิดว่าแกคงเดินมาและมาเจอ แต่เพิ่งมารู้เมื่อไม่นานมานี้ว่าแกตั้งใจมาหา มาดูว่าเราเป็นยังไงบ้าง”
และการเจอพี่ป๋องอีกครั้งก็ทำให้พี่แจ็คอยากกลับไปทำงานที่ The Shock แต่สิ่งที่เขาทำคือ “ส่งข้อความทางไลน์ไปหาพี่ป๋องและพี่ป๋องไม่ตอบ”
พี่แจ็คบอกว่าตอนนั้นเขาอาจจะผิดกาลเทศะด้วยความไม่รู้ เพราะว่าเขาอยากของานทำ แต่ดันส่งแค่ข้อความไปหาผู้ใหญ่เฉยๆ ทั้งที่เขาก็สามารถโทรไปหรือเดินทางไปเจอพี่ป๋องได้
จนกระทั่งผ่านไปหลายปี ตอนนั้นก็เป็นช่วงที่เริ่มมีการจัดรายการผ่านเว็บไซต์ และเขาก็มีคนรู้จักที่มีสตูดิโอสำหรับจัดรายการให้ยืม เขาเลยไปประกาศในเฟซบุ๊คว่า จะจัดรายการ The Ghost Radio วันที่ 10 ตุลาคม 2558 และตั้งแต่วันแรกที่จัดรายการ เพื่อนคนหนึ่งที่โทรมาเล่าก็เล่าได้น่ากลัวเลย นั่นคือ เรื่อง “ใครมากู้ - คุณปั๊ม”
ในตอนนั้นเขาไม่ได้คาดหวังอะไร แค่ทำเพราะคิดว่านั่นคือสิ่งที่ตัวเองถนัด ในเว็บไซต์วันแรกมีคนฟังสูงสุด 17 คน เท่านั้น แต่ใครจะรู้ รายการนี้จะกลายเป็นหนึ่งในรายการยอดนิยมที่สุดในไทย มียอดวิวต่อคลิปเป็นล้าน มีแฟนคลับเหนียวแน่นทั่วประเทศ
[ รายได้ของ The Ghost Radio 📡 ]
ข้อมูลจาก Creden Data ในปี 2566 พบว่าพี่แจ็คเป็นกรรมการในบริษัทที่ชื่อว่า บริษัท เดอะ โกสท์ สตูดิโอ จำกัด. บริษัท เดอะ โกสท์ เรดิโอ จำกัด. และ บริษัท เดอะ โกสท์ เฮ้าส์ เบฟเวอเรจ จำกัด.
ทำให้อนุมานได้ว่า The Ghost Radio จะมีธุรกิจหลัก ๆ คือ
- สตูดิโอ เพื่อทำการผลิตรายการผี ในปี 2566
มีรายได้ 13 ล้านบาทและมีกำไร 9 ล้านบาท
- รายการสดที่จัดทางวิทยุ ในปี 2566
มีรายได้ 59 ล้านบาทและมีกำไร 15 ล้านบาท
- ร้านกาแฟ The Ghost House Coffee ที่ตั้งอยู่แถว RCA บล็อกD
มีรายได้ 5 ล้านบาทและมีกำไร 9 แสนบาท
รวมรายได้ในปี 2566 บริษัทพี่แจ็คมีรายได้รวมกว่า 77 ล้านบาท!
[ บทเรียนการเงินจากเรื่องราวพี่แจ็ค 💰 ]
1. อย่ารังเกียจงานเล็กๆ เพราะนั่นคือจุดเริ่มต้นของรายได้ทุกบาท
พี่แจ็คเริ่มทำงานตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เลือกงาน ไม่ได้รอแต่งานสบายๆ เขาเคยรับจ้างสารพัด และสกิลงานเล่านั้นหล่อเลี้ยงพี่แจ็คมาได้ จากเรื่องราวชีวิตของพี่แจ็คแล้ว บทเรียนข้อนี้ชัดมากว่า ไม่มีงานไหนไร้ค่า หลายคนมองข้ามงานเล็กๆ เพราะมันดูได้เงินน้อย
แต่จริงๆ แล้ว…นั่นแหละ คือต้นทุนทางประสบการณ์ ที่จะต่อยอดไปสู่รายได้ที่มากขึ้นในวันหน้า
2. อย่าโทษพ่อแม่ที่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย เพราะสุดท้ายพ่อกับแม่เขาก็ทำเต็มที่เท่าที่จะทำได้
ในรายการ #LevelUp EP.10 พิธีกรได้ถามพี่แจ็คว่าเคยโกรธพ่อแม่ไหม
“ผมไม่โกรธพ่อแม่เลย พ่อแม่ไม่เคยทำอะไรให้ผมโกรธ จะโกรธเพราะเขาจน บ้านต้องเช่า มันก็ไม่ใช่ความผิดเขา เพราะเขามีแค่นั้น และเราก็โตขึ้นมาได้ ตอนเราเป็นเด็กที่อยู่ในห้องเช่าเล็กๆ วันหยุดเราก็ได้ดูการ์ตูนได้กินข้าว ได้ไปเล่น กลับบ้าน เราก็มีความสุขดี ส่วนในตอนที่เราเด็กพ่อแม่ลำบากยังไงเราไม่รู้หรอกเพราะตอนนั้นเรายังเด็ก เขาก็ไม่เล่าให้เราฟัง”
สิ่งที่พี่แจ็คเล่า เป็นบทเรียนข้อหนึ่งที่กูรูการเงินหลายคนแนะนำเลย เพราะหลายคนติดอยู่กับคำว่า “ถ้าฉันเกิดมารวยกว่านี้…” หรือ “ถ้าพ่อแม่เราขยันกว่า…” มาเป็นข้ออ้างสำหรับการไม่พยายามด้วยตัวเอง
แต่พี่แจ็คเลือกมองกลับกัน เขาไม่ใช้ความยากจนเป็นข้ออ้าง ไม่แบกความน้อยใจติดตัว เขาเลือกเดินต่อ บทเรียนนี้สำคัญมากสำหรับใครที่รู้สึกว่าชีวิตมันไม่แฟร์ เพราะความจริงคือ เราอาจเปลี่ยนอดีตไม่ได้ แต่เรากำหนดอนาคตได้แน่นอน
3. คนเราหาเงินได้ตลอดชีวิต ถ้าพร้อมปรับตัวและไม่หยุดพัฒนา
จากเด็กคนหนึ่งที่ต้องทำงานหาเงินตั้งแต่เรียนจบ ป.6 กลายเป็นคนสร้างรายการยูทูบล้านวิว มีงาน มีชื่อเสียง มีรายได้ที่มั่นคงจากสิ่งที่เขาชอบ ถ้าพี่แจ็คยังยึดติดว่า ไม่มีวุฒิ ไม่มีบ้าน ไม่มีต้นทุน จะเอาอะไรไปสู้กับคนอื่น วันนี้เขาคงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้
เพราะหลายๆ ครั้งความสำเร็จในทุกๆ ด้านไม่ใช่แค่เฉพาะด้านการเงิน มันไม่ใช่แค่เรื่องของโชค แต่มันคือผลลัพธ์ของความพยายาม + ความสม่ำเสมอ + การไม่กลัวเริ่มใหม่
สรุป: ไม่มีใครเขียนบทให้ชีวิตเราได้ นอกจากตัวเราเอง พี่แจ็คเป็นอีกคนที่ไม่ใช่คนที่เริ่มต้นด้วยต้นทุนหนา แต่เขาเดินมาจนถึงจุดที่มีทั้งชื่อเสียง และความมั่นคงทางการเงิน เขาคือหลักฐานว่าความมุ่งมั่นไม่เคยทรยศใคร และถ้าจะมีใครเขียนเรื่องราวใหม่ได้ ก็มีแค่ตัวเราเท่านั้น 🙂
เรียบเรียงโดย กนกจันทร์ Content Creator, aomMONEY
ที่มา:
https://youtu.be/1fGAOiZrmW4?si=T-HGFGE8G_agkv23
https://youtu.be/pxAaIONdguc?si=ILgEM3PyQzqxekio
https://www.thairath.co.th/entertain/news/2806536
https://www.marketthink.co/54311
https://data.creden.co/company/general/0105565095670
https://data.creden.co/company/general/0105563084930
https://data.creden.co/company/general/0105563157741
#aomMONEY #TheGhostRadio #พี่แจ็ค #การเงิน #บทเรียนการเงิน #คนดังกับการเงิน
3 บันทึก
7
1
3
7
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย