24 เม.ย. เวลา 12:52 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

Captain America: Brave New World

อะไรที่หายไป
สิ่งที่ขาดหายไปอย่างเห็นได้ชัดใน Captain America: Brave New World ไม่ใช่แค่ความมั่นใจของแซม วิลสันในฐานะกัปตันอเมริกาเท่านั้น แต่คือ "หัวใจของกัปตันอเมริกา" หัวใจที่เคยเป็นศูนย์รวมความหวัง แรงบันดาลใจ และพลังศรัทธาของผู้คนทั้งมวลได้ขาดหายไปด้วย
สตีฟ โรเจอร์ส ไม่ใช่แค่ฮีโร่ที่ชนะศึกด้วยพละกำลัง เขาคือผู้นำที่ยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง แม้กระทั่งยืนคนเดียวท่ามกลางศัตรูทั้งกองทัพ เขาเป็นคนที่สามารถพูดประโยคเดียวแล้วชุบชีวิตใจทั้งทีมขึ้นมาได้ เป็นคนที่แม้ในวันที่มืดมนที่สุด ก็ยังทำให้เราเชื่อว่ายังมีแสงอยู่ข้างหน้า ไม่ว่าจะในสงครามโลก หรือในสนามรบกับธานอส
แต่ Brave New World กลับไร้ซึ่งจิตวิญญาณนั้น หนังแทบไม่มีฉากไหนเลยที่ทำให้ผู้ชมรู้สึก “ฮึกเหิม” หรืออยากลุกขึ้นต่อสู้ไปกับแซม วิลสัน ไม่มีจังหวะปลุกใจ ไม่มีคำปราศรัยที่กินใจ ไม่มีการแสดงออกถึงภาวะผู้นำที่แซมควรจะเรียนรู้และเติบโตขึ้นมาสานต่อจากสตีฟ โรเจอร์ส และนั่นทำให้การเปลี่ยนผ่านบทบาทกัปตันอเมริกานั้นกลวงเปล่าและไม่มีน้ำหนัก
แทนที่หนังจะให้เวลากับการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างแซมกับประชาชน กับทีม หรือแม้แต่กับตัวตนของเขาเอง มันกลับเร่งรีบพาเราเข้าสู่ฉากต่อสู้ฉาบฉวยที่ไม่ได้มีความหมายอะไรต่อการพัฒนาเส้นเรื่องหลักเลย แซมกลายเป็นแค่คนถือโล่ที่ยังไม่เชื่อในตัวเอง และหนังก็ไม่ได้ช่วยให้เราคนดูเชื่อในตัวเขาไปด้วยเช่นกัน
มันน่าเสียดาย เพราะในโลกที่เต็มไปด้วยความแตกแยก ความไม่แน่นอน และความสิ้นหวังอย่างในปัจจุบัน “กัปตันอเมริกา” ควรจะยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ การเสียสละ และศรัทธาในอุดมคติบางที่คนเราควรยึดถือ แต่สิ่งเหล่านั้นกลับหายไปจากหนังเรื่องนี้ เหลือไว้เพียงแค่โล่หนึ่งอัน กับคนที่ยังไม่รู้ว่าจะใช้มันอย่างไร
และนั่นอาจเป็นบทสรุปที่เศร้ากว่าฉากใด ๆ ในหนังทั้งเรื่อง
“นายไม่ใช่สตีฟ โรเจอร์ส”
คือประโยคที่ประธานาธิบดีธัดเดียส รอสส์ (แฮร์ริสัน ฟอร์ด) พ่นออกมาอย่างขึงขังใส่แซม วิลสัน (แอนโธนี แม็คคี) ผู้สืบทอดตำแหน่งกัปตันอเมริกาคนใหม่ คำพูดนั้นจงใจจะทำร้ายรู้สึก และสะท้อนใจแซมที่ยังคงตั้งคำถามกับตัวเองว่า เขาจะสืบทอดตำนานของสตีฟ โรเจอร์สได้หรือไม่ หนังพยายามชูประเด็นความไม่มั่นใจในตัวเองของฮีโร่ขึ้นมาเป็นแก่นหลัก ซึ่งน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจ หากว่าไม่ได้ถูกเล่าอย่างตื้นเขินและผิวเผินแบบนี้
ต่อมาเมื่อบัคกี้ บาร์นส์ (เซบาสเตียน สแตน) จะพยายามปลอบแซมว่า “เขาให้โล่นั้นกับนาย ไม่ใช่เพราะนายแข็งแกร่งที่สุด แต่เพราะนายคือนาย” แต่บทพูดเหล่านี้กลับถูกหั่นอารมณ์ด้วยการอยู่ในเนื้อเรื่องที่ไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้่เลย เพราะถึงแม้แซมจะไม่มั่นใจในตัวเอง หนังเรื่องนี้ก็ไม่มั่นใจในทิศทางของตัวเองเช่นกัน ผลลัพธ์คือหนังที่เต็มไปด้วยฉากแอ็กชันแบบตามสูตร เอฟเฟกต์ซ้ำซาก และวายร้ายอย่าง The Leader ที่แม้จะมีพลังคำนวณอนาคตได้ แต่กลับไม่น่าจดจำเลย
ท้ายที่สุด Brave New World เป็นหนังที่ดูเหมือนมาร์เวลตั้งใจจะทำให้เป็นหนังแอ็กชันระทึกขวัญใกล้ตัวที่ไม่มีเอเลี่ยน ไม่มีอัญมณีวิเศษ และไม่มีบทโลกาวินาศ แต่กลับสร้างความสับสนไปหมดและเป็นผลิตผลของหมดไอเดีย และไร้ความกล้าจะเดินออกจากเงาของอดีต
บางทีคำพูดของรอสส์ที่ว่า “นายไม่ใช่สตีฟ โรเจอร์ส” ไม่ได้สะท้อนถึงแค่ตัวละครแซม แต่มันอาจจะกำลังพูดแทนคนดูที่รู้สึกว่าBrave New World ก็ไม่ใช่หนัง Captain America ที่เราเคยสนุกและรักกัปตัน "คนนั้น"
5/10
โฆษณา