26 เม.ย. เวลา 05:43 • ข่าวรอบโลก

จากบัวโนสไอเรสสู่วาติกัน: บทส่งท้ายของพระสันตปาปาฟรานซิส ผู้เปลี่ยนโลกด้วยความเมตตา

ในเช้าวันจันทร์ที่ 21 เมษายน 2025 เสียงระฆังที่นครรัฐวาติกันดังกังวานในความเงียบ สมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิสได้สิ้นพระชนม์อย่างสงบ ณ ที่ประทับ สิริอายุ 88 ปี หลังทรงเข้ารับการรักษาอาการปอดอักเสบเป็นเวลาหลายสัปดาห์
แม้พระองค์จะจากไปแล้ว แต่สิ่งที่หลงเหลือไว้ กลับยิ่งใหญ่กว่าพระวรกาย — คือหัวใจของผู้เปลี่ยนแปลงคริสตจักรด้วยความรัก ความกล้า และความเข้าใจมนุษย์อย่างลึกซึ้ง
เส้นทางชีวิตจากลูกชายชาวอาร์เจนตินา สู่ผู้นำจิตวิญญาณของโลก
พระสันตปาปาฟรานซิส ทรงมีพระนามเดิมว่า ฮอร์เฆ มาริโอ แบร์โกกลิโอ ประสูติเมื่อปี ค.ศ. 1936 ในกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ท่ามกลางครอบครัวผู้อพยพชาวอิตาเลียนที่อบอุ่นและเคร่งศาสนา
ก่อนจะมาสวมเสื้อคลุมนักบวช พระองค์เคยเรียนด้านเคมี และทำงานในห้องแล็บมาก่อน ทรงเคยผ่าตัดปอดข้างหนึ่งออกตอนอายุ 21 ปี ซึ่งนั่นเองเป็นจุดเปลี่ยนให้หันเข้าสู่ชีวิตนักบวชแบบเต็มตัว เพราะเมื่อความอ่อนแอกายปรากฏ พระองค์กลับค้นพบพลังใจที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่า
ในปี 1969 พระองค์ได้รับอุปสมบทในคณะเยซูอิต และด้วยความสามารถที่โดดเด่น พระองค์ก้าวขึ้นเป็นอาร์ชบิชอปแห่งบัวโนสไอเรส และในปี 2013 ก็ได้รับเลือกเป็นพระสันตปาปาองค์ที่ 266 ของคริสตจักรคาทอลิก ซึ่งถือเป็นชาวอเมริกาใต้คนแรก และเป็นสมาชิกคณะเยซูอิตคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งนี้
พระสันตปาปาแห่งความเมตตา
สิ่งที่ทำให้พระสันตปาปาฟรานซิสแตกต่างจากผู้นำศาสนาก่อนหน้า ไม่ใช่แค่ภูมิหลังหรือถิ่นกำเนิด แต่คือหัวใจของการ “เป็นมนุษย์ในบทบาทนักบุญ”
พระองค์ทรงใช้ชีวิตเรียบง่าย เลือกไม่อยู่ในวังหลังใหญ่ แต่พักที่ห้องพักเล็กๆ เดินไปทำงาน ทักทายเจ้าหน้าที่ และใช้รถเล็กๆ แทนรถกันกระสุนที่ทางราชการจัดให้
แต่สิ่งที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าคือ ทรงนำเสนอศาสนาในฐานะ “ที่พักใจของผู้คน” ไม่ใช่กรอบของคำพิพากษา พระองค์เปิดกว้างต่อผู้มีความหลากหลายทางเพศ เรียกร้องให้คริสตจักรใกล้ชิดกับผู้ยากไร้ ไม่ตัดสินคนที่แตกต่าง ไม่ตอกย้ำความผิดในอดีต แต่กลับเน้นการให้อภัยและการเริ่มต้นใหม่
คำสอนที่ไม่ต้องขึ้นธรรมาสน์
“อย่ากลัวที่จะเมตตา”
“เราทุกคนต่างมีรอยร้าว แต่แสงก็ผ่านเข้ามาจากรอยร้าวนั้นเอง”
วาทะเหล่านี้คือคำพูดที่สะท้อนแนวทางชีวิตของพระองค์ — การยอมรับความไม่สมบูรณ์ของมนุษย์ และเปลี่ยนมันให้กลายเป็นสิ่งงดงาม
พระสันตปาปาฟรานซิสไม่พยายามเป็นผู้นำที่อยู่เหนือคนอื่น แต่เลือกจะ “เดินไปด้วยกัน” กับผู้คน เป็นนักบวชที่มีสายตาแบบพ่อแม่ผู้เข้าใจลูก เป็นคนธรรมดาที่เชื่อว่าทุกคนมีค่าพอจะได้รับความรัก
การจากไป…ที่ไม่ใช่การจบ
แม้พระองค์จะสิ้นพระชนม์ในวัย 88 ปี แต่พระสันตปาปาฟรานซิสไม่ได้หายไปจากโลกนี้เลย เพราะสิ่งที่พระองค์เปลี่ยนแปลงยังคงดำเนินอยู่ ไม่ว่าจะเป็นความกล้าที่จะให้อภัย การมองโลกด้วยความเมตตา หรือการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าแม้ในความเรียบง่ายที่สุด
พิธีศพของพระสันตปาปาฟรานซิสได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และเรียบง่ายในเวลาเดียวกัน ณ จัตุรัสนักบุญเปโตร เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2025
พระคาร์ดินัลจากทั่วโลก พร้อมผู้นำศาสนาและผู้นำประเทศหลากหลายเชื้อชาติต่างเดินทางมาเคารพศพ ท่ามกลางมหาชนที่หลั่งไหลเข้าร่วมพิธีด้วยความโศกเศร้าและซาบซึ้ง
โลงศพไม้ไซเปรสที่เรียบง่ายถูกตั้งอยู่กลางจัตุรัส ราวกับสะท้อนชีวิตที่พระองค์เลือกใช้ — เรียบง่ายแต่งดงาม
หลังพิธี เสียงระฆังครั้งสุดท้ายดังกึกก้องไปทั่วนครรัฐวาติกัน ก่อนโลงศพจะถูกนำไปบรรจุในถ้ำใต้มหาวิหารนักบุญเปโตร เคียงข้างเหล่าพระสันตปาปาในอดีต
เป็นการอำลาทางกาย…แต่ไม่ใช่การอำลาทางใจ
มรดกที่ฝากไว้…ไม่ใช่แค่ตำรา แต่คือหัวใจ
ในโลกที่เต็มไปด้วยเสียงดังและความขัดแย้ง พระสันตปาปาฟรานซิสเลือกจะพูดด้วยเสียงเบา แต่กลับเข้าถึงใจคนเป็นล้านๆ ทั่วโลก
ไม่จำเป็นต้องเป็นคริสต์ ไม่ต้องมีศาสนา
แต่ทุกคนต่างรู้สึกได้ว่า “พระองค์คือแสงที่อบอุ่นกลางความหนาวเหน็บ”
และแม้แสงนั้นจะลาลับฟ้าไปแล้ว…แต่ยังคงอบอุ่นในหัวใจผู้คนอีกยาวนาน
เอเมน
โฆษณา