26 เม.ย. เวลา 14:27 • ไลฟ์สไตล์

รับเสด็จรัชกาลที่ 7 อีกเรื่องราวของมุสลิมในดินแดนล้านนา

ย้อนอดีตกาล เมื่อวันที่ 23 มกราคม ในปีพุทธศักราช 2469 เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ควรค่าแก่การจดจำในประวัติศาสตร์ของเชียงใหม่
—พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 พร้อมสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ได้เสด็จประพาสเมืองเชียงใหม่ นับเป็นครั้งแรกที่พระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีเสด็จพระราชดำเนินสู่ดินแดนล้านนาอย่างเป็นทางการ
ในเวลานั้น เชียงใหม่ยังคงเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของเมืองเก่าแห่งล้านนา อันเต็มไปด้วยวัฒนธรรมท้องถิ่นและความหลากหลายของผู้คน ดินแดนแห่งนี้ไม่ใช่เพียงแค่ศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรม แต่ยังเป็นแหล่งพำนักของกลุ่มชาติพันธุ์นานาชาติที่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขมาเป็นเวลานาน
ไม่ว่าจะเป็นไทยใหญ่ จีนฮ่อ พม่า ม้ง ลีซู และกลุ่มชาวมุสลิมจากหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งเชื้อสายเบงกาลี ปาทาน อาหรับ หรือเปอร์เซีย ที่เข้ามาตั้งรกรากประกอบอาชีพ และเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนเชียงใหม่ตั้งแต่ยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น
ในโอกาสที่รัชกาลที่ 7 เสด็จฯ มายังเวียงพิงค์ครั้งนั้น บรรดาเจ้านายฝ่ายเหนือและประชาชนจากชนชาติต่าง ๆ ได้พร้อมใจกันจัดกระบวนแห่เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายพระขวัญ แสดงความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ ขบวนแห่มีทั้งการแต่งกายพื้นเมือง รถภาพ และการแสดงศิลปวัฒนธรรมประจำกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่งในนั้นคือขบวนของชาวมุสลิม
#จดหมายเหตุใน สมุดภาพประพาสเวียงพิงค์ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บันทึกไว้อย่างชัดเจนว่า
> “บรรดาแขกที่นับถือศาสนาอิสลาม ทำรถภาพเป็นรูปคัมภีร์โกหร่าน (อัลกุรอ่าน) มาเข้ากระบวนแห่ทูลพระขวัญ”
และยังกล่าวถึง
“ชาวบ้านชนชาติฮ่อที่มากระบวนแห่ทูลพระขวัญ รถภาพเป็นรูปนกยูงอยู่บนภูเขามีพระแขกอ่านคัมภีร์โกหร่าน แล้วถึงพวกฮ่อชายหญิงและขบวนม้าต่าง”
ภาพเหล่านี้ไม่เพียงบ่งบอกถึงความศรัทธาของชาวมุสลิมที่มีต่อศาสนาเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความกลมกลืนและความเคารพซึ่งกันและกันในสังคมล้านนาหลายเชื้อชาติ หลายศาสนา ซึ่งอยู่ร่วมกันด้วยความเข้าใจและเมตตา
#อิสลามสอนให้มุสลิมอยู่ร่วมกับผู้อื่นด้วยสันติ โดยพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านได้กล่าวไว้ว่า
> “ไม่มีการบังคับในเรื่องของศาสนา แท้จริงทางที่ถูกนั้นปรากฏชัดจากทางที่หลงผิดแล้ว” (อัลบะเกาะเราะฮฺ 2:256)
อีกทั้งท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ.ล.) ยังเคยตรัสว่า
“ผู้ใดที่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น แม้เขาจะต่างศาสนา ก็เปรียบเหมือนเขาได้ทำลายฉัน”
นี่คือหัวใจของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ—ความเคารพ ความเมตตา และการยอมรับความแตกต่าง ด้วยหลักธรรมอันเป็นสากลของศาสนาอิสลามที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตร่วมกันของผู้คนในล้านนา
อ้างอิงข้อมูล จาก มติชนออนไลน์
ชุมพล ศรีสมบัติ รายงาน
โฆษณา