27 เม.ย. เวลา 15:16 • การเมือง

Part 1 : สงครามเงียบเหนือเส้นขอบฟ้า

ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา โลกถูกขับเคลื่อนด้วยเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และเครือข่ายพาณิชย์ข้ามพรมแดนเป็นหลัก แต่เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลังของทศวรรษ 2020 ความจริงที่เริ่มปรากฏเด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ คือ โลกกำลังเข้าสู่การแยกขั้วใหม่ ด้วย กำลังทหารและ เครือข่ายพันธมิตรยุทธศาสตร์ ไม่ใช่แค่เศรษฐกิจอีกต่อไป
สองกลุ่มอำนาจหลักกำลังจัดระเบียบกองทัพและเครือข่ายการรบอย่างเป็นระบบ
ฝั่งหนึ่งคือ สหรัฐอเมริกา, NATO, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และพันธมิตรตะวันตก ที่กำลังเสริมสร้างเทคโนโลยีทางทหารแบบบูรณาการ ทั้งเครื่องบินขับไล่ล่องหน, ระบบป้องกันนิวเคลียร์ และการเชื่อมต่อเครือข่ายสนามรบ
อีกฝั่งคือ จีน, รัสเซีย, อิหร่าน, เกาหลีเหนือ และพันธมิตรยุทธศาสตร์ใหม่ ที่กำลังพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ขั้นสูง และเครือข่ายรบเงียบ ที่ตั้งเป้า ทำลายความได้เปรียบเชิงข้อมูล ของฝ่ายตรงข้าม โดยไม่จำเป็นต้องยิงนัดแรก
สงครามที่กำลังจะมาถึง อาจไม่ได้เริ่มด้วยการยิง แต่ด้วยการครอบครองเครือข่าย ทั้งในอากาศ ใต้น้ำ อวกาศ และโลกไซเบอร์ อย่างเงียบเชียบและเป็นระบบ
และสมรภูมิแรกที่กำลังร้อนแรงที่สุด คือ การช่วงชิงอำนาจเหนือน่านฟ้า
Air Superiority สนามรบที่เริ่มต้นจากความเงียบงัน
การครองน่านฟ้าในศตวรรษที่ 21 ไม่ได้วัดกันที่ใครบินสูงกว่า หรือเร็วกว่าดังเช่นอดีตอีกต่อไป
มันหมายถึง ใครควบคุมข้อมูล เครือข่าย การตัดสินใจ ได้ก่อนในระดับสนามรบทั้งระบบ
เครื่องบินรบยุคใหม่จึงกลายเป็น หน่วยประสานเครือข่ายสงคราม ไม่ใช่แค่ยานรบเดี่ยว ๆ อีกต่อไป USA–NATO–ญี่ปุ่น–เกาหลีใต้ คือเครือข่ายเหนือเส้นขอบฟ้า
F-22 Raptor เงาที่มาแบบเงียบ ที่จะโจมตีก่อนคุณเห็นตัว
F-22 ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรูตรง ๆ มันถูกสร้างขึ้นเพื่อ ทำลายศัตรู ก่อนที่ศัตรูจะรู้ด้วยซ้ำว่ามีศัตรูอยู่ตรงนั้น
ลองนึกภาพนะครับว่า เรดาร์ของคุณแสดงเพียงพื้นหลังว่างเปล่า ไม่มีสัญญาณเตือน ไม่มีการเคลื่อนไหว แต่ในเสี้ยววินาทีต่อมา เครื่องบินรบหลักของฝูงบินคุณระเบิดกลางอากาศ โดยไร้ต้นตอที่ตรวจจับได้
Stealth (เทคโนโลยีพรางตัวจากเรดาร์) ลดการสะท้อนเรดาร์ (RCS – Radar Cross Section พื้นที่สะท้อนสัญญาณเรดาร์) จนเหลือขนาดเล็กเท่านกตัวเดียว
Thrust Vectoring (การควบคุมทิศทางแรงขับ) ปรับทิศของไอพ่นได้อิสระ ทำให้เครื่องบินหักมุมในอากาศได้โดยไม่ต้องเอียงลำ
Sensor Fusion (การหลอมรวมข้อมูลหลายแหล่ง) หลอมรวมภาพจากเรดาร์, อินฟราเรด และสัญญาณวิทยุให้กลายเป็นภาพเดียวในหมวกนักบิน
ในสนามรบแห่งอนาคต ความเงียบคือสัญญาณของหายนะที่ใกล้เข้ามา
F-35 Lightning II สมองสนามรบที่บินได้
F-35 ไม่ใช่แค่เครื่องบินรบ แต่มันคือ ศูนย์กลางประสานเครือข่ายสงครามทั้งหมด
นักบินใน F-35 มองเห็นสนามรบไม่ต่างจากการสวมแว่นตาที่แสดงข้อมูลแบบสามมิติทับบนโลกจริง ทุกภัยคุกคาม ทุกตำแหน่งเป้าหมาย ถูกฉายขึ้นในสายตา โดยไม่ต้องหันหัวมองหา ไม่ต้องรอเรดาร์เตือน
All-Aspect Stealth (ล่องหนได้จากทุกทิศทาง) ไม่ว่าจะส่องจากหน้า หลัง ซ้าย ขวา ศัตรูก็แทบตรวจจับไม่ได้
Electronic Warfare (EW – สงครามอิเล็กทรอนิกส์) ใช้คลื่นวิทยุก่อกวนเรดาร์, ปิดการสื่อสาร, หลอกล่อขีปนาวุธนำวิถี
Advanced Sensor Fusion ไม่เพียงรวมข้อมูล แต่สร้างการมองเห็นแบบ predictive นักบินรู้จังหวะศัตรูแม้ศัตรูยังไม่แสดงตัว
Cognitive Dominance (การควบคุมสนามรบด้วยการประมวลผลเหนือกว่า) นักบินควบคุม UAVs, ประสานงานฝูงบิน และเรียกขีปนาวุธสนับสนุนได้ในเวลาเดียวกัน
ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ไม่เพียงแต่ซื้อ F-35 เพื่อป้องกันตนเอง แต่เพื่อ ก้าวเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายสนามรบโลก ที่ไร้รอยต่อ
ในสงครามใหม่ ใครเห็นสนามรบทั้งหมดก่อน คือผู้กุมชีวิตของทุกฝ่าย
B-21 Raider เงาที่กลืนหายไปในกาลเวลา
B-21 ไม่ได้มาเพื่อถูกมองเห็น มันถูกสร้างมาเพื่อ ทำลายทุกอย่าง ก่อนที่ชื่อของมันจะปรากฏในข้อมูลศัตรู
ลองนึกถึงเงาดำบางเบาที่แฝงตัวอยู่ท่ามกลางหมอกสงคราม ไม่มีเรดาร์ไหนจับได้ ไม่มีเสียงไอพ่น ไม่มีการเตือน จนกระทั่งศูนย์บัญชาการกลางของคุณล่มสลายไปแล้ว
Stealth Evolution (วิวัฒนาการ การพรางตัว) พัฒนาเทคโนโลยีล่องหนให้เอาชนะเรดาร์ทุกชนิด ไม่ว่าคลื่นสั้นหรือคลื่นยาว
Deep Strategic Strike (การโจมตีแบบยุทธศาสตร์เชิงลึก) เจาะกลางใจศัตรูทำลายเป้าหมายสำคัญ เช่น ฐานยิงขีปนาวุธ, ศูนย์บัญชาการ
Persistence (การรอคอยอย่างเงียบ ๆ ในสนามรบ) อยู่บนท้องฟ้าได้นานหลายชั่วโมง รอจนกว่าช่องว่างจะเปิดขึ้นเอง
B-21 ไม่ได้ออกมาโจมตี แต่มันคือเสียงของความเงียบที่ทำลายศัตรูจากภายใน
Loyal Wingman UAV ฝูงบินไร้เงาที่สร้างความโกลาหล
สงครามสมัยใหม่ไม่ยอมให้ความเสี่ยงอยู่ที่นักบินอีกต่อไป
Loyal Wingman (เพื่อนร่วมรบไร้นักบิน) คือฝูงอากาศยานไร้คนขับ (UAV – Unmanned Aerial Vehicle) ที่พร้อมตายแทนนักบินจริง
ลองจินตนาการครับ ฝูง UAV 20 ลำกระจายตัวบุกแนวป้องกันศัตรูจากทุกมุม บางลำแกล้งทำตัวเป็นเป้าล่อ บางลำสอดแนมจุดอ่อน บางลำทะลวงเข้าไปทำลายระบบสื่อสารหลัก
Autonomous Coordination (การประสานงานแบบกึ่งอัตโนมัติ) ฝูง UAVs ปรับตัวตามสถานการณ์เองได้แบบ real-time
Swarm Tactics (กลยุทธ์ฝูงโจมตี) ใช้จำนวน ความสับสน และความเร็ว ทำลายระบบป้องกันศัตรูจนพังอย่างรวดเร็ว
นี่คือการเปลี่ยนแปลงสนามรบ จากการเอาชนะด้วยกำลังปืน ไปสู่การทำลาย "ตา" และ "หู" ของศัตรูให้ดับก่อน
ในสนามรบใหม่ ความสับสนไม่ใช่ข้อเสีย แต่มันคืออาวุธที่ร้ายแรงที่สุดขอฝ่ายที่สร้างมันขึ้นมา
Strategic Reflection เครือข่ายที่ครอบคลุมทั้งโลก
การครองน่านฟ้าในศตวรรษที่ 21 หมายถึงการครองเครือข่ายการสื่อสาร การตัดสินใจและการประสานการรบในทุกโดเมน
ฝั่ง USA–NATO–ญี่ปุ่น–เกาหลีใต้ กำลังสร้าง เครือข่ายสนามรบไร้รอยต่อ ที่เชื่อมเครื่องบินรบ, UAV, เรือดำน้ำ, ดาวเทียม และไซเบอร์เข้าด้วยกัน
ในขณะที่จีน–รัสเซีย–อิหร่าน–เกาหลีเหนือ กำลังสร้างยุทธศาสตร์ที่ทำลายเครือข่าย เพื่อโค่นล้มความได้เปรียบเชิงข้อมูลนี้ ด้วยเทคโนโลยีรบไซเบอร์, ดาวเทียมโจมตี, และ UAV ลวงตา
สงครามครั้งหน้า อาจตัดสินกันที่การแย่งชิงการเชื่อมต่อ ก่อนที่กระสุนแรกจะถูกยิง
ในโลกที่ข้อมูลยิงเร็วกว่ากระสุนใครกันแน่ที่พร้อมรบ?
#Nato #เครื่องบินรบ
โฆษณา