โดยใช้กลุ่มตัวอย่าง LGBTQIA+ จาก Gen Y และ Z ทั้งหมด 374 คน เพื่อให้ผู้ประกอบการและนักการตลาดสามารถนำไปต่อยอดและพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจให้ตอบสนองความต้องการของชาว LGBTQIA+ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยเฉลี่ยมีงบประมาณในการจัดงานประมาณ 300,000-500,000 บาท และที่น่าสนใจคือ 4.7% ของกลุ่มนี้มีการวางแผนใช้งบประมาณมากกว่า 1 ล้านบาท โดยเฉพาะกลุ่ม Gay Gen Z ซึ่งมีสัดส่วนสูงกว่ากลุ่ม Gay Gen Y
• ด้านการท่องเที่ยวและฮันนีมูนพบว่า กลุ่ม LGBTQIA+ มีความสนใจและวางแผนไปฮันนีมูนหลังแต่งงาน 51.8% โดยมีเลสเบี้ยนสูงถึง 35.2% ที่ชื่นชอบการไปฮันนีมูน และเลสเบี้ยน Gen Y นิยมไปฮันนีมูนในเอเชียมากที่สุด 46.9% รองลงไปคือภายในประเทศ 32% และยุโรป 21.1% สำหรับที่พักที่นิยมสำหรับฮันนีมูน คือ Private Villa 40.6%
ตามมาด้วยโรงแรมหรู 31.3% โดยกลุ่ม Gay Gen Y นิยมโรงแรมมากกว่ากลุ่มอื่น ผลวิจัยยังระบุอีกว่ากลุ่ม LGBTQIA+ ใช้จ่ายในการท่องเที่ยว 20,000-50,000 บาทต่อปี เฉลี่ยท่องเที่ยว 3-5 ครั้งต่อปี โดยกลุ่ม Gay Gen Y มีสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวระหว่าง 20,000-50,000 บาท สูงที่สุด
ผลวิจัยยังพบว่า 54% ของกลุ่ม Gay Gen Z ชอบให้เอเจนซี่วางแผนฮันนีมูนให้มากกว่าวางแผนด้วยตัวเอง ขณะที่ 33% ของกลุ่ม Gay Gen Z นิยมเลือกจุดหมายปลายทางประเภท Beach & Sea share
• ด้านการวางแผนครอบครัวและการมีบุตร พบว่า กลุ่ม LGBTQIA+ 54% วางแผนมีบุตรภายใน 2 ปีหลังแต่งงาน โดยกลุ่ม Lesbian Gen Z มีความต้องการมีบุตรสูงที่สุด และกลุ่ม Gay Gen Z 16.1% มีความคาดหวังที่จะมีบุตรมากกว่ากลุ่มอื่น ผลวิจัยยังพบว่า 12.9% ของกลุ่ม LGBTQIA+ ต้องการใช้บริการธนาคารฝากเซลล์สืบพันธุ์ในการมีบุตรโดยทางเลือกในการมีบุตรของกลุ่ม LGBTQIA+ มีหลากหลาย
โดยมีงบประมาณเฉลี่ย 3-5 ล้านบาท ในขณะที่กลุ่ม Lesbian Gen Z สนใจซื้อคอนโดมิเนียมสูงถึง 44% ส่วนกลุ่ม Gay Gen Z และ Others Gen Z สนใจบ้านเดี่ยวมากกว่าที่ 40% นอกจากนี้ 86% ของกลุ่ม LGBTQIA+ ยังมองหาสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำกว่า 5% โดยกลุ่ม Lesbian Gen Y และ Gay Gen Z ยอมรับดอกเบี้ยได้สูงถึง 7.01-10%
สำหรับด้านการวางแผนการเงินพบว่า กลุ่ม Lesbian วางแผนการเงินเพื่อที่อยู่อาศัยสูงที่สุด ขณะที่กลุ่ม Gay วางแผนการเงินเพื่อยานพาหนะมากที่สุด และกลุ่ม Others วางแผนการเงินเพื่อการเกษียณอายุและแปลงเพศที่ 2.9% ผลการวิจัยยังพบว่า 55% ของชาว LGBTQIA+ ต่าง Gen เลือกที่อยู่อาศัยโดยให้ความสำคัญกับ "ทำเลและความปลอดภัย" เป็นหลัก โดย 30% ของ Gay Gen Z เลือกทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้า และ 56% มีแนวโน้มกระจายตัวอาศัยนอกเขตธุรกิจ
• ด้านสุขภาพและประกันภัย พบว่า 48.6% ของกลุ่ม LGBTQIA+ ใช้จ่ายกับประกันในช่วง 10,000-30,000 บาทต่อปี โดยประกันสุขภาพเป็นที่ต้องการของกลุ่ม Gay Gen Y มากที่สุด ประกันชีวิตแบบระบุผู้รับผลประโยชน์เป็นที่ต้องการของกลุ่ม Lesbian Gen Y มากที่สุด และประกันการเดินทางเป็นที่ต้องการของกลุ่ม Gay Gen Z มากที่สุด