28 เม.ย. เวลา 00:43 • หุ้น & เศรษฐกิจ

SoFi: เรื่องราวของบริษัทที่อยากเป็นมากกว่าธนาคาร

ในโลกที่มีธนาคารนับพันแห่ง และสถาบันการเงินที่แข็งแรงอยู่เต็มไปหมด
ทำไมถึงต้องมี "SoFi"?
เรื่องราวของ SoFi เริ่มต้นในปี 2011 ที่ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
กลุ่มเพื่อนร่วมรุ่นกลุ่มหนึ่งมองเห็นปัญหาใหญ่ในอเมริกา:
นักเรียนจบใหม่กำลังจมอยู่กับหนี้ก้อนโต แต่พวกเขากลับไม่มีใครช่วยเหลือแบบจริงจัง
พวกเขาเลยตั้ง SoFi ขึ้นมา เพื่อให้ "เงินกู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน"
เริ่มจากการจับกลุ่มศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันเข้าด้วยกัน:
คนที่ประสบความสำเร็จแล้ว ช่วยปล่อยกู้ให้นักเรียนรุ่นหลัง ด้วยเงื่อนไขที่เป็นมิตรกว่าธนาคารใหญ่
แค่แนวคิดก็แตกต่างแล้ว
แต่นั่นเป็นแค่จุดเริ่มต้น
เวลาเปลี่ยน ความฝันของ SoFi ก็โตขึ้นตาม
จากบริษัทปล่อยกู้นักศึกษา
SoFi ขยับขยายไปสู่โลกการเงินแบบเต็มตัว:
เปิดบริการลงทุน
เปิดบัญชีเงินฝาก
ออกบัตรเครดิต
จนถึงเปิดบริการซื้อขายหุ้นคริปโต
พวกเขาไม่ได้อยากเป็นแค่ "ธนาคาร"
แต่ตั้งใจจะเป็น "One-Stop Financial App"
แอปเดียวที่ดูแลได้ทั้งการฝาก ถอน กู้ ลงทุน วางแผนชีวิต
ในปี 2021
SoFi เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ผ่านวิธีพิเศษที่เรียกว่า SPAC
และได้ CEO อย่าง Anthony Noto อดีต CFO ของ Twitter และอดีตผู้บริหาร Goldman Sachs เข้ามานำทัพ
แต่เส้นทางของ SoFi ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
ช่วงปี 2022-2023
ราคาหุ้น SoFi ตกลงอย่างหนัก
นักวิเคราะห์หลายคนตั้งคำถามว่า SoFi จะไปรอดไหม ในเมื่อเจอทั้ง
อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
เศรษฐกิจชะลอตัว
กฎหมายควบคุมการกู้ยืมเข้มงวดขึ้น
แต่ SoFi ก็ยังยืนหยัด
พวกเขาค่อยๆ เพิ่มผู้ใช้ ค่อยๆ ขยายผลิตภัณฑ์
และค่อยๆ ขยับจากบริษัท "ให้บริการทางการเงิน"
กลายเป็นบริษัท "สร้างระบบการเงินใหม่" สำหรับคนรุ่นต่อไป
SoFi กำลังบอกเราผ่านการเดินทางของตัวเองว่า:
การจะเปลี่ยนโลกการเงินได้ ไม่ได้เกิดจากการ "แข่งกับธนาคารใหญ่"
แต่เกิดจากการ "เข้าใจหัวใจของคนรุ่นใหม่" และเติบโตไปพร้อมกับเขา
---
"ในโลกที่ยักษ์ใหญ่ครองทุกอย่างไปหมดแล้ว...
ถ้าอยากมีที่ยืน เราต้องกล้าสร้าง 'สนามใหม่' ขึ้นมาเอง"
#บทความนี้เป็นการแลกเปลี่ยนและแบ่งปันความรู้เท่านั้น
#ไม่สนับสนุนให้ลงทุน นักลุงทุนควรศึกษาปัจจัยพื้นฐานของบริษัทก่อนตัดสินใจลงทุน
โฆษณา