28 เม.ย. เวลา 04:13 • หุ้น & เศรษฐกิจ

วิกฤตราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้น

ราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงนี้ มาจากปัจจัยอุปทานที่หายากขึ้น (เช่น สภาพอากาศสุดขั้ว ต้นทุนพลังงานและปุ๋ยที่ยังสูง แม้มีแนวโน้มทรงตัว) กับปัจจัยอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นทั้งในตลาดโลกและภูมิภาคเอเชีย นอกจากนี้ ยังมีบทบาทของนโยบายการค้า–ภาษี และความเสี่ยงจากความขัดแย้งระดับโลกที่กดดันซัพพลายเชนให้เปราะบางยิ่งขึ้น
ปัจจัยด้านอุปทาน
สภาพอากาศสุดขั้ว
  • ปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) ส่งผลให้หลายพื้นที่เกิดภาวะแห้งแล้งหรือฝนตกหนักมากกว่าปกติ กระทบผลผลิตข้าว ข้าวโพด และถั่วเหลืองในหลายภูมิภาค
  • บางประเทศ เกิดภาวะฝนทิ้งช่วง ส่งผลให้ต้นทุนจัดการน้ำและการชลประทานพุ่งสูงขึ้น
ต้นทุนพลังงานและปุ๋ยยังอยู่ในระดับสูง
  • ต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นโดยเฉพาะราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ทำให้ค่าขนส่งและการผลิตภาคเกษตรแพงตามไปด้วย
  • แม้ดัชนีราคาปุ๋ยเริ่มทรงตัวในต้นฤดูเพาะปลูกปี 2025 แต่ยังอยู่เหนือระดับก่อนวิกฤตการณ์ปี 2021–2022 ส่งผลให้ต้นทุนเฉลี่ยของปุ๋ยหลายชนิดยังสูง (เช่น DAP $766/ตัน, UAN32 $356/ตัน)
ความขัดแย้งระดับโลกและซัพพลายเชนเปราะบาง
  • สถานการณ์สงครามรัสเซีย–ยูเครน กดดันราคาพลังงาน เมล็ดพืช และปุ๋ย สะท้อนผ่านราคาน้ำมันและแก๊สที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตปุ๋ย
  • นโยบายกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หรือการขึ้นภาษีตอบโต้ของแต่ละประเทศ ทำให้การส่งออก–นำเข้าสินค้าเกษตรผันผวนมากขึ้น
  • การหยุดชะงักของซัพพลายเชนระดับโลก ทำให้ต้นทางและปลายทางการค้าพบความล่าช้า และต้นทุนโลจิสติกส์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ปัจจัยด้านอุปสงค์
ความต้องการจากตลาดเอเชีย
  • ความต้องการปาล์มน้ำมันในจีนและอินเดียปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากราคาปาล์มแข่งขันได้มากกว่าน้ำมันถั่วเหลือง ทำให้ผู้ปลูกปาล์มยกระดับราคาขายได้
  • ตลาดกาแฟพรีเมียม (specialty coffee) และผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกเติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคากาแฟรวมถึงเมล็ดพันธุ์อินทผลัมและผลไม้สดบางชนิดขยับสูงตาม
บทบาทนโยบายภาครัฐ
  • รัฐบาลไทยออกมาตรการประกันรายได้เกษตรกรและโครงการพัฒนาพื้นที่เกษตรยั่งยืน ช่วยหนุนราคาให้เกษตรกรยังพอมีรายได้ แต่ก็ถูกตั้งข้อกังวลว่าจะเป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรปรับราคาขายสูงขึ้นเพื่อรักษากำไร
  • มาตรการทางภาษี เช่น ภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรและนโยบายส่งเสริมการส่งออกของหลายประเทศ ทำให้เกิดการเปลี่ยนเส้นทางการค้า (trade diversion) และกดดันราคาสินค้าในตลาดโลก
สถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป?
ราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้นในปัจจุบันเป็นผลจากการบีบอัดของปัจจัยหลายด้าน ทั้งอุปทานที่ลดลงจากสภาพอากาศแปรปรวนและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ประกอบกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในตลาดโลกและภูมิภาค
ผู้บริโภคอาจต้องปรับตัวกับราคาอาหารที่สูงขึ้นในระยะสั้นถึงระยะกลาง ขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นต้องหาสมดุลระหว่างการสนับสนุนเกษตรกรและการควบคุมราคาสินค้าเพื่อไม่ให้กระทบกับค่าครองชีพของประชาชน
ในท้ายที่สุด การรับมือกับวิกฤตราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้นจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือในระดับนานาชาติ เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กับระบบอาหารโลกและรับมือกับความท้าทายด้านสภาพอากาศที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้น
โฆษณา